ถังซีมองตามเซียวส่าที่จากไปด้วยความโกรธ แล้วหันไปขยิบตาให้เฉียวเหลียงอย่างซุกซน และถามว่า “คุณคิดว่าพี่ส่าจะพยายามสร้างความลำบากใจให้คุณไหม ตอนที่คุณมาขอฉันแต่งงานที่บ้าน”
เฉียวเหลียงดีใจที่ได้ยินถังซีคุยเรื่องการแต่งงานกับเขาเป็นเรื่องเป็นราวอย่างชัดเจน เขาเอื้อมมือไปกุมมือถังซีและกระซิบว่า “ไม่เป็นไร ผมจะลงทุนในบริษัทเกมของเขา หรือไม่ก็จะทำให้เขาถูกลักพาตัวไป และไม่ยอมปล่อยเขา จนกว่าครอบครัวของคุณจะยินยอมให้เราแต่งงานกัน”
ถังซีกะพริบตาปริบๆ มองหน้าเฉียวเหลียง “ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าคุณกลายเป็นคนไม่น่าเชื่อถือขึ้นมาทันทีทันใดเลยล่ะ”
“ถ้าอย่างนั้น ภรรยาในอนาคตของผม โปรดหาคำพูดดีๆ กรอกหูพี่สามีในอนาคตของผม เพื่อผมด้วยนะครับ” เฉียวเหลียงพูดด้วยรอยยิ้ม
ถังซีชำเลืองมองเขาและทำหน้ามุ่ย “ถ้าอย่างนั้น จูบฉันก่อน”
เฉียวเหลียงมองหน้าถังซี ดวงตาเขาเข้มขึ้น น้ำเสียงเริ่มแหบห้าวเล็กน้อยขณะถามว่า “ทำไมวันนี้คุณรุกเร้าผมจัง”
“จะจูบหรือไม่จูบ” ถังซีตอบกลับพร้อมกับขยิบตา “ถ้าคุณไม่จูบฉันวันนี้ ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปคุณจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว”
เฉียวเหลียงโน้มตัวลงจูบริมฝีปากถังซี เธอโอบแขนรอบคอเขา รั้งเฉียวเหลียงไว้ไม่ให้ผละออกจากเธอ เฉียวเหลียงมองถังซีด้วยสายตาลึกซึ้ง เอ่ยเสียงแหบพร่า “ร่างกายคุณยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่เลย”
เมื่อถังซีรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิร่างกายเฉียวเหลียงที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รอยยิ้มแห่งความสำเร็จก็ส่องประกายไปทั่วดวงตา และเธอปล่อยเฉียวเหลียง เมื่อเห็นท่าทางปลาบปลื้มในชัยชนะของเธอ ดวงตาเฉียวเหลียงก็หรี่ลง แล้วโน้มตัวลงจูบเธอต่อ ถังซีจ้องมองเฉียวเหลียงอย่างพูดไม่ออก เขาขยับออกเล็กน้อย กระซิบว่า “เอวคุณไม่เจ็บนี่ เวลาผมจูบคุณ”
ใบหน้าถังซีเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ แม้เธอกับเฉียวเหลียงจะสนิทสนมกันมาก และทำเกือบทุกอย่างที่คนรักเขาทำกัน แต่ทั้งสองไม่เคยก้าวไปสู่จุดสูงสุดของการเป็นคนรัก ในความเป็นจริงก่อนหน้านี้ทั้งเธอและเฉียวเหลียงเป็นคนค่อนข้างหัวโบราณ อยากเก็บความทรงจำอันแสนงดงามนี้ไว้ในคืนวันแต่งงาน แต่แล้วอุบัติเหตุก็เกิดขึ้น… เธอจึงรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้มอบตัวเองให้เฉียวเหลียง…
ถังซีโอบแขนรอบคอเฉียวเหลียงโดยไม่รู้ตัว ขณะจูบตอบเขา…
และในขณะที่ทั้งสองกำลังจูบกันอย่างดูดดื่มนั่นเอง เสียงที่สร้างความอับอายก็ดังมาจากประตูห้อง “เอ้อ… ผมไม่เห็นอะไรเลย เชิญพวกคุณต่อไปเลยครับ ผมจะกลับมาอีกทีภายหลัง…”
ถังซีผลักเฉียวเหลียงออกไป เฉียวเหลียงสะดุดจนเกือบจะหกล้ม เขาดูเขินอายเล็กน้อย เฉียวเหลียงสาบานได้ว่านี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขารู้สึกอับอายมาก…
ตำรวจซึ่งเพิ่งกล่าวคำพูดประโยคเมื่อกี้ ยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องด้วยท่าทางเคอะเขิน ขณะมองไปที่คนทั้งคู่ ถังซีอยากจะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปงเหลือเกิน เธอลืมไปได้อย่างไรว่านี่เป็นโรงพยาบาล เป็นสถานที่สาธารณะ! เธออดไม่ได้ที่จะอยากจูบเฉียวเหลียงทันทีที่เห็นหน้าเขา!
โอ… ช่างน่าอายจริงๆ!
เฉียวเหลียงตั้งหลักได้และกลับมามีท่าทีนิ่งเฉย เพราะการจูบของเขากับถังซีถูกขัดจังหวะ รังสีอำมหิตจึงส่องประกายออกมาอย่างเย็นยะเยือก เขาจ้องมองนายตำรวจและหรี่ตาลง น้ำเสียงเขาเยือกเย็นจนนายตำรวจรู้สึกราวกับอยู่ในนรก เมื่อเฉียวเหลียงถามว่า “มีอะไรครับ”
ขณะยังยืนตัวแข็งอยู่ที่หน้าประตู นายตำรวจก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา กลืนน้ำลายแล้วกล่าวว่า “ผู้กำกับหลานขอให้ผมนำโทรศัพท์มือถือนี้มาให้คุณเซียวครับ…”
ทำไมช่างน่ากลัวอย่างนี้! ผู้ชายคนนี้น่ากลัวกว่าผู้กำกับหลานเวลาโกรธเสียอีก
ทำไมพวกคุณถึงไม่ล็อคประตูเล่า เวลาจูบกัน! จะมาตำหนิผมไม่ได้นะ!
ถังซีหลบตา ทำไมเธอถึงได้ลืมสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างทันทีที่เห็นหน้าอันหล่อเหลาของอาเหลียง ที่นี่คือโรงพยาบาลประจำเขต ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานีตำรวจของเขต ใช้เวลาเพียงสิบหรือยี่สิบนาทีตำรวจก็สามารถขับรถนำโทรศัพท์มือถือมาที่นี่ได้แล้ว…
ช่างน่าอับอายจริงๆ!
เฉียวเหลียงมองหน้าถังซีซึ่งพยายามเชิดหน้ายิ้ม และพยักหน้าให้เฉียวเหลียง ก่อนหันไปหานายตำรวจ “ขอบคุณค่ะ” เธอกล่าว “ฝากขอบคุณผู้กำกับหลานด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ”
เฉียวเหลียงเดินไปรับเครื่องโทรศัพท์ จากนั้นนายตำรวจก็หันหลังกลับ แล้ววิ่งหนีไปทันที ราวกับวินาทีที่เฉียวเหลียงรับโทรศัพท์ไปจากเขา คือการที่เขาได้รับนิรโทษกรรม ผู้ชายคนนี้น่ากลัวจริงๆ ทำไมผู้ชายที่หล่อเหลาเหลือเกินคนนี้ถึงได้น่ากลัวเหลือเกิน! พระเจ้า!
หลังจากมองดูนายตำรวจจากไปแล้ว เฉียวเหลียงก็ปิดประตูและล็อกด้วยคราวนี้ จากนั้นก็นำโทรศัพท์มาวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงแล้วถามว่า “นี่โทรศัพท์มือถือของเซียวจิ้นหนิงหรือ”
ถังซีพยักหน้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูที่หน้าจอ มีการโทรเข้าที่ไม่ได้รับสายห้าหรือหกสาย เธอต้องการปลดล็อคหน้าจอ แต่นี่เป็นเครื่องไอโฟน มีเพียงลายนิ้วมือของเซียวจิ้นหนิงเท่านั้นที่สามารถปลดล็อกได้ เมื่อไม่สามารถตรวจสอบบันทึกการโทรของเซียวจิ้นหนิงได้ ถังซีก็มองหน้าเฉียวเหลียงเพื่อขอให้เขาช่วย เฉียวเหลียงเอื้อมมือมาหยิบโทรศัพท์ แล้วแตะง่ายๆ ที่หน้าจอ ก่อนจะส่งกลับไปให้ถังซี ซึ่งรับมาและพบว่าหน้าจอถูกปลดล็อคแล้ว เธอเลิกคิ้ว “อาเหลียง คุณนี่เก่งที่สุดเสมอ”
เฉียวเหลียงเฝ้ามองถังซีเปิดบัญชีรายชื่อผู้ติดต่อของเซียวจิ้นหนิง และพบว่ามีคนชื่อฉินซินหยิ่งอยู่จริงๆ ถังซีลังเล ก่อนจะแตะดูหมายเลขโทรศัพท์ที่บันทึกไว้ แล้วเธอก็ยิ้มเศร้ากล่าวว่า “เป็นเบอร์โทรของซินหยิ่งจริงๆ ด้วย ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าวันหนึ่งเราจะกลายเป็นศัตรูกัน”
เฉียวเหลียงมองลึกลงไปในดวงตาที่เศร้าสร้อยของถังซี และขมวดคิ้วถามว่า “ทำไมคุณถึงเชื่อใจเธอมากขนาดนี้”
ถังซีมองหน้าเฉียวเหลียงและถามกลับ “คุณหมายความว่ายังไง”
“คุณไม่เคยคิดบ้างเลยหรือ ว่าทำไมถึงเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับคุณ”
ถังซีนิ่งเงียบ คำพูดของเฉียวเหลียงทำให้เธอนึกถึงเรื่องราวบางอย่าง และขุดเอาบางสิ่งที่เธอไม่อยากคิดถึงออกมา แน่นอนเธอเคยคิดสงสัยฉินซินหยิ่ง แต่เธอไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เธอคิด ก่อนจะหาหลักฐานมายืนยันได้ อย่างไรก็ตามซินหยิ่งเองก็เคยพูดถึงเรื่องนี้
“เคยสิ ฉันเคยคิดเรื่องนี้ ซินหยิ่งเป็นเพื่อนคนเดียวของฉัน รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวฉัน แต่ฉันเชื่อใจเธอมาตั้งแต่เป็นเด็ก ฉันจะเห็นเธอเป็นศัตรูได้ยังไงในเวลานั้น” ถังซีมองหน้าเฉียวเหลียงแล้วถอนหายใจ “ฉันขอโทษ ฉันทำไม่ได้…”
“ทำได้สิ คุณทำได้” เฉียวเหลียงกล่าว แล้วมองลึกลงไปในดวงตาถังซี “คุณจะต้องทำได้”
ถังซีเงยหน้าขึ้นมองเฉียวเหลียงด้วยความประหลาดใจ เขากล่าวต่อไปว่า “ศัตรูในความมืดจะไม่กล้าคุกคามมากเท่ากับศัตรูในที่โล่ง เพราะคนที่กล้าทำขณะซ่อนตัวอยู่ในความมืด ล้วนเป็นคนขี้ขลาด เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวคนขี้ขลาดพวกนั้น”
ถังซีมองหน้าเฉียวเหลียง เขายื่นมือมาลูบผมเธอและกล่าวว่า “คุณไม่กลัวแม้กระทั่งความตาย…” จากนั้นเขาก็ถอนหายใจและกล่าวต่อจนจบ “จะมีอะไรที่ทำให้คุณกลัวได้อีก”
ในเวลานั้นนั่นเองโทรศัพท์มือถือของเซียวจิ้นหนิงก็ดังขึ้น ถังซีเหลือบมองไปที่หมายเลขผู้โทรและพบว่าเป็นฉินซินหยิ่ง เธอชะงักก่อนจะรับสาย ใช่… ตอนนี้เธอไม่ใช่ถังซี ไม่ใช่เพื่อนสนิทของฉินซินหยิ่ง ทำไมเธอถึงจะเผชิญหน้ากับผู้หญิงคนนี้ไม่ได้
หลังจากสัญญาณเชื่อมต่อการโทร น้ำเสียงกระวนกระวายของฉินซินหยิ่งก็ดังขึ้นทันที “นี่คุณเหยา ดูเหมือนว่าคุณจะไม่อยากร่วมมือกับฉันใช่ไหม ถ้าคุณจะไม่ทำก็บอกฉันมาตรงๆ!”
หลังจากหยุดไปครู่หนึ่งเธอก็กล่าวต่อไป “หรือว่าคุณกลัวเซียวโหรวที่ไม่มีน้ำยาคนนั้น เพราะเธอทำให้คุณสูญเสียชื่อเสียงความโด่งดังของคุณ ใช่ไหม คุณเหยา”