ตอนที่ 406

Taming Master

[อิลูชั่นไลท์ไม่ยอมให้มีความมืดเข้าไปได้]

[มันเป็นพันธะที่สร้างขึ้นโดยพลังของเทพธิดาแห่งแสง เออร์เนซิส]

[มันต่อต้านความรุนแรง]

[ท่านถูกเคลื่อนย้ายออกจากดันเจี้ยน]

[สักพักท่านจะอยู่ในสถานะ ‘มึนงง’]

 

หลังจากแสงสีขาวกะพริบ ข้อความก็ถูกส่งเข้ามาในมุมมองของฮูนี่ย์

ด้วยความรู้สึกเวียนศีรษะ การมองเห็นของเขาเริ่มสูญเสียโฟกัส

สิ่งต่อไปที่เขาเห็นคือเขากลับมาที่ทางเข้าของดันเจี้ยน

รู้สึกบิดเบี้ยวและภาคภูมิใจกับมัน ฮูนี่ย์พูดขึ้นมา

“ในที่สุด… แม้แต่เทพก็รู้สึกเกรงกลัวต่อความมืด”

และหัวเราะอย่างชั่วร้าย

“คิก แสงสว่างและความมืดเป็นเหรียญสองด้าน… ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาปฏิเสธความมืด จริงๆแล้วมันก็คือดันเจี้ยนที่มีจิตใจคับแคบแค่นั้นเอง”

ฮูนี่ย์เข้าไปใกล้หน้าผาของภูเขาเอลคาริกซ์และหลับตาลงด้วยท่าทางโดดเดี่ยว

“ความยุติธรรมที่มอบให้โดยแสงสว่างและความมืดนั้นไม่แตกต่างกันสักเท่าไหร่…”

ในขณะที่ฮูนี่ย์กำลังล่องลอยไปในโลกแห่งความคิดของตัวเอง

จากนั้น…

ฮูนี่ย์ได้ยินเสียงจากด้านหลัง

“นั่นไม่ใช่อย่างนั้น ราชาแห่งความมืด”

ฮูนี่ย์ที่ตกใจกับเสียงนั้นก็ลืมตาขึ้น

“อะ อึก!”

เขาเกือบจะลื่นตกหน้าผา

ฮูนี่ย์จับกิ่งไม้และช่วยตัวเองจากวิกฤตและพยายามสงบสติอารมณ์

“เอ่อ อึบ!”

ฮูนี่ย์จ้องไปที่ลูการิกซ์ที่อยู่ตรงหน้าเขา

‘ใช่แล้ว ผู้ชายคนนั้น… เขาคือมังกรแห่งความมืด’

เขาคิดว่าเขาเป็นคนเดียวที่ถูกบังคับเคลื่อนย้ายออกจากดันเจี้ยนซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเมื่อเขาได้ยินเสียงของเด็กจากด้านหลัง เขาแทบจะกลิ้งลงจากหน้าผา

ลูการิกซ์เข้าหาฮูนี่ย์ที่หมดปัญญากับเหตุการณ์นั้นและพูดว่า

“เทพไม่ได้มีทิฐิหรือโง่เง่า แต่พวกเขามีความรู้สึกลึกซึ้งในสิ่งที่พวกเขาทำ”

ฮูนี่ย์เกาหลังคอแล้วตอบว่า

“อย่างนั้นหรอ?”

“ใช่แล้ว อย่างน้อยก็จนกระทั่งมีใครได้สัมผัสกับเทพปีศาจที่ขับเคลื่อนด้วยความโลภ”

เมื่อนึกถึงเทพแห่งความมืด คาเดส การแสดงออกของ ลูการิกซ์ก็ดูน่ากลัว

และเป็นลูการิกซ์ที่ทำลายความเงียบอีกครั้ง

“เราไม่สามารถเข้าไปในถ้ำเอลคาริกซ์ได้ แต่เราควรทำอะไรสักอย่างนะ ราชาแห่งความมืด และนั่นคือการเตรียมการให้เทพธิดาแห่งแสง เออร์เนซิส”

ฮูนี่ย์ไม่ค่อยเข้าใจ

“มันคืออะไรน่ะ?”

เมื่อเขาจ้องมองไปที่ถ้ำเอลคาริกซ์ ลูการิกซ์พูดว่า

“ริชชี่คิงชาเลี่ยนคงไม่อยากให้มังกรแห่งแสงตื่นขึ้นหรอก”

“นั่นก็จริง”

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงเก็บอันเดธไว้มากมายในเทือกเขาเอลคาริกซ์แห่งนี้”

“อ่อ…”

ฮูนี่ย์ที่ได้ยินคำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด

‘การปรากฏตัวของแสงสว่างทำให้ความมืดไม่ได้รับชัยชนะ ดังนั้นริชชี่คิงจึงหยุดมันไว้’

และเหตุผลที่กองทัพอันเดธจำนวนมากมาเพื่อป้องกันมังกรแห่งแสงและเพื่อปกป้องภูเขาเอลคาริกซ์นั้นเป็นเหตุผลที่ดี

เมื่อเห็นฮูนี่ย์ที่พยักหน้า ลูการิกซ์ก็พูดอีกครั้ง

“ถ้าอย่างนั้น ราชาแห่งความมืดเราควรจะทำยังไงดี?”

“เราควรจะทำยังไงหรอ…?”

หัวของฮูนี่ย์กำลังหมุน

แต่ก่อนที่ฮูนี่ย์จะคิดคำตอบได้ ลูการิกซ์ก็ตอบว่า

“ป้องกันทางออก”

ลูการิกซ์พูดต่อหลังจากหยุดชั่วครู่สองสามวินาที

“ตอนนี้ริชชี่คิงคงจะสังเกตเห็นว่าเราเข้ามาแล้วและกองทัพแห่งความมืดที่ทรงพลังกำลังจะมาหยุดยั้ง”

ช่วงเวลานั้น หน้าต่างเควสต์ปรากฏขึ้นต่อหน้าของฮูนี่ย์

กริ๊ง-!

 

– – – –

 

– ทำลายกองทัพแห่งความมืด (ลับ) (เควสต์ฉุกเฉิน) –

 

กองทัพของริชชี่คิงนั้นทรงพลัง

เพื่อที่จะจัดการกับเขา ต้องมีพลังของมังกรทั้งสอง

มังกรแห่งความมืด ‘ลูการิกซ์’ และมังกรแห่งแสง ‘เอลคาริกซ์’

ท่านมีลูการิกซ์อยู่แล้วตอนนี้ ท่านต้องปลุกเอลคาริกซ์และรับพลังของเธอ

นั่นคือเหตุผลที่ท่านมาที่ภูเขาเอลคาริกซ์พร้อมกับวีรบุรุษคนอื่นๆของเผ่าพันธุ์มนุษย์

แต่ยังมีปัญหา…

กองทัพของริชชี่คิงซึ่งกำลังสอดแนมบนภูเขาเอลคาริกซ์ได้สังเกตเห็นการปรากฏตัวของท่าน

กองทัพของริชชี่คิงตั้งเป้าไปที่เอลคาริกซ์

เมื่อวีรบุรุษที่เข้าไปในถ้ำออกมาพร้อมกับหินจิตวิญญาณของมังกรแห่งเทพ พวกเขาจะพยายามยึดหินและทำลายมัน

กองทหารอันเดธจำนวนมากเริ่มล้อมรอบภูเขาเอลคาริกซ์

ก่อนที่สหายของท่านจะออกมาพร้อมกับหินจิตวิญญาณจากที่ซ่อน ท่านต้องทำลายกองทัพอันเดธและหลบหนีอย่างปลอดภัย

กองทัพแห่งความมืดนั้นทรงพลัง แต่ท่านได้รับความช่วยเหลือจากลูการิกซ์

เขาจะช่วยท่านปราบพวกมัน

 

ความยากของเควสต์: SSS

เงื่อนไขของเควสต์:

ผู้เล่นที่มีเลเวล 350 ขึ้นไป

ผู้เล่นที่เคลียร์รังมังกรแห่งความมืดลูการิกซ์

มีเควสต์ต่อเนื่องของ ‘มังกรแห่งแสง เอลคาริกซ์’

เวลาจำกัด: ไม่มี

รางวัล:

แตกต่างกันไปตามจำนวนของกองทัพแห่งความมืดที่ต้องเผชิญ (ได้รับชื่อเสียงและค่าประสบการณ์)

ในระหว่างการทำเควสต์ ค่าประสบการณ์และค่าการมีส่วนรวมเนื้อเรื่องทั้งหมดจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า

การเสียชีวิตระหว่างการต่อสู้จะทำให้เควสต์ล้มเหลว

เควสต์จะดำเนินต่อไปจนกว่าปาร์ตี้ที่อยู่ในดันเจี้ยนจะได้รับกลับออกมา

*ไม่สามารถปฎิเสธเควสต์นี้ได้

 

– – – – –

 

ฮูนี่ย์ที่ได้อ่านหน้าต่างเควสต์ก็รู้สึกดีใจ

‘นะ นี่มันช่างน่า…!’

เควสต์ง่ายๆในการต่อสู้กับกองทัพแห่งความมืดของริชชี่คิง

นอกเหนือจากลูการิกซ์แล้วหากพวกเขาไม่ตายก็จะถือว่าเป็นเควสต์ที่ประสบความสำเร็จซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมมันจึงรู้สึกเหมือนเป็นโบนัส

‘ฉันสามารถดื่มด่ำกับค่าประสบการณ์นี้ได้!’

ฮูนี่ย์ที่มีปัญหากับความแปลกแยกจากเควสต์ตอนนี้อารมณ์ดีและมองไปรอบๆหน้าผา

พวกอันเดธกำลังเคลื่อนที่ไปในทิศทางของพวกเขาจากด้านล่าง

“ดี! ฉันจะกำจัดพวกมันซะ!”

ฮูนี่ย์เริ่มอัญเชิญอันเดธ!

‘คิคิ ฉันใช้เวลาเกือบสามถึงสี่ชั่วโมงในการเคลียร์ที่ซ่อนของลูการิกซ์… ดังนั้นอาจใช้เวลาประมาณครึ่งวันก็ได้มั้ง?’

ในขณะที่ฮูนี่ย์และลูการิกซ์หายไปในปาร์ตี้ พวกเขาจึงคิดว่าปาร์ตี้จะต้องใช้เวลาสองเท่าในการเคลียร์

ฮูนี่ย์รู้สึกตื่นเต้นกับค่าประสบการณ์ที่เขาจะได้รับในอีกเจ็ดชั่วโมงข้างหน้าขณะที่ลูการิกซ์ถามเขา

“ราชาแห่งความมืด พร้อมทำลายเจ้าพวกนั้นไปพร้อมกับข้าไหม?!”

ฮูนี่ย์ยิ้มและตอบว่า

“จัดไป!”

 

* * *

 

ในขณะที่ฮูนี่ย์กำลังฝันถึงค่าประสบการณ์ เอียนและเลฟย่าก็ทำได้ดีในการสังหารโฮลี่เดรค

โฮลี่เดรคนั้นง่ายต่อการเอาชนะมากเมื่อเทียบกับเคออสติกเดรคในที่ซ่อนของลูการิกซ์

 

[ใน ‘รังเอลคาริกซ์’ ชั้นที่ 1 ท่านได้เอาชนะบอสที่มีชื่อว่า ‘โฮลี่เดรค’!]

[ได้รับชื่อเสียง 150,000 หน่วย]

[อีกไม่นานท่านจะถูกย้ายไปที่ชั้น 2 ของรังเอลคาริกซ์]

 

โฮลี่เดรคได้กลายเป็นแสงสีขาว

เมื่อเห็นเช่นนั้น เลฟย่าก็พึมพำเบาๆ

“นี่มันน่าสงสัยเกินไปหรือเปล่า?”

เอียนพยักหน้าเห็นด้วยและแสดงความกังวล

“ใช่ มันไม่รู้สึกว่าเราจะได้หินจิตวิญญาณของเอลคาริกซ์เลย…”

ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังคุยกันอยู่ ดันเจี้ยนก็เริ่มสั่นคลอน

การเคลื่อนไหวที่น่ากลัวกว่าในดันเจี้ยนตอนที่พวกเขาปลุกลูการิกซ์ในที่ซ่อนของเขา

Kukung- Kukukung-!!

ทั้งเอียนและเลฟย่าต่างตกใจกับเสียงเหล่านั้นและพื้นก็เริ่มแตกใต้เท้าของทั้งสองคน

“เอียนระวังที่พื้นด้วย!”

เลฟย่าเปิดใช้ปีกของเธอและเคลื่อนตัวออกจากพื้นดิน

เอียนอัญเชิญพินและขึ้นไปบนหลังของมัน

Urrrng- Kukukung-!

ถ้ำยังคงสั่นสะเทือนโดยไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดในเร็วๆนี้

ในขณะที่การสั่นสะเทือนยังคงดำเนินต่อไป พื้นก็ยุบและร่วงลงไปในที่สุด

‘พื้นของทั้งชั้นจะหายไปแบบนี้เลยงั้นหรอ…?’

เอียนรู้สึกกระวนกระวายในขณะที่เขาอัญเชิญพิน, คาร์เซอุส บุ๊กค์โดยไม่รวมตัวอื่นๆ

ทุกคนในปาร์ตี้ของเอียนปลอดภัยอย่างสมบูรณ์

ภายในระยะเวลาหนึ่งตามที่เอียนคาดการณ์ไว้ พื้นก็หายไปและมีหน้าผาโผล่ออกมาจากด้านล่าง

แสงเริ่มสว่างขึ้นจากจุดหนึ่ง

เอียนและเลฟย่าเฝ้าดูด้วยลมหายใจถี่ๆ

Woong-!

เสียงที่ก้องกังวานเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ

การสั่นสะเทือนในถ้ำสงบลงและเสียงที่มาจากแหล่งกำเนิดแสงเป็นเพียงสิ่งเดียวที่สามารถได้ยิน บรรยากาศทั้งหมดรู้สึกแปลกๆ

เมื่อเวลาผ่านไป แสงก็เปลี่ยนเป็นรูปร่างที่สามารถมองเห็นได้

สายตาของเอียนจับจ้องไปที่มัน

‘มันคืออะไร? ผู้หญิงคนนั้นคือมังกรแห่งแสง เอลคาริกซ์ งั้นหรอ…?’

ด้วยปีกสีขาวและชุดเกราะสีขาวทั่วร่างกายของเธอ

เธอถือโล่ทองและดาบไว้ในมือ เธอชวนให้นึกถึงกองทัพแห่งสวรรค์ที่พวกเขาเคยเห็นในสงครามมิติ

มันไม่เหมือนกันมาก แต่บรรยากาศก็คล้ายกัน

จากนั้น…

เลฟย่าที่เห็นทั้งหมดนี้ก็พูดอย่างติดอ่างออกมา

“วัล… คีรี่…?”

เอียนถามเธออย่างตกใจว่า

“วาลคีรี่? อะไรน่ะ?”

“สิ่งมีชีวิตที่รับใช้เทพีแห่งแสง เออร์เนซิส ฉันคิดว่าพวกมันไม่สามารถปรากฏตัวในโลกมนุษย์ได้นิ…?”

วาลคีรี่ ครึ่งเทพที่ครอบครองพลังแห่งเทพบางส่วน

และเมื่อเควสต์ของอาชีพนักบวชดำเนินไป มันเป็นคำที่พวกเขาคุ้นเคย

ถ้าใครจะไปปะทะกับวาลคีรี่ก็ถือว่าพวกเขายอมแพ้เควสต์นี้จะดีกว่า

เอียนกำลังจะถามเกี่ยวกับวาลคีรี่อีกครั้ง

แต่ทันใดนั้น เธอก็ลอยไปด้านหน้าของทั้งสองและอ้าปากของเธอพร้อมกับสยายปีกกว้าง

“ท่านคือนักบวชที่เทพีแห่งแสงกล่าวถึงใช่หรือไม่?”

เธอถามเลฟย่าด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลซึ่งเธอก็พยักหน้าว่า

“ใช่ค่ะ ท่านคือนักรบแห่งแสง… วาลคีรี่หรือเปล่า?”

ผู้หญิงคนนั้นตอบพร้อมกับพยักหน้าว่า

“ฉันชื่อไมลอส ฉันเป็นแค่การปรากฏตัวที่ไม่สำคัญซึ่งเทียบไม่ได้กับนักรบแห่งแสงหรือวาลคีรี่ ฉันได้รับคำสั่งให้ดูแลเอลคาริกซ์ให้ปลอดภัยจนกว่าท่านจะมา… วันที่ท่านเออร์เนซิสตื่นขึ้น”

เธอวางดาบลงและยื่นมือขวาออกไป

แสงสีขาวทรงกลมก่อตัวขึ้นที่ฝ่ามือของเธอ

เอียนที่ยืนยันมันพูดด้วยเสียงเบาๆโดยไม่รู้ว่าเขาพูด

“หินจิตวิญญาณของมังกรแห่งเทพ…?”

สีและออร่าแตกต่างกัน แต่มีลักษณะเดียวกับคาร์เซอุสในอดีต

นั่นคือเหตุผลที่เขาสามารถระบุได้อย่างรวดเร็ว

ผู้หญิงที่เรียกว่าไมลอสพยักหน้าและพูดกับเอียน

“ถูกต้อง นี่คือหินจิตวิญญาณของเอลคาริกซ์”

“ครับ”

“ถ้าฉันเดาถูกต้อง… ท่านมีภารกิจที่จะต้องปลุกเอลคาริกซ์ขึ้นมาเพื่อปราบกองทัพแห่งความมืดใช่หรือไม่?”

ทั้งเอียนและเลฟย่าพยักหน้าพร้อมกัน เมื่อเห็นเช่นนั้นไมลอสก็ยิ้มและพูดอีกครั้ง

แต่เป็นคำพูดที่ไม่คาดคิดออกมาจากปากของเธอ

“หุบเขาพริลาเนีย พาฉันไปที่นั่น”

“…?!”

เลฟย่าที่ไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับพริลาเนียรู้สึกงุนงงกับคำขอของเธอ

“หุบเขาพริลาเนียหรืออีกนัยหนึ่ง… หุบเขามังกร?”

ไมลอสพยักหน้าและตอบว่า

“ถูกต้องแล้ว หมู่บ้านมังกรในอดีต ได้โปรดพาฉันไปที่นั่นแล้วท่านจะสามารถปลุกมังกรแห่งแสงที่หลับใหลได้”

หน้าต่างเควสต์ใหม่เปิดขึ้นต่อหน้าของเอียนและเลฟย่าเมื่อผู้หญิงคนนั้นพูดคำพูดของเธอเสร็จแล้ว