ขณะได้ยินคำพูดของฉินซินหยิ่ง ถังซีรู้สึกประหลาดใจที่พบว่าเธอไม่รู้สึกอะไรเลย ทีแรกเธอคิดว่าเธอคงจะเศร้า เมื่อได้ยินกับหูว่าฉินซินหยิ่งพยายามตั้งตัวเป็นศัตรูกับเธอจริงๆ แต่เธอต้องประหลาดใจที่เธอไม่เศร้าเลย เธอถือโทรศัพท์ไว้ที่หู สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “คุณฉิน ตัวคุณเองก็กลัวฉันเหมือนกันไม่ใช่หรือ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมคุณถึงหลบอยู่หลังเซียวจิ้นหนิง ไม่กล้าแสดงตัว ใช่ไหม”
ขณะที่ถังซีพูดอย่างนี้ ทางอีกด้านหนึ่งของสายเงียบกริบ ไม่มีใครพูดอะไรอีกครู่ใหญ่ ถังซีเม้มริมฝีปากแล้วกล่าวว่า “ทำไมล่ะ คุณฉิน คุณกลัวฉันมากขนาดนี้เลยหรือ กลัวจนพูดอะไรไม่ออกเลยหรือ แค่ได้ยินเสียงฉัน”
ฉินซินหยิ่งนั่งอยู่ในห้องทำงาน เธอดึงโทรศัพท์เข้ามาดูใกล้ๆ มองหน้าจออย่างละเอียด และยืนยันได้ว่าเป็นหมายเลขโทรศัพท์ของเซียวจิ้นหนิง หลังจากหายใจเข้าลึกๆ เธอก็แนบโทรศัพท์กลับไปที่หู แล้วถามออกมา “ทำไมถึงเป็นเธอ”
“ก็เพราะฉันเป็นคนรับโทรศัพท์น่ะสิ แปลกใจอะไรเหรอคุณฉิน” ถังซีมองหน้าเฉียวเหลียง ขณะถือโทรศัพท์ไว้ในมือซ้าย และมือขวาจับมือเฉียวเหลียงไว้แน่น “คุณฉิน ในเมื่อฉันเป็นคนที่คุณกำลังพยายามทำร้าย แล้วทำไมฉันถึงจะรับโทรศัพท์คุณไม่ได้ แล้วอีกอย่าง ถึงแม้ว่าเซียวจิ้นหนิงกับฉันจะเป็นศัตรูกัน แต่เธอไม่ใช่คนโง่ที่จะยอมให้คุณครอบงำได้ง่ายๆ”
ทางปลายสายอีกด้านหนึ่งเงียบลงอย่างยาวนานอีกครั้ง หลังจากนั้นครู่หนึ่งฉินซินหยิ่งก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนลง “คุณเซียวโหรว ฉันคิดว่าคงมีความเข้าใจผิดบางอย่างระหว่างเรา ฉันไม่เคยตั้งใจจะทำร้ายคุณ…”
เมื่อได้อย่างนี้ถังซีก็เลิกคิ้วขึ้น และกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง เมื่อเฉียวเหลียงที่นั่งข้างๆ ดึงโทรศัพท์จากมือเธอแล้วกดปุ่มเปิดเสียงดัง ถังซีเลิกคิ้วขึ้นอีก เฉียวเหลียงตอบด้วยการพยักหน้า แล้วส่งโทรศัพท์กลับไปให้เธอ เธอยิ้มให้เขาขณะรับโทรศัพท์มา และพูดต่อไป “เข้าใจผิดอย่างนั้นหรือ คุณฉิน คุณกำลังบอกว่า คำพูดที่ฉันเพิ่งได้ยินเมื่อกี้เป็นแค่จินตนาการของฉันอย่างนั้นหรือ”
“ไม่ ไม่ใช่ ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น” ฉินซินหยิ่งตอบกลับมา จากนั้นก็เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวต่อไป “ฉันเป็นเพื่อนสนิทของซีซีi ฉันมาทำงานที่เมือง A ก็เพราะซีซีขอให้ฉันมาจับตาดูเฉียวเหลียงแทนเธอ ตอนนี้คุณกับเฉียวเหลียงคบกัน ฉันต้องบอกเรื่องนี้กับซีซีอย่างแน่นอน ฉันเคยบอกคุณแล้วว่าเธอมีอิทธิพลมากแค่ไหน คนธรรมดาอย่างคุณและฉันไม่อาจแข่งขันกับเธอได้หรอก ตอนนี้เธอต้องการให้ฉันจัดการกับคุณ และฉันไม่สามารถปฏิเสธเธอ…”
ขณะเสียงของฉินซินหยิ่งดังออกมาจากโทรศัพท์ ใบหน้าเฉียวเหลียงก็เข้มขึ้น และเข้มขึ้นในทุกๆ คำที่เธอพูด ในขณะที่ถังซีก็ดูโกรธ และโกรธมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน หลังจากฉินซินหยิ่งพูดจบ ถังซีก็หัวเราะอย่างเยือกเย็นและกล่าวว่า “ถังซีคนนี้นี่ช่างโชคร้ายจริงๆ ที่มีเพื่อนสนิทแบบคุณ เพื่อนที่ไม่สามารถช่วยเธอกีดกันแฟนหนุ่มของเธอได้เลย เพื่อนที่เอางานที่เธอมอบหมายให้ทำมาเปิดเผยให้คนอื่นรู้ และตอนนี้ก็ยังทรยศเธออีกต่างหาก!”
ถังซีหยุดไปชั่วครู่ ก่อนจะกล่าวต่อไปว่า “ฉันอยากรู้จริงๆ ว่า เฉียวเหลียงจะเกลียดคุณและถังซีมากแค่ไหน หลังจากที่ฉันเล่าเรื่องที่คุณบอกฉันให้เขาฟัง…”
“ซีซีก็รักเฉียวเหลียงเหมือนกัน!” ฉินซินหยิ่งตอบโต้ “ถ้าคุณอยากบอกเรื่องนี้กับเฉียวเหลียงได้โปรดอย่าพูดถึงถังซี คุณจะบอกเขาก็ได้ว่าทั้งหมดเป็นความคิดของฉัน ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับถังซี! ได้โปรด!”
“ตกลง ฉันรู้สึกซาบซึ้งใจมากกับความภักดีที่คุณมีต่อเพื่อนสนิท ฉันจะบอกเฉียวเหลียงว่าคุณแอบชอบเขา เป็นสาเหตุให้คุณต้องการกำจัดฉัน ฉันจะไม่พูดถึงถังซีเลย ไม่ต้องห่วง” ถังซีตอบกลับด้วยน้ำเสียงสบายใจ
ทางด้านฉินซินหยิ่งซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้องทำงาน ผลุดลุกขึ้นอย่างแรงด้วยความโกรธเมื่อได้ยินคำพูดของถังซี เธอต้องใช้เวลานานกว่าจะสงบสติอารมณ์ลงได้ และกัดฟันตอบกลับไป “ขอบคุณมาก คุณเซียว แต่ฉันอยากจะเตือนคุณว่า ถังซีคือเจ้าหญิงน้อยแห่งเอ็มไพร์กรุป ซึ่งแม้แต่เฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุปก็ไม่สามารถเทียบชั้นได้ เพราะฉะนั้นโปรดคิดให้ดีอีกครั้ง ว่าคุณต้องการคบกับเฉียวเหลียงจริงๆ หรือเปล่า ไม่อย่างนั้นถังซีอาจทำสิ่งที่เลวร้ายกับคุณ สิ่งที่คุณจะไม่ต้องการแม้แต่แค่ได้ยิน”
ขณะถังซีฟังฉินซินหยิ่งใส่ร้ายเธอ ประกายเย็นเยือกก็วาววับในดวงตา และเธอตอบกลับเบาๆ ว่า “ขอบคุณสำหรับคำเตือน คุณฉิน ฉันจะพิจารณาคำแนะนำของคุณ!”
ทางด้านฉินซินหยิ่ง หลังจากวางสายโทรศัพท์เธอก็กวาดทุกสิ่งทุกอย่างบนโต๊ะลงกับพื้น อีกครู่หนึ่งเธอก็กระแทกมือทั้งสองลงบนโต๊ะ ยันตัวเองไว้ขณะหายใจเข้าลึกๆ จ้องเขม็งไปที่พื้นห้องตรงหน้า สบถออกมาอย่างดุดัน “เซียวโหรว แล้วเราจะได้เห็นกัน แกต้องชดใช้ในสิ่งที่แกพูดกับฉันวันนี้!”
ถังซีวางสายโทรศัพท์ เมื่อเธอมองหน้าเฉียวเหลียงซึ่งดูท่าทางโกรธมาก… โกรธยิ่งกว่าเธอเสียอีก ถังซีก็รู้สึกดีขึ้น เธอเลิกคิ้วมองเฉียวเหลียงด้วยรอยยิ้มซุกซนเหนือริมฝีปาก และถามว่า “ทำไมคุณถึงดูโกรธมากกว่าฉันอีกล่ะ เธอสบประมาทฉันนะ ไม่ใช่คุณ ทำไมหน้าคุณถึงได้เข้มอย่างกับสีถ่านไม้ไผ่แบบนี้”
เฉียวเหลียงมองหน้าถังซีและขมวดคิ้ว “คุณปล่อยผู้หญิงคนนั้นให้ผมจัดการไม่ได้หรือ” เขาถาม
ถังซีชะงัก ปล่อยผู้หญิงคนนั้นให้เขาจัดการอย่างนั้นเหรอ แล้วเธอจะได้เห็นข่าวเช้าวันรุ่งขึ้นว่า นักออกแบบสาวชื่อดังถูกฆ่าตาย ร่างของเธอถูกทิ้งไว้ในป่ารกร้างอย่างนั้นใช่ไหม เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้นี้ถังซีก็รีบส่ายศีรษะตอบว่า “ไม่ได้ค่ะ ถึงแม้ฉินซินหยิ่งจะรู้จักฉันดีมาก แต่เธอไม่รู้จักเซียวโหรวเลย ในขณะที่ฉัน ซึ่งตอนนี้คือเซียวโหรว รู้จักเธอดีมาก ฉันรู้ความลับของเธอที่คนอื่นไม่รู้มากมาย ถ้าเธอกล้ายุ่งกับฉัน ฉันจะทำให้เธอเสียใจไปตลอดชีวิต”
เฉียวเหลียงขมวดคิ้ว กำลังจะเอ่ยบางอย่างออกมาเมื่อถังซีจับมือเขาไว้และกล่าวต่อไป “ฉันรู้ว่าฉินซินหยิ่งเป็นภัยคุกคามต่อเรา ฉันอาจถูกเธอฆ่าตายถ้าฉันระวังตัวไม่ดีพอ แต่ฉันจะแตะต้องเธอตอนนี้ไม่ได้ ฉันไม่สามารถฆ่าเธอได้เพียงเพราะเธอเป็นศัตรูด้านความรักของฉัน จริงไหม”
“ก็แล้วแต่คุณ” เฉียวเหลียงตอบกลับ ขณะมองถังซีด้วยความรักใคร่หลงใหล
เมื่อรู้ว่าเขาเชื่อมั่นในตัวเธอแล้ว ถังซีก็ยิ้มให้เฉียวเหลียงและขยิบตาให้เขา “ไม่ต้องห่วง” เธอกล่าว “ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะไม่รีรออีกต่อไป เพราะนั่นอาจทำให้มีการทำร้ายฉันและคุณปู่”
…
ที่แผนกออกแบบของเฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุป ฉินซินหยิ่งออกมาจากห้องทำงานนักออกแบบพิเศษ โดยมีโทรศัพท์มือถืออยู่ในมือ และบอกผู้ช่วยของเธอให้เก็บข้าวของในห้องทำงานให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินขึ้นไปบนดาดฟ้า
บนชั้นดาดฟ้า เธอกดหมายเลขโทรศัพท์แล้วโทรออก ไม่นานทางปลายสายอีกด้านหนึ่งก็รับสาย ทันทีที่สายเชื่อมต่อเธอก็รอไม่ไหวถามขึ้นทันที “พวกคุณพบถังซีหรือยัง! ทำไมเมื่อกี้ถึงรับสายฉันช้านัก!”
ผู้ชายที่อยู่ทางปลายสายอีกด้านหนึ่งเอ่ยได้แค่ “ผม…” ก่อนที่โทรศัพท์จะตัดสายไป
เมื่อได้ยินสัญญาณสายไม่ว่างดังออกมาจากโทรศัพท์ ฉินซินหยิ่งก็ขมวดคิ้ว และโทรซ้ำอีกครั้ง แต่ทางปลายสายอีกด้านหนึ่งปิดเครื่องไปแล้ว
ฉินซินหยิ่งกระทืบเท้าลงบนพื้นอย่างเดือดดาล ไอ้บ้าเอ๊ย! เกิดบ้าอะไรขึ้นมาอีกกับคนพวกนั้น