ตอนที่ 506

The Divine Nine Dragon Cauldron

ลู่จือยี่ที่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นหัวใจแทบหยุดเต้น นางคิดว่าซือหยูจะจู่โจมนาง!

 

ลู่จือยี่หันไปมอง

 

“เจ้ามีความปรารถนาที่ข้าจะช่วยให้สำเร็จได้อยู่หรือไม่?”

 

น้ำเสียงของนางแปลกใจ เผยให้เห็นถึงความรู้สึกที่ซับซ้อน

 

ซือหยูสังเกตถึงบรรยากาศประหลาย เขาเก็บวิชาช่างลับสวรรค์เอาไว้ ซือหยูคิดถึงสิ่งที่นางพูด ความปรารถนาของเขาคือการรักษาหลิงเสี่ยวเทียน แต่เขาก็ทิ้งหลิงเสี่ยวเทียนกับโลงศพมังกรหมอกไว้ที่ก้นบึ้งเก้ามังกรเพราะไม่สะดวกนักที่เขาจะพกมาด้วย

 

เมื่อเห็นว่าซือหยูลดมือลง ลู่จือยี่ตกใจมาก นางดูซือหยูผิดไปรึ?

 

นางพูดอย่างอดทนด้วยความสงสัยเล็กน้อย

 

“อย่างเช่น…เจ้ามีศัตรูอยู่บ้างหรือไม่? เจ้าจะขออะไรก็ได้ในตอนนี้ ข้าจะทำให้ความปรารถนาของเจ้าเป็นจริง!”

 

ซือหยูรู้สึกแปลกในตอนนี้ ลู่จือยี่พูดอะไรของนางกัน?

 

เขาหยุดคิดไปครู่หนึ่งก่อนจะนำลำดับเก้าหยินหยางออกมา

 

“หวังว่าเจ้าจะซ่อมสิ่งนี้ให้ข้าได้ ถ้าให้ดีก็ช่วยทำให้มันดีขึ้นด้วย”

 

ลู่จือยี่สีหน้าซับซ้อน แต่ก็พยักหน้า

 

“ย่อมได้”

 

นางรับลำดับเก้าหยินหยางที่ถูกทำลาย และนางก็สะบัดดัชนีดุงกระเป๋าใบเล็กออกมา นั่นคือสมบัติมิติของนาง ภายในนั้นจะต้องมีสมบัติจำนวนมากอยู่แน่!

 

ในตอนนี้ แสงทองสาดส่อง ชิ้นส่วนสิ่งของสีทองลอยอยู่กลางอากาศ

 

ชิ้นส่วนต่างๆมีหลายขนาด ชิ้นที่เล็กที่สุดนั้นขนาดเท่าตัวอักษร ชิ้นที่ใหญ่ที่สุดขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือ มีของอยู่ทั้งหมดสิบชิ้น

 

“ไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์?”

 

ซือหยูตกตะลึง ของทั้งสิบชิ้นคือไผ่เงินกล้วยไม้สวรค์!

 

เรียกได้เลยว่ามันคือไผ่เทวะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในจิวโจว แม้แต่เพียงทมิฬก็ทะลวงผ่านไม่ได้!

 

และยิ่งไปกว่านั้น มันยังมีพลังมิติในตัวด้วย เช่นใบไม้ทองคำที่นางใช้เดินทางพันลี้ในก้าวเดียว

 

แม้แต่เหล่าจ้าวเทวะก็มิอาจได้สมบัติเช่นนี้ไปครองมากนัก แต่นางนั้นกำลังจะใช้ของเหล่านี้ช่วยเขารึ?!

 

เขาหยิบลำดับเก้าหยินหยางไปทดสอบ แต่เขาก็ไม่คิดว่านางจะตกลง แล้วยังจะเอาสมบัติล้ำค่าออกมาอีก!

 

“เดี๋ยวก่อนสิท่านผู้เฒ่า! ข้ารับวัตถุดิบล้ำค่านั่นไม่ได้หรอก”

 

ซือหยูใบหน้าเด็ดเดี่ยว เขาค่อยๆเคร่งเครียดขึ้นเรื่อยๆ

 

ลู่จือยี่ไม่สนใจเขา นางพูดกับตัวเอง

 

“วัตถุดิบของเข็มเก้าเล่มนี้เป็นของธรรมดา ยากจะพัฒนาต่อได้ ข้าต้องใช้ไผ่ตีมันขึ้นมาใหม่”

 

จากนั้นนางก็หยิบลูกแก้วแสงออกมาจากกระเป๋า มันคือเตาเผาที่มีเพลิงร้อนรายล้อม เมื่อมันแตะพื้นก็ขยายขนาดออกทันที

 

ลู่จือยี่สร้างผนึกพลังในมือ เพลิงขยายขนาดปกคลุมทั่วเตา และลู่จือยี่ก็ประสานมือเข้าด้วยกันเพื่อทำลายลำดับเก้าหยินหยางทุกเล่มของซือหยู!!

 

นางผสมเศษชิ้นส่วนไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์เข้าด้วยกันจากนั้นจึงนำไปให้ความร้อนในเตาเผา ชิ้นส่วนหลอมละลายด้วยความเร็วที่ตาเห็น มันกลายเป็นเหล็กเหลวร้อนๆ

 

จากนั้นลู่จือยี่ก็หมุนมือหนึ่งข้าง นางใช้พลังชีวิตเพื่อทำให้ไฟลุกต่อไปขณะที่กำลังท่องคาถาอะไรบางอย่าง

 

เหล็มหลอมเปลี่ยนจากสีเทาเป็นสีเงิน จากนั้นจึงเป็นสีทอง มันปล่อยแรงกดดันวิญญาณมหาศาลออกมา! แรงกดดันวิญญาณนี้เทียบได้กับระดับสมบัติเทพ!

 

ซือหยูรู้สึกกระอักกระอ่วน เขามองสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นและสงสัย…

 

หรือว่ามันจะเป็นสมบัติวิญญาณ?

 

จากที่เว่ยกังเคยพูด ลู่จือยี่นั้นเป็นปรมาจารย์ช่างในดินแดนพรสวรรค์ทั้งสิบแปด แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจว่า “ปรมาจารย์ช่าง” จะหมายความว่าอย่างไร แต่เขาก็ยังคงตกใจกับนามนี้ เขากำลังได้เห็นการถือกำเนิดของสมบัติวิญญาณ!

 

ในตอนนี้ ลู่จือยี่หยุดท่องคาถา

 

“ข้าชำระล้างวัตถุดิบแล้ว ต่อไปจะเป็นขั้นตอนสำคัญ นั่นคือการขึ้นรูป ข้าไม่เคยลองตีชุดเข็มมาก่อน มีความเสี่ยงที่จะล้มเหลว ถ้ามันไม่สำเร็จ เข็มพวกนี้กับวัตถุดิบที่ผสมลงไปก็จะถูกทำลายหมด”

 

ซือหยูสีหน้าเปลี่ยนไป เขาเริ่มคิดถึงตอนที่มันล้มเหลว…

 

ขณะที่เขากำลังคิด ลู่จือยี่พูดต่อ

 

“ถ้าเจ้าเปลี่ยนมันเป็นสมบัติรูปลักษณ์กระบี่ ข้าก็มั่นใจว่ามันจะสำเร็จ แต่ก็มีสิ่งไม่บริสุทธิ์มากเกินไปในเข็มของเจ้า แล้ววัตถุดิบก็ไม่พอ ข้าสร้างกระบี่ได้แค่สามเล่ม ถ้าเจ้ายินยอม ข้าจะช่วยเจ้าตีกระบี่ให้”

 

ซือหยูยินดีกับทางเลือกที่สองแต่ก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ลำดับเก้าหยินหยางนั้นเกิดจากเพลงกระบี่เก้าสุริยา มันล้ำค่าก็เพราะว่าเข็มทั้งเก้าทำให้เพลงกระบี่ใช้งานได้ดี

 

ตามทฤษฎี การเปลี่ยนจากเข็มเป็นกระบี่นั้นควรจะทำให้พลังสูงกว่าเดิม แต่วัตถุดิบที่ไม่เพียงพอทำให้สร้างกระบี่ได้เพียงสามเล่ม นั่นหมายความว่าเพลงกระบี่จะไม่ครบเงื่อนไข ผลของมันก็จะอ่อนด้อยลงไป

 

ซือหยูชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียแต่ก็ยังตัดสินใจไม่ได้ สุดท้ายเขาก็กัดฟันตอบ

 

“ข้าขอเลือกอย่างหลังก็แล้วกัน!”

 

แม้ว่าพลังของเพลงกระบี่จะลดลง มันก็ยังดีกว่าที่จะเสี่ยงเสียวัตถุดิบทั้งหมด

 

ลู่จือยี่พยักหน้า

 

“เอาล่ะ!”

 

นางใส่พลังชีวิตลงในเตาเผา วัตถุดิบหลอมเหลวดูดซับพลังชีวิตจำนวนมากเข้าไปและปล่อยคุณสมบัติวิญญาณที่ทรงพลังออกมา จากนั้นมันจึงก่อร่างเป็นกระบี่ขนาดเท่าฝ่ามือสามเล่ม

 

ไฟในเตาเผาค่อยๆเย็นลงอย่างมีจังหวะ เมื่อไฟมอดลงก็หลงเหลือกระบี่สามเล่มที่เย็นแข็งตัวแล้ว มันกลายเป็นกระบี่อันงดงามขนาดเท่าฝ่ามือสามเล่ม

 

ผิวกระบี่นั้นเรียบราวกับกระจกไร้ซึ่งรอยบิ่น ผิวกระบี่นั้นเรียบไม่ต่างกับผิวสตรี

 

คมกระบี่นั้นส่องประกายเงาวับ ซือหยูรู้สึกเจ็บปวดที่ดวงวิญญาณเล็กน้อยเมื่อมองคมกระบี่

 

กระบี่เล็กสามมเล่มปล่อยแรงดันวิญญาณที่เป็นของสมบัติวิญญาณ! ซือหยูดีใจมาก เขาเอื้อมมือคว้ากระบี่ทั้งสาม เมื่อกระบี่อยู่ในมือก็สัมผัสได้ถึงความเย็นวาบ จากนั้นแรงกดดันแปลกๆก็ทำให้ซือหยูต้องหายใจเข้าออกยาวๆหลายครั้ง

 

“วัตถุดิบของเข็มเจ้าก่อนหน้านี้มันธรรมดาเกินไป มันส่งผลถึงระดับของเข็ม มันควรจะพัฒนาจากสมบัติเทพเป็นสมบัติวิญญาณเพราะข้าใช้ไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์ร่วมด้วย แต่วัตถุดิบมีจำกัด ข้าทำให้มันเป็นได้แค่สมบัติกึ่งวิญญาณเท่านั้น”

 

ซือหยูริมฝีปากบิดไปมา เข็มเหล็กนั้นเป็นแค่สมบัติเทพระดับกลาง เทียบกับไผ่เทวะแห่งจิวโจว วัตถุดิบมันด้อยค่าไปเลย!

 

แม้จะรู้สึกผิดเมื่อถือมัน เขาก็รู้สึกพอใจอยู่ไม่น้อย

 

“ข้าทำความปรารถนาแรกของเจ้าเป็นจริงแล้ว เจ้าต้องการสิ่งใดอีกหรือไม่?”

 

ลู่จือยี่มีความขัดแย้งในแววตา

 

เมื่อซือหยูได้ทดสอบแล้ว เขาจะพลาดโอกาสอีกได้อย่างไร? เขาถามด้วยสายตาเจ้าเล่ห์

 

“มีไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์เหลืออีกหรือไม่?”

 

เขาขอไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์อย่างไร้ยางอาย ลู่จือยี่ขมวดคิ้วแต่ก็หยิบเอาเมล็ดสีทองออกมาจากกระเป๋ามิติแม้จะลังเลก็ตาม

 

“นี่คือเมล็ดของไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์ นี่คือทั้งหมดที่ข้ามี”

 

เมล็ดรึ? ซือหยูเบิกตากว้าง เขาเพียงตั้งใจจะขอวัตถุดิบ แต่อีกฝ่ายกลับมอบเมล็ดให้เขามาโดยตรง!

 

ถ้าเขาปลูกไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์ได้อีกล่ะก็…

 

ซือหยูตื่นเต้นเมื่อคิดถึงมัน ลู่จือยี่ที่ราวกับเข้าใจว่าซือหยูคิดอะไรอยู่จึงพูดตัดกำลังใจขึ้นมา

 

“เจ้าคิดฝันไปไกลแล้ว เมล็ดไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์มิอาจรอดได้นอกจากจะถูกปลูกโดยพวกสัตว์ประหลาดเฒ่าที่เหนือระดับจ้าวเทวะ คนเหล่านั้นต้องรดน้ำมันด้วยโลหิตของตัวเองไปอย่างน้อยร้อยปี! คนธรรมดาได้เมล็ดไปก็ใช้มันเป็นวัตถุดิบได้เท่านั้น”

 

ซือหยูแอบหัวเราะ แต่เขาก็เก็บเมล็ดเอาไว้อย่างไม่ออกท่าทาง

 

“มีอะไรอีกหรือไม่?”

 

ลู่จือยี่ถามอย่างอดทน

 

ซือหยูโบกมือ บนพื้นเต็มไปด้วยสมบัติ! สมบัตินั้นมีมีดเกล็ดทอง ชุดเกราะ ร่มวิเศษสุริยาม่วง ธนูมังกรฟ้าดิน หน้ากากนิรันดร์…

 

“ช่วยข้าชำระของพวกนี้”

 

ซือหยูยิ้ม

 

ลู่จือยี่ตัวแข็งทื่อ เพลิงแค้นลุกไหม้ในดวงตา

 

“เจ้าหนู อย่าให้มันมากนัก!!”

 

นี่น่ะรึความปรารถนา? มันจะกลายเป็นการใช้งานนางเข้าแล้ว!

 

นางใช้พลังชีวิตสามส่วนจากทั้งหมดในการตีลำดับเก้าหยินหยางขึ้นมาใหม่ แล้วนางจะต้องตีสมบัติตรงหน้าทั้งหมดอีกในตอนนี้อีกรึ?

 

“แต่มันก็คือความปรารถนาของข้า แต่ก็ช่างเถอะ”

 

ซือหยูพูดด้วยความผิดหวัง

 

ลู่จือยี่กัดฟันอย่างโกรธเกรี้ยว นางจ้องมองซือหยู

 

“ก็ได้! ข้าสัญญา!”

 

นางพูดจบและมองเหล่าสมบัติ นางมองผ่านมีดเกล็ดทองและหน้ากากนิรันดร์

 

“นั่นมันของระดับต่ำ อีกอันก็แตก ไม่มีคุณค่าใดที่จะตีขึ้นใหม่ เจ้าควรทิ้งมันไปซะ”

 

นางทิ้งมีดเกล็ดทองอย่างไม่ลังเล! จากนั้นนางก็มองเกราะราชาศิลานิรันดร์ น้ำเสียงของนางเปลี่ยนไป

 

“สมบัติวิญญาณระดับสูงที่พังรึ? มันใช้กระดูกจ้าวเทวะเป็นวัตถุดิบ น่าเศร้าที่ข้าไม่มีวัตถุดิบอย่างนั้น…นอกซะจากเจ้าจะหักกระดูกข้า”

 

นางเหลือบมองซือหยูอย่างดุร้ายขณะที่พูด

 

จากนั้นนางก็มองร่มวิเศษสุริยาม่วง นางลังเลก่อนจะพยักหน้า

 

“ตีสมบัติเทพชิ้นนี้อาจจะพอคุ้มค่าอยู่บ้าง ถ้าข้าแทนที่เพลิงสุริยาม่วงด้วยเพลิงจากเตาเผาของข้า มันก็ควรจะกลายเป็นสมบัติกึ่งวิญญาณ”

 

ซือหยูตื่นเต้นเมื่อคิดว่าเขาจะได้สมบัติกึ่งวิญญาณอีกชิ้น! ลู่จือยี่มองสมบัติชิ้นสุดท้าย…ธนูมังกรฟ้าดิน

 

สีหน้านางหม่นหมอง นางจับสมบัติด้วยมือและลูบมัน

 

“ช่างน่าแปลก นี่เป็นสมบัติเทพระดับกลางธรรมดาๆ แล้วทำไมข้าต้องอีดอัดเช่นนี้?”

 

นางสังเกตมันไปอีกสักพักก่อนจะชักสีหน้า นางขว้างธนูสีเงินทิ้งไปราวกับตกตะลึงในอะไรบางอย่าง นางตกใจมาก

 

“หรือว่าจะมีศรเทวะถูกผนึกอยู่ในธนูคันนี้?”

 

ซือหยูใจสั่น เขานึกถึงคำพูดของหยุนย่าสีที่บอกว่าธนูมังกรฟ้าดินนั้นไม่ได้ล้ำค่าด้วยตัวเอง แต่มูลค่าของมันมาจากศรธนูที่อยู่ภายใน! และตอนนี้ลู่จือยี่แสดงท่าทางแบบนั้นออกมาจนทำให้ซือหยูสงสัยยิ่งกว่าเดิม

 

“เจ้าเอาธนูคันนี้มาจากที่ไหน? เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นเรื่องจริงหรอก…ข้าคิดว่ามันหายไปจากประวัติศาสตร์มนุษย์ไปนานแล้วเสียอีก ทำไมมันถึงมาอยู่ตรงนี้ได้?”

 

ลู่จือยี่มองธนูสีเงินด้วยความกลัว

 

“ข้าบังเอิญเจอมันที่ซากใต้ดินน่ะ จะปลดผนึกธนูนี้ให้ข้าได้หรือไม่?”

 

“ซากใต้ดินน่ะรึ?”

 

ลู่จือยี่สงสัยเป็นอย่างมาก นางข่มใจให้เย็นและจ้องมองไปที่ธฯูสีเงิน นางหายใจเข้าลึก

 

“เกรงว่าข้าจะทำเรื่องนี้ให้เจ้าไม่ได้!”