ชายชราที่ทรงภูมิถูกตบหน้าอีกครั้ง หญิงสาวที่ดูอ่อนแอ กลับน่าสะพรึงกลัวกว่าเด็กสาวตัวน้อยเมื่อครู่เสียอีก และความแข็งแกร่งของนางยังน่าทึ่งเพียงแค่ตบตีเล็กน้อยทหารซากศพทั้งสี่ร่างก็ถูกจัดการ
“มีอัจฉริยะแห่งภูมิภาคกลางเพิ่มมาอีกคนแล้ว” ชายชรากล่าว
“มันจะมีอัจฉริยะที่น่าสะพรึงกลัวแบบนี้ปรากฏออกมาอีกหรือไม่?” ใครบางคนถาม
“ไม่มีทาง!” ชายชรามั่นใจมาก อัจฉริยะแห่งภูมิภาคกลางที่แข็งแกร่งแบบนี้สองคนได้ปรากฏตัวออกมาพร้อมกันนี่ถือว่าเป็นปาฎิหาริย์ของภูมิภาคกลางแล้ว แล้วถ้าคนที่สามปรากฏตัวออกมาล่ะ?
เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนรู้สึกตกใจ นางจ้องมองไปที่ทหารซากศพทั้งสี่ร่างที่ถูกนางจัดการ แล้วตบหน้าอกที่แบนราบและพูดอย่างสงสัยว่า “ข้าแข็งแกร่งขนาดนี้เชียว?”
ตอนนี้ฮันกู่หยุนตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
นิกายพันศพแข็งแกร่งเพราะทหารซากศพ แต่ทหารซากศพทั้งสี่ร่างของนางกลับถูกจัดการในคราวเดียว นี่หรือว่านางกำลังจะตาย? หากถอนตัวจากการต่อสู้มันจะน่าละอายใจหรือไม่?
“กลับมา” ไป๋หยวนกล่าว มันเป็นจอมยุทธระดับสวรรค์ แน่นอนว่าย่อมมีสายตาที่แหลมคม เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนนั้นแข็งแกร่งมากและมีประสบการณ์ต่อสู้มากเหมือนกัน แล้วจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานจะรับมือกับนางได้อย่างไร
ดังนั้นมีเพียงแค่ศิษย์ลำดับสามที่กำลังต่อสู้อยู่และศิษย์ลำดับสองกับตัวมันเท่านั้นที่จะรับมือกับนางได้
“การต่อสู้ที่ผ่านมา ข้ายอมรับความพ่ายแพ้ สาวน้อยเจ้าเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก สนใจที่จะเข้าร่วมนิกายของพวกเข้าหรือไม่?” ไป๋หยวนกล่าวชักชวนเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน
“ไม่มีทาง!” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนส่ายหัวและมองหาหลิงฮันที่อยู่บนกำแพงเมืองด้วยใบหน้าที่น่าสงสาร นางต้องการกลับไป แต่กำแพงมันสูงมาก
หลิงฮันกล่าวกับนางว่า “หากเจ้าต้องการขึ้นมาก็กระโดดขึ้นมาเอง เจ้าทำได้อยู่แล้ว”
เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนยังคงส่ายหน้าและพูดว่า “มันสูงเกินไปที่จะกระโดดได้” นางไม่มีความมั่นใจเลยแม้แต่น้อย
“เจ้าจะรู้ได้อย่างไรถ้ายังไม่ลองพยายามดู?” หลิงฮันยิ้ม
ฮึ่ม เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนเค้นเสียงออกมา และกระโดดขึ้นไปบนฟ้า ทันใดนั้น ร่างของนางทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าทันที ไม่เพียงแต่นางจะกระโดดสูงกว่ากำแพงเท่านั้น แต่ยังสูงขึ้นไปอีกจนเป็นจุดสีดำอยู่บนท้องฟ้า
หลังจากนั้นไม่นาน ปัง นางปะทะเข้ากับรูปแบบอาคมป้องกันเมือง
“แย่แล้ว นางพุ่งเข้าหารูปแบบอาคมป้องกันของเมือง!”
“ในขณะที่รูปแบบอาคมป้องกันเมืองถูกเปิดใช้งานอยู่ หากปะทะเข้ากับมัน ข้าเกรงว่าแม้แต่จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาก็ยังต้องตาย”
“มันจบแล้ว”
ปัง!
ในขณะนั้น มีร่างของคนผู้หนึ่งตกลงมาจากท้องฟ้าอย่างรวดเร็วและปะทะกับกำแพง ด้วยแรงกระแทกที่รุนแรง ทำให้กำแพงพังทลายลงทันที และมีฝุ่นฟุ้งไปทั่วอากาศ คนผู้นั้นไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน
ใบหน้าของผู้คนกระตุกโดยที่ไม่ตั้งใจอีกครั้ง หญิงสาวคนนี้พุ่งเข้าหารูปแบบอาคมป้องกันเมืองแต่กลับไม่เป็นอะไรเลยนางแข็งแกร่งแค่ไหนกันถึงไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย?
“เจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บ!” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนตะโกนและใช้มือกุมหัว แต่ร่างกายของนางกลับไม่มีรอยแผลแม้แต่น้อย
หลิงฮันรู้สึกประหลาดใจ แม้ว่านางจะสูญเสียความทรงจำ และโคจรพลังก่อเกิดไม่ได้ แต่นางก็ยังคงฆ่าเขาได้อยู่ดี กายหยาบของนางแข็งแกร่งกว่าเขาเสียอีก
เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนทำตัวเหมือนเด็กที่ได้รับบาดเจ็บ นางเดินไปยืนอยู่ด้านข้างหลิงฮันแล้วดึงชายเสื้อของเขา ใบหน้าของนางดูโศกเศร้าราวกับจะร้องไห้ออกมา
หลิงฮันมองไปด้านล่างและพูดกับไป๋หยวนว่า “ศิษย์ของนิกายพวกเจ้า ช่างอ่อนแอเสียจริง”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของไป๋หยวนบิดเบี้ยวจนดูน่าเกลียด ซวนหยวนจือกวงไม่ได้เป็นปัญหา อย่างน้อยจูเทียนเก้อก็สามารถรับมือได้ แต่ปัญหาคือฮูหนิวและจูเหลียนสวินเสวี่ยน
ตอนนี้นิกายพันศพเริ่มกระหายชัยชนะเพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับตัวเอง และมันยังเป็นการเพิ่มความมั่นใจกับชายหนุ่มและหญิงสาวเก้าคนนี้ของนิกายพันศพ
หลิงฮันกระโดดลงมาจากกำแพงเมืองและพูดว่า “เช่นนั้นที่เหลือข้าจะเป็นคนต่อสู้ให้กับพวกเจ้าเอง”
เจ้าหนุ่มนี่ไปเอาความมั่นใจมากจากไหน?
ไป๋หยวนแสยะยิ้ม ซวนหยวนจื่อกวงเป็นจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานขั้นเก้าถือว่าหาตัวจับได้ยากในช่วงอายุเดียวกับมัน ส่วนฮูหนิวและเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนเป็นคนที่มันไม่สามารถมองผ่านได้ เห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนไม่ธรรมดา
แล้วหลิงฮันล่ะ?
เพียงแค่เหลือบมองก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นแค่จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานขั้นสอง
แม้ว่าเจ้าหนุ่มนี่จะมีพลังต่อสู้สิบดาว แต่ก็เป็นได้แค่ของเล่นของคนที่มีพลังต่อสู้สิบสองดาว และในหมู่พวกมันเกือบครึ่งหนึ่งสามารถบดขยี้เขาได้
ไป๋หยวนพยักหน้าและพูดว่า “ศิษย์ลำดับสี่ ตาเจ้าแล้ว”
เที๋ยนซิวหนิงศิษย์ลำดับสี่แข็งแกร่งเป็นอันดับสองในหมู่พวกมันทั้งสิบคน และเป็นจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานขั้นแปดที่สามารถควบคุมทหารซากศพได้ทั้งหมดห้าร่างไม่ได้น้อยไปกว่าจูเทียนเก้อ
เที๋ยนซิวหนิงปรากฏตัวออกมา และคิดว่ามันจะต้องเป็นฝ่ายชนะอย่างแน่นอน
เที๋ยนซิวหนิงเป็นชายอายุเกือบสามสิบปี รูปร่างสูงแต่หัวล้าน แม้แต่คิ้วยังไม่มีทำให้ใบหน้าของมันดูแปลกประหลาด
เมื่อหลิงฮันเห็นช่วยไม่ได้ที่เขาจะหัวเราะออกมา
ปากของเที๋ยนซิวหนิงกระตุกและพูดว่า “ปากของเจ้ามันจะเป็นเหตุที่ทำให้เจ้าต้องตาย!”
“โอ้ว เจ้าต้องการชีวิตของข้า?” หลิงฮันยิ้ม
“ใช่แล้ว เจ้าจะต้องตายที่หัวเราะข้า!” เที๋ยนซิวหนิงพูดออกมาอย่างเย็นชา
“เจ้าไม่มีอารมณ์ขันเอาซะเลย เจ้าฝึกฝนจนหัวล้านเลยอย่างนั้นหรือ?’ หลิงฮันยิ้ม
“สามห้าว!” เที๋ยนซิวหนิงกระโจนออกไปเพื่อโจมตีหลิงฮัน ปราณซากศพที่โคจรอยู่ในมือของมันกลายเป็นหัวกระโหลกเพื่อเขมือบหลิงฮัน
หลิงฮันกระติกนิ้ว พรึบ หัวกระโหลกนั่นหายไปทันที เขายิ้มออกมาและพูดว่า “เรียกทหารซากศพของเจ้าออกมา เจ้าไม่แข็งแกร่งพอที่จะปะมือกับข้า”
พรวด!
หลายคนแทบกระอัก แม้ว่าแต่ละฝ่ายเพิ่งจะเริ่มเคลื่อนไหวและทั้งคู่จะยังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดของตัวเองออกมา แต่เที๋ยนซิวหนิงเป็นถึงจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานขั้นแปด แต่หลิงฮันกลับสามารถปัดเป่าการโจมตีของมันได้อย่างง่ายดาย
เที๋ยนซิวหนิงจ้องมองไปที่หลิงฮันด้วยสายตาเย็นชา หลังจากนั้นชั่วครู่ มันได้พูดออกมาว่า “หากเจ้าร้องขอ ข้าก็จะสนองให้!”
มันตะโกน และทันใดนั้นได้เกิดเสียงอึกทึกดังขึ้น โลงศพห้าโลงเคลื่อนที่มาและมีทหารซากศพห้าร่างกระโจนออกมา
“ทหารซากศพห้าร่าง!” ชายชราที่ดูทรงภูมิอุทานออกมา “ความแข็งแกร่งระหว่างทหารซากศพและผู้ใช้นั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เจ้าหนุ่มนี่ตกอยู่ในอันตรายแล้ว!”