หลิงฮันกระดิกนิ้วและพูด “เข้ามา!” เที๋ยนซิวหนิง
“ตามที่เจ้าต้องการ!” เที๋ยนซิวหนิงคำรามและพุ่งโจมตีใส่หลิงฮันพร้อมกับทหารซากศพทั้งห้าตัว เมื่อเห็นทหารซากศพห้าตัวที่ล้อมรอบหลิงฮันอยู่ ผู้คนในเมืองต่างก็ส่ายหัวถอนหายใจ รุ่นเยาว์ผู้นี้จะต้องตายแน่ๆ
นี่ไม่ใช่รุ่นเยาว์คนแรกที่ตายในวันนี้และคงจะไม่ใช่คนสุดท้ายด้วย ดังนั้นทุกคนจึงไม่ค่อยรู้สึกอะไรเท่าไหร่ ใครจะไปสนใจคนที่ไม่รู้จักกัน?
แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนี้กลับทำทุกคนตกตะลึง
ร่างของหลิงฮันพลิ้วไหวและค่อยๆขยับเข้าใกล้ทหารซากศพทั้งห้า เขาโคจรปราณก่อเกิดและโจมตีใส่ทหารซากศพจนกระเด็น
“เป็นไปได้อย่างไร!”
“รุ่นเยาว์ผู้นั้นต้องไม่ใช่จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานขั้นสองแน่ๆ ไม่อย่างนั้นแล้วพลังโจมตีของเขาจะน่ากลัวขนาดนั้นได้อย่างไร?”
“พลังต่อสู้ของทหารซากศพเหล่านั้นเกือบจะถึงสิบสี่ดาวเลยไม่ใช่รึไง?”
“พลังต่อสู้ของพวกมันคือสิบสี่ดาวไม่ผิดแน่! แต่คลื่นพลังจากฝ่ามือของรุ่นเยาว์ผู้นี้กลับสามารถซัดพวกมันกระเด็นได้อย่างง่ายดาย พลังต่อสู้ของเขาช่างน่ากลัวนัก”
“อัจฉริยะ! อัจฉริยะไร้ที่เปรียบ!”
“ไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าซวนหยวนจื่อกวงหรือย่าวหุยเยว่เลย!”
ใบหน้าของชายชราทรงภูมิกระตุกไปมา เพียงแค่ไม่นานได้มีรุ่นเยาว์อัจฉริยะปรากฏตัวขึ้นมาหักหน้าเขาติดต่อกันถึงสามคน ตอนนี้ชายชราทรงภูมิอยากจะหาหลุมสักหลุมเพื่อมุดลงไปเหลือเกิน
“นับว่าพอมีความสามารถอยู่บ้าง” เที๋ยนซิวหนิงแสยะยิ้มและเข้าร่วมต่อสู้
อาวุธที่มันใช้คือดาบกระดูก ดูจากรูปร่างของดาบแล้ว มันคงถูกหลอมขึ้นจากกระดูกของสัตว์อสูรยักษ์ บนตัวดาบมีอักขระลึกลับถูกสลักเอาไว้
เมื่อใดที่อักขระเหล่านั้นถูกกระตุ้นใช้งานและเชื่อมต่อกัน อำนาจอันทรงพลังของสัตว์อสูรยักษ์จะสำแดงออกมา
หลิงฮันรู้สึกราวกับมองเห็นเงาของสัตว์อสูรยักษ์อยู่เหนือตัวดาบรางๆ รูปร่างของมันองอาจราวกับจะสามารถบดขยี้สวรรค์และปฐพี หลิงฮันอดที่จะมองไปยังดาบกระดูกนั่นไม่ได้ “ดาบนั้นหลอมขึ้นมาจากกระดูกของมังกรอสรพิษ?”
ตำนานกล่าวไว้ว่ามังกรที่แท้จริงมีบุตรอยู่เก้าตัว รูปร่างของพวกมันทั้งเก้าแตกต่างกันออกไปเพราะเกิดจากสัตว์อสูรเพศเมียคนละชนิด สัตว์อสูรทั้งเก้าที่กำเนิดขึ้นมาสืบทอดโลหิตของมังกรที่แท้จริงมาเพียงเศษเสี้ยวเท่านั้น หนึ่งในนั้นคือสัตว์อสูรที่รูปร่างเหมือนกับอสรพิษ หัวเป็นสิงโตและมีเขางอกสองเขา ทั่วทั้งร่างถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดมังกร
แต่ถึงแม้จะเป็นเพียงเศษเสี้ยงของสายโลหิตมังกรที่แท้จริง แต่มังกรที่แท้จริงคือตัวตนที่ทรงพลังที่สุดที่ปกครองโลกนี้ โลหิตเพียงแค่เศษเสี้ยวเดียวของมันก็นับว่าล้ำค่าและยากที่หาได้พบ
เที๋ยนซิวหนิงเผยสีหน้าตกตะลึงและกล่าว “เจ้ารู้จักดาบนี้?” มันเองก็ได้รับการบอกเล่าตำนานของมังกรอสรพิษหลังจากที่ได้รับดาบนี้มา แต่ถึงอย่างไรสายเลือดที่อยู่ในร่างของมังกรอสรพิษก็เบาบาง แต่นั่นก็ไม่แปลกอะไร ถ้าหากเป็นมังกรที่แท้จริงจริงๆล่ะก็ ใครจะไปนำกระดูกของมันมาหลอมเป็นดาบได้?
“สายเลือดที่เบาบางและรูปแบบอักขระที่ยุ่งเหยิง ก็แค่งั้นๆ” หลิงฮันพูดประเมินดาบกระดูก
เที๋ยนซิวหนิงกลายเป็นชะงักในทันที เจ้าบอกว่า ‘ก็แค่งั้นๆ’ อย่างนั้นรึ? มันเค้นเสียงดูถูกและพูดออกมา “เพื่อสังหารเจ้า แค่ดาบงั้นๆเล่มนี้ก็เพียงพอแล้ว!” เที๋ยนซิวหนิงตวัดดาบใส่หลิงฮัน
หลิงฮันหัวเราะและพูด “แม้จะเป็นดาบที่งั้นๆ แต่ข้าก็ต้องการมัน!” ดาบกำเนิดมารไม่สามารถนำออกมาใช้อย่างผลีผลาม ดังนั้นหากได้ดาบกระดูกมาใช้แทนก็ไม่เลวเหมือนกัน
“อวดดี!” เที๋ยนซิวหนิงเกรี้ยวกราด ชายหนุ่มผู้นี้บ้าไปได้ นี่เขาไม่เห็นมันอยู่ในสายตาเลยรึไง?
หลิงฮันใช้ย่างก้าวเทพธิดาปีศาจพร้อมกับปล่อยหมัดใส่เที๋ยนซิวหนิง
ทหารซากศพทั้งห้ากรีดร้องอย่างชั่วร้ายและพุ่งไล่ตามหลิงฮันจากด้านหลัง
ตอนนี้สถานการณ์กลายเป็นการเผชิญหน้าระหว่างหลิงฮันและเที๋ยนซิวหนิง ด้วยการสนับสนุนของดาบกระดูก ปราณดาบที่เที๋ยนซิวหนิงฟันออกมาจึงมีขนาดยาวขึ้นสามฟุต
หลิงฮันไม่หวาดหวั่น หมัดของเขาปะทะเข้ากับปราณดาบของเที๋ยนซิวหนิงโดยตรง
‘ตูม’ ปราณดาบเหล่านั้นแตกสลายทันที
เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สีหน้าของทุกคนก็กลายเป็นตกตะลึง
ทรงพลังเกินไปแล้ว ต้องรู้ก่อนว่าปราณดาบของเที๋ยนซิวหนิงนั้นถูกเสริมแกร่งโดยดาบกระถูก ความแหลมคมและทนทานของพวกมันเพิ่มขึ้นจากเดิมไม่รู้กี่เท่า ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมทุกคนถึงต้องการครอบครองอาวุธวิญญาณระดับสูง
แต่ถึงอย่างนั้นหลิงฮันกลับสามารถบดขยี้ปราณดาบเหล่านั้นหมัดด้วยเดียว แถมกำปั้นของเขายังไม่ปรากฏร่องรอยบาดเจ็บอีกด้วย… นั่นยังเรียกว่าเป็นกล้ามเนื้ออยู่อีกรึ?
เที๋ยนซิวหนิงชะงัก มันจงใจให้หลิงฮันปล่อยหมัดใส่มันและใช้ปราณดาบสวนกลับไปเพื่อทำลายหมัดของหลิงฮัน แต่มันนึกไม่ถึงเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้! เที๋ยนซิวหนิงก้มลงมองไปยังดาบกระดูกในมือ นี่ใช่อาวุธวิญญาณที่หลอมขึ้นจากทายาทของมังกรที่แท้จริงจริงๆรึ?
“ไม่ต้องสงสัยให้เสียเวลา ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะกำปั้นของข้าทนทานและทรงพลัง!” หลิงฮันหัวเราะ เขาบ่มเพาะคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ ถ้าหากร่างกายของเขาบรรลุกายาเพชรล่ะก็ กายหยาบของเขาจะแข็งแกร่งยิ่งกว่ามังกรที่แท้จริงเสียอีก
แม้ตอนนี้เขาจะยังบรรลุเพียงกายาเหล็กไหล แต่ดาบกระดูกก็หลอมขึ้นจากซากกระดูกสัตว์อสูรที่ตายแล้ว แม้มันจะเป็นซากกระดูกของสัตว์อสูรที่สืบสายเลือดมาจาก มังกรที่แท้จริง แต่มันจะทำให้เขาบาดเจ็บได้อย่างไร?
ถ้าเจ้าอยากจะสร้างบาดแผลให้กับร่างกายที่ทนทานเทียบเท่าแร่เหล็กระดับหกล่ะก็ เจ้าก็ต้องใช้อาวุธวิญญาณระดับเจ็ดเป็นอาวุธ
ระหว่างที่พูดคุยกันอยู่ หลิงฮันก็ปล่อยหมัดออกไปอีกสองหมัด ทำให้เที๋ยนซิวหนิงทำได้เพียงล่าถอย
ภาพที่มองเห็นนั้นตลกเป็นอย่างมาก เที๋ยนซิวหนิงล่าถอย หลิงฮันไล่ตาม ส่วนทหารซากศพก็ไล่ตามหลิงฮันอีกที
“ฮ่าๆๆ รุ่นเยาว์ผู้นั้นค้นพบจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของทหารซากศพเสียแล้ว” ใครบางคนพูดขึ้นจากบนกำแพงเมือง
“ใช่แล้ว จุดอ่อนของทหารซากศพก็คือความเร็วที่ถูกจำกัด เพราะอย่างไรมันก็เป็นเพียงซากศพ มันไม่สามารถวิ่งได้”
“แต่ถึงอย่างไรพวกมันก็มีพลังอำนาจเทียบเท่ากับจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานขั้นเก้า คงมีอัจฉริยะระดับบุปผาผลิบานไม่กี่คนที่เคลื่อนไหวได้เร็วกว่าพวกมัน”
“รุ่นเยาว์ผู้นั้นช่างอัจฉริยะยิ่งนัก!”
เที๋ยนซิวหนิงหวาดหวั่น ตอนนี้ทหารซากศพทั้งห้ากลายเป็นไร้ประโยชน์แล้ว มันต้องเผชิญหน้ากับหลิงฮันด้วยตนเอง! พลังต่อสู้ของศิษย์ส่วนใหญ่ของนิกายพันศพนั้นขึ้นอยู่กับทหารซากศพ ถ้าหากทหารซากศพไม่สามารถใช้งานได้ พลังต่อสู้ของพวกเขาก็จะลดลงไปด้วย
ด้วยพลังบ่มเพาะระดับบุปผาผลิบานขั้นแปดและพลังต่อสู้สิบห้าดาว มันคืออัจฉริยะรุ่นเยาว์แห่งยุคสมัยนี้อย่างไม่ต้องสงสัย มันไม่หวั่นเกรงผู้ใดในช่วงอายุเดียวกัน แต่การที่ต้องมาเจอกับสัตว์ประหลาดอย่างหลิงฮันนั้น นับว่าเป็นโชคร้ายของมันอย่างมาก
‘ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!’
หลังจากผ่านไปร้อยกว่าหมัด ดาบกระดูกของเที๋ยนซิวหนิงก็กระเด็นหลุดจากมือและหลิงฮันคว้ามันเอาไว้ได้
“คืนมาให้ข้า!” เที๋ยนซิวหนิงรีบพูดออกมา ดาบกระดูกคือสมบัติที่ผู้นำนิกายมอบให้กับมันด้วยตนเอง
หลิงฮันส่ายหัวและพูด “ปล่อยให้อาวุธวิญญาณเช่นนี้ตกไปอยู่ในมือของเจ้าก็เสียของเปล่าๆ!” เขาหันหลังและจ้องมองไปยังทหารซากศพทั้งห้า