ร่างเล็ก ๆ ขององค์หญิงอวี้ถูกร่างของชายหนุ่มอย่างองค์รัชทายาทเซี่ยทับ แค่คิดก็รู้แล้วว่าสภาพจะเป็นเช่นไร
“กรี๊ดดดดด! ” เสียงกรีดร้องเสียดแทงหัวใจดังลั่นขึ้น
เชียนอ้าวเซี่ยลุกลงจากร่างขององค์หญิงอวี้ จากนั้นก็รีบปัดฝุ่นบนร่างของตนเองออก
ดวงตาที่สดในดุจดั่งน้ำแข็งหิมะ เขากล่าวอย่างไร้เดียงสาว่า “น้องอวี้หนิ่ น้องอวี้เจ้าเป็นยังไงบ้าง? ”
องค์หญิงอวี้ตอนนี้กระอักเลือดคำโตออกมา ใบหน้าที่งดงามของนางก็มีรอยขีดข่วนเล็กน้อย เมื่อนางหันมาเห็นใบหน้างดงามขาวราวหิมะและมีเสน่ห์ชวนให้น่าหลงใหลของเชียนอ้าวเซี่ยแล้วความโกรธเกรี้ยวทั้งหมดก็ได้หายวับไปทันที
องค์หญิงอวี้กล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “พี่เซี่ย อวี้เอ๋อร์ไม่เป็นไร พี่เซี่ยเป็นอย่างไรบ้าง บาดเจ็บตรงไหนหรือไม่เพคะ”
เห็น ๆ กันอยู่ว่าองค์หญิงอวี้นั้นได้รับบาดเจ็บ ทว่า นางกลับเป็นห่วงเป็นใยเชียนอ้าวเซี่ยเป็นอย่างมาก
ผลที่ได้ก็คือ เดินทีมูเฉียนซีที่อยู่ห่างจากเขาเพียงเอื้อมมือเมื่อครู่ ตอนนี้นางได้เดินจากไปแล้ว
เจ้าลามกเซี่ยนั่นตกลงมาทับองค์หญิงอวี้นั่น ทำให้นางหงุดหงิดใจเล็กน้อย แต่จะว่าไปแล้วนางก็ไม่อยากจะเสียเวลากับคนประสาทผู้นั้นต่อไปเหมือนกัน
เชียนอ้าวเซี่ยรีบตามนางไปพลางตะโกนกล่าวว่า “เสี่ยวซี รอข้าด้วย! ”
“เสี่ยวซี ข้าไม่ได้เจอหน้าเจ้านานแล้ว เจ้าไม่คิดจะทักทายข้าสักหน่อยเลยเหรอ เจ้าช่างใจดำยิ่งนัก! ”
“……”
สำหรับฉากการไล่ตามสตรีของเชียนอ้าวเซี่ยเช่นนี้ หนึ่งปีมีสามร้อยหกสิบห้าวัน เชียนอ้าวเซี่ยไล่ตามสตรีไปสองร้อยห้าสิบวัน ดังนั้นคนในเซี่ยตูเห็นกันจนชินแล้ว พวกเขาเหลือบไปมองมู่เฉียนซี และพวกเขาก็ทำได้เพียงถอนหายใจและคิดในใจว่า ‘เฮ้อ! ดูท่าจะมีสาวงามอีกคนต้องเข้าตำหนักองค์รัชทายาทเซี่ยอีกแน่นอน แต่สาวงามผู้นี้ดูเหมือนว่าจะเป็นนักปรุงยาซะด้วยสิ ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก! ’
ต้องบอกเลยว่าเชียนอ้าวเซี่ยนั้นได้สร้างความเกลียดชังเอาไว้มาก ในตำหนักตงกงนั้นมีสาวงามมากมายไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ และทั้งหมดล้วนเป็นเขาที่เรียกร้องมาทั้งสิ้น
ถึงแม้ว่าเชียนอ้าวเซี่ยได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่เสเพลอันดับหนึ่ง ทว่า เขาก็ไม่เคยใช้วิธีที่ไม่เหมาะสมในการได้มาซึ่งสาวงามเหล่านั้นเลย
“พี่เซี่ย……” องค์หญิงอวี้เอ่ยอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ
สาวใช้ข้างกายนางกล่าวปลอบใจว่า “องค์หญิงเพคะ หญิงสาวผู้นั้นก็เป็นเพียงแค่ของเล่นชั่วคราวขององค์รัชทายาทเท่านั้นแหละเพคะ อีกไม่นานองค์รัชทายาทก็เบื่อ ในสายตาขององค์รัชทายาท มีเพียงองค์หญิงผู้เดียวเท่านั้นมีเป็นคนพิเศษ”
“อีกอย่าง ก็มีเพียงองค์หญิงคนเดียวเท่านั้น ที่เหมาะจะเป็นพระชายาขององค์รัชทายาท”
องค์หญิงอวี้ขมวดคิ้วพลางกล่าว “แต่ข้ารู้สึก……ข้ามีความรู้สึกว่าครั้งนี้แตกต่างไปจากครั้งก่อน ๆ ที่ผ่านมา! ”
บางครั้งสัญชาตญาณของผู้หญิงนั้นเป็นสิ่งที่ไวมาก
นางเห็นดวงตาที่สดใสราวน้ำแข็งหิมะคู่นั้นซึ่งดูเหมือนว่ามีความจริงจังเป็นอย่างมากเมื่อเขามองไปที่หญิงสาวผู้นั้น
“องค์รัชทายาทเซี่ย ขอประทานอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ ด้านในเป็นเขตพักผ่อนของนักปรุงยา พระองค์เข้าไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”
“เหตุใดข้าถึงเข้าไปไม่ได้ ข้าเป็นถึงองค์รัชทายาทแห่งแคว้นเฉียนเซี่ย พวกเจ้าถอยไป ข้าจะไปหาเสี่ยวซี”
“องค์รัชทายาท นี่เป็นกฎ ได้โปรดพระองค์……”
“ข้า……”
“เซี่ย รอจนกว่าการประลองจะเสร็จสิ้นเถอะ! เจ้าคงจะไม่อยากให้มีผลกระทบต่อการประลองของนางใช่หรือไม่? ” ทันใดนั้นเอง เสียงที่อ่อนโยนก็ดังขึ้น
ผู้ที่เข้ามาช่วยห้ามเชียนอ้าวเซี่ยนั้นก็คือน่าหลานอวี้ เป็นผู้กอบกู้สถานการณ์ตัวจริง!
เชียนอ้าวเซี่ยคิดไปคิดมา จากนั้นก็กล่าวว่า “เห็นแก่เสี่ยวซี ข้าจะไม่เอาเรื่องเจ้า”
“ที่อวี้พูดมานั้นก็ถูก องค์รัชทายาทอย่างข้ารูปโฉมงดงามและมีเสน่ห์ถึงเพียงนี้ หากเสี่ยวซีเห็นเข้านางก็คงจะหลงใหลข้าจนอดใจไม่ไหว เกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อการประลองของนางได้”
สำหรับสหายผู้ที่ไร้ยางอายเช่นนี้ น่าหลานอวี้รู้สึกหมดหนทางจริง ๆ “เซี่ย ข้าว่าเจ้ากังวลมากเกินไปแล้ว มู่ซีรูปร่างหน้าตางดงามเช่นนั้นอยู่กับเฉียนซีทุกวัน ยังทำให้เฉียนซีสับสนไม่ได้เลย”
เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวอย่างตื่นเต้น “เจ้าพูดจริงเหรอ ไม่เคยทำให้นางสับสนงั้นเหรอ? ”
“หากเป็นเช่นนั้น ก็แสดงว่าเสี่ยวซีไม่ได้ชอบเจ้านั่นแน่นอน หากมีใจชอบใครสักคนดวงใจทั้งดวงก็ต้องอยู่กับนาง ก็เหมือนกับที่ข้าเป็นกับเสี่ยวซีในตอนนี้ไง”
สายตาที่ร้อนแรงจับจ้องไปที่มู่เฉียนซี มู่เฉียนซีมองมายังชายหนุ่มสองคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลมากนัก เสน่ห์ราวกับปีศาจหิมะ อีกคนนึงก็ดูอ่อนโยนราวหยก แต่ละคนก็มีข้อดีที่แตกต่างกันไป
ทว่า ในอีกแง่มุมหนึ่ง คนนึงก็จิตวิปริตบ้า ๆ บอ ๆ อีกคนนึงก็ชอบไม้ป่าเดียวกัน หากสตรีในเซี่ยโจวรู้เข้ามีหวังคงจะอกหักเสียใจน่าดู
น่าหลานอวี้ได้ยินคำพูดนี้ของเชียนอ้าวเซี่ยก็ตกใจผงะไปคู่หนึ่ง เขามองไปที่ร่างของสตรีชุดม่วงนั้น นานแล้วเหมือนกันที่เขาไม่ได้เจอนาง
ทันทีที่เห็นนาง เรื่องราวเหล่านั้นที่เขาสามารถลืมไปได้ก็ได้ปรากฏขึ้นมาในหัวของเขาอีกครา ในชั่วขณะหนึ่งเขาก็รู้สึกเหมือนกับที่เซี่ยได้กล่าวไว้เมื่อครู่ เหมือนว่าดวงใจจะถูกดึงออกไปก็มิปาน
คนผู้นั้นมิใช่มู่ซี ทว่า เป็นมู่เฉียนซี
เชียนอ้าวเซี่ยไม่พอใจเล็กน้อย เขากล่าวว่า “อวี้ นี่เจ้ามัวแต่จ้องมองเสี่ยวซีของข้าทำไม? ข้าจะหึงแล้วนะ”
“ข้าทำไมเหรอ? ”
เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวด้วยเสียงขรึมว่า “อวี้ เจ้าบอกข้ามานะ เจ้าชอบเสี่ยวซีใช่หรือไม่? ใช่หรือไม่? ”
“เจ้าจะบ้าหรือไง ข้าชอบมู่ซีต่างหากล่ะ”
“อวี้ เจ้าแน่ใจนะ? แล้วตอนที่ข้าบอกว่าข้าชอบเสี่ยวซี ตอนนั้นเจ้ามีความรู้สึกยังไง? รู้สึกกระวนกระวายใจ ไม่สบายใจใช่หรือไม่ เราเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ข้าเข้าใจเจ้าเป็นที่สุด”
น่าหลานอวี้ผงะไปโดยสมบูรณ์ “เซี่ย นี่เจ้าพูดซี้ซั้วอะไรของเจ้า! ”
“อวี้ ข้าไม่ได้พูดจาซี้ซั้ว อวี้ เจ้าต้องมั่นคงกับหัวใจตัวเองสิ”
“ข้าก็ไมรู้เหมือนกัน ก็เขาสองคน เอ่อ เขาสองคน……คือบางทีข้าก็แอบคิดนะว่าหากเขาสองคนคือคนคนเดียวกันแล้วล่ะก็……”
ในตอนนี้เอง ดวงตาของเชียนอ้าวเซี่ยก็เกิดความสงสัยขึ้น ดูเหมือนว่าเขากำลังคิดบางเรื่องที่ทำให้คนพังทลายได้
เชียนอ้าวเซี่ยจ้องมองไปที่มู่เฉียนซีที่กำลังยืนอยู่ และเหมือนเขาจะดูได้อย่างทะลุปรุโปร่ง……
หลังจากที่ได้รู้จักกับมู่ซี ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกเกลียดชังเขามาก แต่กลับดูเหมือนว่าลึก ๆ แล้วอยากจะพัวพันกับเขา
แต่เขามีความรู้สึกว่าเขาอยากจะพัวพันกับมู่เฉียนซีเพียงคนเดียวเท่านั้น อีกอย่าง……
อีกอย่างหลังจากที่เสี่ยวซีเข้ามาในเซี่ยตูนางก็หายตัวไปอย่างลึกลับ จากนั้นมู่ซีผู้นี้ก็ปรากฏตัวออกมา นี่มันเป็นเรื่องที่แปลกมาก
ตอนนี้เสี่ยวซีปรากฏตัวออกมาแล้ว แต่มู่ซีผู้นั้นกลับหายไป อีกทั้งยัง……
น่าหลานอวี้กล่าวถาม “เซี่ย เจ้าเป็นอะไรไป? ”
ดวงตาของเชียนอ้าวเซี่ยหรี่ลงเล็กน้อย และกล่าวว่า “อวี้ ดูเหมือนว่าข้าจะค้นพบเรื่องที่น่ากลัวขึ้นแล้วหล่ะ รอให้เสี่ยวซีประลองจบก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
ดูเหมือนว่ามู่เฉียนซีจะสังเกตเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงจากสายตาของเชียนอ้าวเซี่ย เชียนอ้าวเซี่ยนั้นมีระบบข่าวกรองที่ทรงพลังมา และเขาก็แสดงละครได้เก่งกาจมาก การที่นางสลับตัวตนสองตัวตนนั้น การที่เขาจะจับได้ก็ไม่ยาก
มู่เฉียนซี “อาถิง ขอปรึกษาอะไรหน่อยสิ! ”
หากนางกับอาถิงปรากฏตัวพร้อมกัน ทั้งสองก็ไม่สงสัยแล้ว
“ต้องการหลอกใช้ข้าอีกหล่ะสิ เหอะ เหอะ เหอะ! ข้ารู้อยู่แล้วว่าต้องมีวันนี้ ใครใช้ให้เจ้าเจ้าชู้ไม่เลือกเองหล่ะ! ” อาถิงกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์
มู่เฉียนซีจนปัญญาแล้วเหมือนกัน “ศาลานิรันดร์ของข้า อาถิงสหายรัก เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว ข้าก็แค่รู้สึกว่าเจ้านั่นทำตัวน่ารำคาญเกินไป ส่วนน่าหลาน……”
“น่าหลานอวี้ก็เป็นใบหน้าของเจ้ายังไงล่ะที่นำพามา ถึงเวลานั้นเจ้าต้องพูดกับเขาให้ชัดเจนนะ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เขามาติดอยู่ในห้วงของความรักนี้”
“แล้วถ้าหากข้าทำไม่สำเร็จล่ะ? ” อาถิงกล่าวถาม
“ข้าก็จะให้จิ่วเยี่ยอยู่เล่นเป็นเพื่อนเจ้าสักสองสามวัน”มู่เฉียนซีกล่าวพลางยิ้มมุมปาก นึกถึงครั้งที่โดนชกต่อยคราก่อนแล้วเขายังรู้สึกเจ็บไม่หาย! เจ้าบ้านี่ยังกล้าดีเอาเจ้าปีศาจนั่นมาขู่บังคับอีก อาถิงกัดฟันกรอดด้วยความโกรธ