บทที่ 337 งานวิวาห์สุดแสนอลังการ

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 337 งานวิวาห์สุดแสนอลังการ
แม่เลี้ยง?

หรือว่าผู้ชายคนนั้นแต่งงานกับแครอทแล้ว?

เหมือนเธอราวกับมีอะไรบางอย่างมีบีบ ผ่านมาครึ่งปีเธอไม่รู้สึกรู้สาอะไรอีกต่อไป

ทว่าเวลานี้ เมื่อได้ยินข่าวนี้ แม้แต่หายใจก็ยังเจ็บปวด

“เป็นลูกชายของเขาด้วย เขาไม่สนใจเลยหรือคะ?”

“ถ้าเขาสนใจจะเป็นแบบนี้เหรอ? ตอนนี้ตระกูลลัดดาวัลย์กับตระกูลหิรัญชาใกล้จะอยู่ใต้ชายคาเดียวกันแล้ว พวกเขาใกล้จะย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันแล้ว ถ้าไม่อยากให้ลูกชายตายในมือพวกเขาก็รีบเสนอหน้ากลับมาเลย”

ธนาตย์ทิ้งประโยคจี้ตรงจุดเอาไว้

จากนั้นเขาก็วางสาย

ร่างกายเส้นหมี่โซเซ

ตระกูลลัดดาวัลย์จะย้ายเข้าไปอยู่แล้ว?

ก็ถูกอยู่ แครอทบอกว่าพวกเขาสองบ้านเคยคุยเรื่องปรองดองกันไว้ ตอนนี้ลูกสาวของพวกเขากลายเป็นคุณนายประจำตระกูลตระกูลหิรัญชาแล้ว ย้ายเข้าไปก็ไม่แปลก?

ทว่าพวกเขาจะแต่งงานก็แต่งกันสิ ทำไมต้องทารุณลูกชายของเส้นหมี่อย่างเธอด้วย?

หรือเป็นเพราะอีกหน่อยเขาจะมีลูกเพิ่ม ลูกสองคนนี้จึงไม่สำคัญอีกต่อไป?หรือว่าเป็นเพราะเธอเป็นคนคลอดสองคนนี้ จึงถูกปฏิบัติแบบนี้?

เส้นหมี่หลับตาลง

สุดท้ายเส้นหมี่ก็ตัดสินใจกลับไปด้วยตัวเอง

ปอร์เช่เห็นแล้วก็รื่นรมย์ใจยิ่ง วันออกเดินทาง เขาตื่นเช้าเพื่อไปส่งเธอที่สนามบินเป็นพิเศษ

“พี่สาว วางใจเถอะ นี่ที่มีผมอยู่ ผมจะดูแลรินจังเอง และจะดูแลงานด้วย”

“อืม”

เส้นหมี่พยักหน้านิดๆ

จากนั้นเธอก็ขึ้นเครื่อง

หลังจากได้สงบสติอารมณ์หนึ่งคืน ตอนนี้เธอก็ปรับอารมณ์ให้สงบได้แล้ว นอกจากลูกแล้ว สมองของเธอไม่มีอย่างอื่น

เส้นหมี่ขึ้นเครื่องบิน โดยเลือกที่นั่งติดหน้าต่าง และคนด้านข้างก็เป็นสาวชาวจีนพอดี

“ฉันรู้แล้วค่ะ ฉันรู้แล้ว ครั้งนี้ฉันจะถ่ายภาพให้สวยที่สุดเลยค่ะบอส ฉันรับรองว่าสำนักพิมพ์ของพวกเราต้องขายดีเป็นเทน้ำเทท่าแน่นอนค่ะ”

“……”

อีกฝ่ายพูดน้ำไหลไฟดับ สุดท้ายโดนสาวแอร์โฮสเตสเร่งเร้า ผู้หญิงคนนี้จึงวางสายและปิดเครื่อง

“ขอโทษด้วยนะคะ หัวหน้าฉันเร่งงานฉัน ไม่รบกวนคุณใช่ไหมคะ?” ผู้หญิงมีมารยาทไม่เบา ปิดเครื่องเสร็จก็พบว่าด้านข้างมีเส้นหมี่นั่งอยู่ จึงรีบกล่าวคำขอโทษ

เส้นหมี่ส่ายหัว สื่อให้รู้ว่าไม่เป็นไร

เดิมทีคิดว่าผู้หญิงคนนี้จะเงียบ ทว่าไม่นาน เธอก็เอานิตยสารออกมาหนึ่งฉบับ

“คุณดูสิ อันนี้เป็นนิตยสารรายสัปดาห์ของพวกเรา มีชื่อเสียงมากเลยนะคะ ส่วนมากข้างในจะเป็นฝีมือของฉันเองค่ะ คุณดูสิ”

“…ขอบคุณค่ะ”

สุดท้ายเส้นหมี่ก็รับมา อาจเป็นเพราะตอนนี้เธอว่างไม่มีอะไรทำพอดีก็ได้

จริงด้วย เส้นหมี่เริ่มพลิกดูนิตยสารเล่มนี้ พบว่าภาพสามารถพบเห็นได้ตามท้องถนนในเมืองM โดยจะเน้นด้านบันเทิง ซึ่งได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจากกลุ่มวัยรุ่น

“ที่แท้คุณก็เป็นนักข่าวเหรอค่ะ แล้วคุณจะกลับไปทำข่าวอะไรคะ?” เส้นหมี่พลิกดูไปพลาง ถามสุ่มๆไปพลาง

นักข่าวสาวตื่นเต้นขึ้นมาทันควัน

“ทำข่าวในงานวิวาห์ที่แสนจะอลังการค่ะ เจ้าบ่าวเจ้าสาวล้วนมีชื่อเสียงด้วยกันทั้งคู่ ฉันเก็บภาพไปลงข่าว คงมีกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยมแน่นอนค่ะ”

“งานวิวาห์ที่อลังการ?”

เส้นหมี่ได้ยินก็คลี่ยิ้ม

สำหรับนักข่าวแผนกบันเทิง คนมีชื่อเสียงที่ว่าคงจะเป็นดาราท่านหนึ่งมั้ง เพราะพวกเขาทำงานด้านนี้เป็นหลักอยู่

เส้นหมี่ไม่เก็บมาใส่ใจ คืนนิตยสารให้อีกฝ่าย จากนั้นก็หลับตาพักผ่อน

เธอไม่รู้ว่าครั้งนี้ไปขอลูกมาอยู่ด้วยจะราบรื่นหรือไม่?

อาจจะเป็นสงครามอันยากเย็นก็ได้ และอาจจะง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก เพราะอย่างไรเสียงก็เป็นลูกที่เขาไม่เอาแล้ว

เส้นหมี่ค่อยๆกำหมัดแน่น

หลายชั่วโมงต่อมา ณ สนามบินเมืองA

เส้นหมี่สวมแว่นกันแดดย่ำเท้าเข้าสู่พื้นผิวนี้อีกครั้ง มีหลายวินาทีที่เธอเหม่อลอย

จวบจนมีคนตบไหล่เธอกะทันหัน“คุณค่ะ ลืมถามว่าคุณมาทำอะไรที่นี่เหรอคะ?บริษัทส่งมาทำงานเหรอคะ”

เจ้าของเสียงคือนักข่าวสาวคนเดิม

เส้นหมี่จึงต้องเก็บความรู้สึก มองเธอเรียบๆปราดหนึ่ง“ไม่ใช่ค่ะ ฉันเป็นคนที่นี่”

นักข่าวสาวพยักหน้าหงึกๆ“อ่อ งั้นฉัน……”

และรู้ว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร ทว่าหยุดกลางคัน จากนั้นเส้นหมี่ก็เห็นอีกฝ่ายเอาแต่จ้องมุมหนึ่งด้วยความดีใจ ชนิดที่ลูกตาจะกระเด็นออกมาอยู่รอมร่อ

“โอ้โห!!งานแต่งใหญ่จริงๆ สนามบินยังมีภาพพรีเวดดิ้งขนาดใหญ่ของพวกเขาด้วย”

เธอร้องเสียงหลงแล้วชี้ไปยังภาพที่ฉายบนจอLED

เส้นหมี่มองตามด้วยจิตใต้สำนึก

เมื่อเห็นก็ต้องจ้องตาค้าง

“ที่แท้ก็เป็นผู้นำธุรกิจในทวีปเอเชียนี่เอง หล่อจังเลย แถมยังหนุ่มอีก ดูโครงหน้าไร้ที่ติของเขาสิ ยังมีความสูงศักดิ์ในตัวอีกด้วย แม่ง ถ้าเขาไปเป็นดารา ดาราคนอื่นต้องดับแน่”

นักข่าวสาวเริ่มถือกล้องเก็บภาพบนจอLEDอย่างขมีขมัน

เส้นหมี่ชะงักค้างอยู่กับที่

ความคิดอ่านของเธอหยุดนิ่ง นับจากตอนที่เห็นภาพพรีเวดดิ้งขนาดใหญ่ สมองของเธอก็คล้ายกับเกิดเสียงดัง“โครม”นอกนั้นก็ว่างเปล่า

นอกเหนือจากนั้น เธอก็ไม่ได้ยินอะไรอีก