“ชายที่เหมือนตัวตลก? เขาถามอะไรเจ้า?” ลูเซียนขมวดคิ้ว เขาสงสัยว่าบางทีอาจจะมีคนรู้ความจริงแล้วว่าเขาเป็นนักเวท

เกรซส่ายศีรษะด้วยท่าทีจริงจัง “ข้าไม่รู้ว่าเขาเป็นใครหรอกค่ะ ท่าทางเขาน่าขนลุกจนข้ากลัวจริงๆ ข้าขอโทษด้วยค่ะ ท่านอีวานส์… ข้ารู้สึกว่าปฏิเสธเขาไม่ได้… เขาถามข้าว่าข้าพบท่านในสเติร์กได้อย่างไร ข้าได้รับความช่วยเหลือจากท่านและท่านแนะนำข้าให้กับท่านคริสโตเฟอร์และท่านวิกเตอร์ได้อย่างไร อ๋อ… เขายังถามด้วยว่าตอนนั้นท่านมากับใคร… ข้าขอโทษจริงๆ ขอโทษจริงๆ ท่านอีวานส์… ข้ากลัวว่าเขาจะฆ่าข้า ข้าเลยบอกเขาไปทั้งหมด ข้ารู้ว่าอาจทำให้ท่านมีปัญหา แต่ตอนนั้นข้าควบคุมตัวเองไม่ได้จริงๆ…” เกรซขอโทษอย่างจริงใจ

ลูเซียนตั้งใจฟังและพยักหน้าตามเบาๆ “ข้าคิดว่า นี่อาจทำให้เจ้ามีปัญหาต่างหาก มีคนรู้ว่าเจ้าเคยใช้ชื่อของข้าโฆษณาตัวเองโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นนานมาแล้วและตอนนี้เจ้าก็เป็นนักดนตรีที่มีชื่อเสียง ข้าก็อาจได้คำชื่นชมกลับมา เพราะคนทั่วไปก็จะคิดว่าข้าใจกว้างและยอมให้อภัยเจ้า”

เกรซยิ้มกว้างและกล่าวต่อ “แต่โชคดี ข้าไม่ได้บอกตัวตลกคนนั้นว่า เพื่อให้ท่านให้อภัย ท่านขอให้ข้าส่งข้อความถึงเกรนนิวฟ์ แต่ข้าบอกเขาว่าท่านมีเมตตา และ… คืนนั้นเราอยู่ด้วยกัน… ข้าต้องบอกเขาอย่างนั้น ข้ากลัวว่าเขาจะไม่เชื่อว่าท่านให้อภัยข้าเพียงเพราะความมีเมตตาเท่านั้น”

ขณะที่นางเล่าถึงจุดนี้ เกรซก็เฝ้าสังเกตสีหน้าของลูเซียน

ลูเซียนตอบกลับด้วยน้ำเสียงจริงจัง “นั่นไม่ใช่เรื่องอะไรที่ต้องปิดบัง ข้าเพียงอยากช่วยให้เพื่อนของข้าได้พบกับเกรนนิวฟ์ในตอนนั้น สิ่งที่เจ้าพูดไม่ได้เป็นผลเสียต่อชื่อเสียงของข้าเลย”

ตราบใดที่ไวเคานต์ไรต์ยังอยู่ที่นั่น และตราบใดที่เกรนนิวฟ์เป็นคนซ่อนเร้นตัวตนที่แท้จริงไว้ได้ ถึงแม้เกรซจะบอกเรื่องจริงกับคนแปลกหน้าทั้งหมด พวกเขาก็คงไม่เป็นอะไร ลูเซียนบอกแล้วให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับในตอนนั้นก็เพราะต้องระวังตัวจากเกรนนิวฟ์

“ข้าขอโทษค่ะ ท่านอีวานส์ เป็นข้าเองที่คิดในแง่ร้ายเกินไป” เกรซรีบขอโทษอีกครั้ง “ข้าคิดว่าการเก็บงำความลับของท่านเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เหมือนตอนที่ท่านขอให้ข้าทำค่ะ”

“ไม่เป็นไร” สีหน้าท่าทางของลูเซียนดูมีเมตตา “ข้าเข้าใจ อย่าทำอีกก็แล้วกัน”

“ท่านช่างเป็นนักดนตรีที่มีเมตตาและจิตใจดีเหลือเกิน” เกรซรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง “ข้าต้องกลับไปที่ห้องนั่งเล่นก่อน ไม่อย่างนั้นพวกเขาอาจจะคิดว่าเราสองคนมีอะไรกัน”

ขณะมองเกรซเดินออกไปจากตรงทางเดิน ลูเซียนก็มีรอยยิ้มที่เยือกเย็นบนใบหน้า

ในความคิดของเขา เกรซไม่ใช่คนที่มีความมุ่งมั่นอันแรงกล้า แม้ว่านางจะมีพรสวรรค์ในด้านดนตรีและการเล่นเปียโน นางก็พร้อมตกเป็นเหยื่อของการหลอกล่อได้เสมอ นอกจากนี้ ลูเซียนไม่คิดว่าเกรซจะยอมเอาชีวิตเป็นเดิมพันเพียงเพราะความสำนึกในบุญคุณต่อลูเซียน

ดังนั้น ลูเซียนไม่เชื่อว่าเกรซจะสามารถปิดบังข้อมูลสำคัญเมื่อต้องเผชิญกับอันตรายต่อชีวิต

ลูเซียนเดินไปที่ห้องน้ำและคิดกับตัวเองว่า ‘ผู้พิทักษ์ราตรี? สายสืบจากกลุ่มหัตถ์ไร้ชีวา หรือพวกนอกรีตอาร์เจนต์ ฮอร์น? หน่วยข่าวกรองจากราชรัฐ?’

ลูเซียนคิดว่าชายคนนั้นไม่น่าจะเป็นสายสืบจากอาร์เจนต์ ฮอร์น เพราะอาร์เจนต์ ฮอร์น คงไม่หล่อจนเกรซมาถึงอัลโต้

นอกจากนี้ หน่วยข่าวกรองของราชรัฐไวโอเล็ตก็อยู่ภายใต้การดูแลของนาตาชา จึงไม่มีความจำเป็นอะไรที่นางต้องรีดข้อมูลจากเกรซ

เหลืออีกสองตัวเลือก ทั้งผู้พิทักษ์ราตรีและกลุ่มหัตถ์ไร้ชีวาไม่ได้หวังดีกับเขาแน่นอน อย่างไรก็ตาม สองกลุ่มนี้เห็นความเชื่อมโยงของเขาตั้งแต่เมื่อไร? เกิดอะไรขึ้นในช่วง ‘เทศกาลแห่งความตาย’ ที่ควรมีเฉพาะนักเวทศาสตร์มืดและไวเคานต์คาเรนเดีย?

ดังนั้น ลูเซียนจึงสรุปได้คร่าวๆ เขาเชื่อว่าคนพวกนั้นยังไม่มีหลักฐานที่หนักแน่นพอจะพิสูจน์ว่านักดนตรีผู้ยิ่งใหญ่คนนี้จะเป็นนักเวท มิฉะนั้น เขาคงไม่ได้อยู่อย่างสงบสุขมาถึงตอนนี้

ขณะเช็ดมือด้วยกระดาษชำระ ลูเซียนสลัดความคิดมากมายทิ้งไป ก่อนจะกลับเข้ามาในห้องนั่งเล่น

ตลอดช่วงเวลามื้อเที่ยงอันเป็นสุข

“ลูเซียน นอกจากเพลง ‘แสงจันทร์’ และ ‘พายุ’ เจ้ายังประพันธ์เพลงใหม่ๆ อีกบ้างไหม?” วิกเตอร์จิบไวน์ไปยิ้มไป “ข้าคิดว่าดนตรีพื้นบ้านน่าจะเป็นแรงบันดาลใจที่ดี เราต่างเฝ้ารอเพลงใหม่ของเจ้า…”

เมื่อได้ยินวิกเตอร์พูดอย่างนั้น ทุกคนรอบโต๊ะอาหารก็มองลูเซียนเป็นตาเดียวกันด้วยความคาดหวัง ยกเว้นไอเว็นซึ่งยังคงเคร่งกับมายาทบนโต๊ะอาหารด้วยความรู้สึกกระอักกระอ่วน

“ข้ามีเพลงซิมโฟนีใหม่สองเพลง เพลงหนึ่งใกล้จะเสร็จแล้ว แต่ก็ยังขาดท่อนจบสวยๆ ตามทฤษฎีการแสดงของวง” ลูเซียนตอบ ขนาดคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ “เพราะแรงบันดาลใจมาจากดนตรีพื้นบ้าน ซิมโฟนีเพลงใหม่จึงมีโครงสร้างที่ไม่เคร่งครัดมากนัก และอาจถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้าง”

เนื่องจากบทสนทนาก่อนมื้อเที่ยง ตอนนี้เฟลิเซียรู้สึกพูดคุยกับลูเซียนได้สบายมากขึ้น “ในบรรดาคำกล่าวขานถึงเจ้า ลูเซียน ข้าชอบชื่อ ‘นวัตกรรม’ ที่สุด เราต่างหวังว่าเจ้าจะสามารถสร้างสิ่งใหม่ๆ แทนที่จะยึดติดอยู่กับเส้นทางทั่วไปเหมือนคนอื่น”

สามปีที่ผ่านมา นางก็มีท่าทีเป็นมิตรมากขึ้นในฐานะสตรีชนชั้นสูง และก็มีอารมณ์ขันมากขึ้นเช่นกัน

“ใช่ อีวานส์ ลุงอยากฟังซิมโฟนีเพลงใหม่ของเจ้าใจจะขาด ป้าอะลิซ่ากับลุงโตขึ้นมาทางตอนใต้ของราชรัฐ เราไม่เคยออกจากอัลโต้เลยหลังจากเราตัดสินใจอยู่ที่นี่ ลุงเลยไม่มีโอกาสได้เรียนรู้ดนตรีของประเทศอื่น” เมื่อพูดถึงเรื่องดนตรี โจเอลก็รู้สึกเป็นสุขขึ้นมาจริงๆ ตาของเขาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น

ในฐานะนักเล่นดนตรีทั่วไป เอเลน่ายังรู้สึกเขินอายที่ต้องพูดต่อหน้าคนอื่นๆ หลังจากทุกคนแสดงความเห็นกันแล้ว เอเลน่าก็ถามลูเซียนด้วยรอยยิ้มหวาน “แล้วอีกเพลงหนึ่งล่ะ? เจ้าจะจัดการแสดงในโอกาสที่กลับมาหลังจากแต่งเพลงเสร็จไหม?”

สำหรับนักดนตรีผู้ยิ่งใหญ่เช่นลูเซียน ตราบใดที่เขาต้องการจัดคอนเสิร์ต โรงละครซาล์มฮอลก็เปิดรอเขาเสมอ

ทุกคนมองลูเซียนเป็นตาเดียวกัน แม้แต่ไอเว็นเองก็วางส้อมและมีดลง

“ก็เกือบจะเสร็จแล้ว แต่ต้องใช้เวลาอีกสักหน่อย… น่าจะซักสองหรือสามสัปดาห์…” ลูเซียนพูดถึงเพลงต่อ แต่ในหัวของเขาคิดถึงแต่เรื่องตัวตลกคนนั้น

“วิเศษไปเลย!” เกรซอุทานด้วยความตื่นเต้น “มีคนมากมายนับไม่ถ้วนเฝ้ารอการแสดงครั้งที่สองของท่าน”

ญาติสนิทมิตรสหายของลูเซียนรอบโต๊ะอาหารต่างยิ้มกว้างและพยักหน้าเห็นด้วย

หลังเสร็จจากอาหารกลางวัน ข่าวเกี่ยวกับนักดนตรีหนุ่มมากความสามารถ ลูเซียน อีวานส์ กำลังจะจัดคอนเสิร์ตครั้งที่สองในอีกหนึ่งเดือนก็จะเป็นที่รับรู้ของทุกคนในนครอัลโต้

หลังจากกล่าวร่ำลาเอเลน่า เกรซก็กลับไปยังคฤหาสน์บ้านสวนที่นางเช่าไว้ในเขตเกซู ที่เมืองสเติร์ก นางสามารถเก็บเงินได้จำนวนมากพอสมควร

เกรซไม่สนใจคำทักทายของคนรับใช้ นางรีบเดินเข้าห้องนอนและขังตัวเองอยู่ภายในห้อง

ทันทีที่นางปิดประตู เกรซก็ล้มลงบนที่นอน เส้นด้ายสีดำปริศนาก็ไหลออกมาจากตัวนางราวกับสายน้ำ

หลังจากผ่านไปสักพักใหญ่ เกรซก็ลุกจากที่นอนและพูดพึมพำกับตัวเอง “ทำไมข้ารู้สึกเหนื่อยจังวันนี้? หรือข้าตื่นเต้นเกินไปที่ได้เจอท่านอีวานส์? ทำไมข้าต้องทำตัวอย่างนั้นต่อหน้าเขา? หรือว่า ข้าพยายามจะ… ยั่วยวนเขา…? แบบนี้ไม่ได้… ถึงข้าจะชอบเขาแค่ไหน แต่ข้าก็กลัวเขาด้วยจริงๆ…”

ณ ภายในบ้านหลังหนึ่ง

ตัวตลกหน้ายิ้มอ้าปากหายใจกระหืดกระหอบ การชักใยคนจากระยะไกลเป็นเวลานานใช้พลังงานมากเหลือเกิน

“ท่านพบอะไรบ้างหรือเปล่าคะ หัวหน้า?” เสียงหญิงสาวที่อ่อนโยนถามขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น

……………………