ตลอดทาง จอมวายร้ายไป๋เฉ่าเดินพูดกับซูจิ่นซีไม่หยุด เมื่อเดินมาถึงห้องเก็บชาก็พบพ่อบ้านเข้าพอดี
“ไปหยิบชาชั้นเลิศที่สุดของจวนมา”
“ขอรับ! ”
พ่อบ้านรู้ว่าซูจิ่นซีรั้งตัวจอมวายร้ายไป๋เฉ่าไว้ ดังนั้นจึงมารอสอบถามว่าพวกเขาต้องการอันใดเพิ่มเติมหรือไม่ หลังจากรับคำซูจิ่นซี พ่อบ้านก็เดินไปชงชาตามที่ซูจิ่นซีกำชับ
แท้จริงแล้วจอมวายร้ายไป๋เฉ่าพูดไปโดยไม่คิด นึกไม่ถึงว่าซูจิ่นซีจะสั่งให้คนไปชงชาชั้นเลิศมาจริงๆ ใบหน้าของจอมวายร้ายไป๋เฉ่าแสดงออกอย่างมีความสุข ภายในใจที่มืดครึ้มราวกับท้องฟ้าอึมครึม พลันสว่างสดใดดั่งฝนตกฟ้าเปิด
“แม่นางพิษน้อย เจ้าช่างดีกับพี่จุนจริงๆ ”
ซูจิ่นซีไม่คิดตอบโต้จอมวายร้ายไป๋เฉ่า ทำเพียงเดินเข้าไปในเรือนและนั่งลงบนเก้าอี้
แม้จอมวายร้ายไป๋เฉ่าจะพูดว่าตนเองพิถีพิถันในเรื่องชา ทั้งยังมีข้อเรียกร้องในการดื่มชามากมาย ทว่าใบชาและอุปกรณ์ชงชาทั้งหลายในห้องเก็บชานั้น นับได้ว่าเป็นหนึ่งไม่เป็นสองรองใครในแคว้นจงหนิง หรือแม้แต่ทั่วทั้งอาณาจักรเทียนเหอ อย่างไรก็ตาม จอมวายร้ายไป๋เฉ่ากลับไม่สนใจจะมองหรือหยิบจับแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อพ่อบ้านสั่งให้บ่าวรับใช้ยกน้ำชามาให้ จอมวายร้ายไป๋เฉ่าก็ไม่มีท่าทีสนใจว่าเป็นชาชนิดใด ทำเพียงยกชาขึ้นดื่มตามปกติเหมือนดื่มน้ำเปล่า
ความสนใจของเขาและแววตาของเขาล้วนจดจ่ออยู่ที่ซูจิ่นซี
เวลาผ่านไปโดยไม่รู้ตัว จอมวายร้ายไป๋เฉ่าดื่มน้ำชาหมดไปหนึ่งกา ซูจิ่นซีจึงยื่นมือออกไปทางจอมวายร้ายไป๋เฉ่าอีกครั้ง
จอมวายร้ายไป๋เฉ่าแย้มยิ้ม “แม่นางพิษน้อย พี่จุนหิวแล้ว”
“อย่าได้คืบจะเอาศอก”
จอมวายร้ายไป๋เฉ่าขมวดคิ้ว ก่อนจะยื่นถุงผ้าให้ซูจิ่นซี
ขณะที่จอมวายร้ายไป๋เฉ่าปรากฏตัว ระบบถอนพิษก็ได้วิเคราะห์จำนวนและส่วนประกอบของสมุนไพรทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว มีทั้งจิ่งเทียน ไห่หลง และบัวหิมะโลหิต ซูจิ่นซีจึงไม่จำเป็นต้องตรวจสอบอีก ทำเพียงหยิบยาสมุนไพรและเดินออกไปทันที
“ส่งแขก! ”
ใบหน้าของจอมวายร้ายไป๋เฉ่าตะลึงงัน แทบจะสำลักน้ำ
“แม่นางพิษน้อย เจ้าช่างร้ายกาจเสียจริง ได้ของแล้วก็ถีบเรือส่งเลยหรือ! ”
น่าเสียดาย ซูจิ่นซีไม่สนใจจอมวายร้ายไป๋เฉ่าแม้แต่น้อย นางเดินกลับไปที่เรือนชิงโยวทันที
จอมวายร้ายไป๋เฉ่าคิดจะตามไป แต่เมื่อเดินออกจากประตู องครักษ์เงาจำนวนหนึ่งที่หลบอยู่ในเงามืดก็ปรากฏตัวด้านหน้าเขา
องครักษ์นายหนึ่งพูดว่า “เทพโอสถ เชิญ! อย่าบังคับให้พวกเราต้องลงมือกับท่าน! ”
ใบหน้าหล่อเหลาคมคายภายใต้หน้ากากเย็นชาของจอมวายร้ายไป๋เฉ่าปรากฏความผิดหวัง เขากระทืบเท้าพลางกระชากเสียงใส่ซูจิ่นซี “แม่นางพิษน้อย! หากรู้แต่แรก ต่อให้ตีข้าให้ตาย ข้าก็ไม่ยอมมอบสมุนไพรให้เจ้าแน่!”
อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถเอาชนะได้!
แม้จอมวายร้ายไป๋เฉ่าจะเคยคุยโวว่าจะจัดการองครักษ์เงาของจวนโยวอ๋องให้กลัวจนฉี่ราด ทว่าเขายังประเมินความสามารถของตนกับความสามารถขององครักษ์เงาแห่งจวนโยวอ๋องได้
เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของ ‘เด็ก’ พวกนี้
ภายใต้สถานการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ จอมวายร้ายไป๋เฉ่าทำได้เพียงจากไปด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย
“แม่นางพิษน้อย พี่จุนจะต้องมาหาเจ้าอีกแน่นอน! ”
เมื่อซูจิ่นซีเดินจากมาก็บังเอิญพบกับหมอเทวดาหวาและซูอวี้เข้าพอดี จึงมอบยาสมุนไพรให้หมอเทวดาหวา
หมอเทวดาหวาตรวจดูอย่างละเอียด “พระชายา ยาสมุนไพรเหล่านี้คือจิ่งเทียน ไห่หลง และบัวหิมะโลหิตจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็รบกวนหมอเทวดาหวาเก็บรักษาไว้ให้ดี เมื่อถึงเวลาที่ต้องใช้ ขอให้หมอเทวดาหวาเตรียมการล่วงหน้าให้พร้อม”
หมอเทวดาหวามีท่าทีตกใจ “พระชายา ไม่ได้เด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ คุณชายจิ่วหรงยังมาไม่ถึง ทั้งยังหานักหลอมโอสถไม่ได้ กระถางหลอมยาวิเศษก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด กระหม่อมมิกล้ารับภาระหนักหนาเช่นนี้ ยาสมุนไพรเหล่านี้เกี่ยวพันถึงความเป็นความตายของท่านอ๋อง พระชายาเป็นผู้เก็บรักษาไว้จะเหมาะสมที่สุดพ่ะย่ะค่ะ”
หมอเทวดาหวาพูดออกมามีเหตุผล ซูจิ่นซีจึงเก็บรักษาสมุนไพรไว้เอง
ในระหว่างนั้น หมอเทวดาหวาเห็นแววตาซูจิ่นซีมองมาที่ซูอวี้หลายต่อหลายครั้ง ก็รู้ได้ทันทีว่าซูจิ่นซีคงมีเรื่องต้องการพูดกับซูอวี้ เขาจึงขอตัวออกไปก่อน
“พี่จิ่นซี ท่านอ๋องมีฐานะสูงศักดิ์ สวรรค์ย่อมคุ้มครอง เขาต้องผ่านเคราะห์นี้ไปได้อย่างปลอดภัยแน่นอน พี่ไม่ต้องกังวลใจให้มากนะขอรับ”
ซูจิ่นซีแย้มยิ้มอบอุ่น และยังแสดงความคุ้นเคยด้วยการบีบแก้มของซูอวี้
“ไม่เจอกันเสียนาน เจ้าเติบโตขึ้นมากจริงๆ รู้จักพูดปลอบใจคนอื่นด้วย”
แท้จริงแล้วซูอวี้ยังคงเป็นเด็กที่รู้ความเสมอ ทั้งยังสงบนิ่งกว่าเด็กในวัยเดียวกัน
“พี่จิ่นซี ข้าไม่ใช่เด็กเล็กแล้ว พี่อย่าเอาแต่บีบหน้าข้า”
ซูจิ่นซีแย้มยิ้มพลางบีบแก้มของซูอวี้อย่างอดไม่ได้ ทั้งยังใช้มือขยี้ผมของซูอวี้จนกลายเป็นรังนกถึงจะหยุดมือ จากนั้นก็มองเขาด้วยท่าทีสุขใจ
“ไม่ว่าจะโตเพียงไร ในใจของพี่ เจ้าก็ยังเป็นเด็กเล็กเสมอ”
ซูอวี้แสดงสีหน้ายอมจำนน
ซูจิ่นซีแย้มยิ้มอย่างสุขใจ “เอาเถิด พูดเข้าเรื่องกันดีกว่า! หลายวันที่พี่ไม่อยู่แคว้นจงหนิง จวนสกุลซูและหอโอสถเป็นอย่างไรบ้าง? ”
“เรื่องราวในจวนสกุลซูปกติดีขอรับ ท่านแม่จัดวางกฎระเบียบใหม่มากมายในจวน ทุกอย่างราบรื่นดี ส่วนหอโอสถ แม้คุณชายจิ่วจะไม่อยู่แล้ว ทว่ายังมีศิษย์ของสำนักแพทย์เทียนอีคอยช่วยเหลือ จึงไม่มีเรื่องวุ่นวายอันใด นอกจากนี้ พวกเรายังเริ่มฝึกฝนแพทย์ประจำหอโอสถของเราแล้วขอรับ แม้เรื่องเหล่านี้จะไม่สำเร็จภายในวันสองวัน ทว่าอวี้เอ๋อร์มั่นใจว่าสามารถจัดการหอโอสถได้เป็นอย่างดีขอรับ”
ซูอวี้พูดด้วยแววตาสุกสกาว
ซูจิ่นซีบีบแก้มของซูอวี้อีกครั้ง “ดีมาก พี่จิ่นซีเชื่อเจ้า! ยังมีอีกเรื่อง อาการบาดเจ็บของหลานเยวี่ยหลีกับหลานเยวี่ยซินเป็นอย่างไรบ้าง? ”
เมื่อพูดถึงหลานเยวี่ยหลี ทันใดนั้นซูอวี้ก็ไม่กล้าสบตาซูจิ่นซี แววตาของเขาเป็นประกาย ทั้งแก้มยังแดงระเรื่อเล็กน้อย
“หลังจากองครักษ์เงามอบสมุนไพรที่พี่จิ่นซีหามาได้ พวกเราก็ทำตามวิธีของพี่ ถอนพิษให้คุณหนูเยวี่ยหลี ตอนนี้พิษถูกกำจัดออกหมดแล้ว นางกำลังพักฟื้นร่างกายขอรับ ส่วนอาการบาดเจ็บของคุณหนูเยวี่ยซิน แม้นางจะได้รับบาดเจ็บสาหัส ทว่าโชคดีที่ไม่โดนจุดสำคัญ นางกำลังฟื้นฟูร่างกายเช่นกันขอรับ”
แม้ซูจิ่นซีจะไม่รู้ว่าซูอวี้คิดเช่นไรกับหลานเยวี่ยหลี ทว่านางเข้าใจความรู้สึกของหลานเยวี่ยหลีที่มีต่อซูอวี้ดี หลังจากซูอวี้ช่วยถอนพิษให้หลานเยวี่ยหลีในครั้งนี้ ความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคงใกล้ชิดกันมากขึ้นแน่นอน นางไม่ต้องพูดอันใดมากนัก
“พี่จิ่นซี หลายวันมานี้พี่ทุกข์ใจกับอาการบาดเจ็บของท่านอ๋อง คงเสียสุขภาพจิตไปมาก แท้จริงแล้วพี่ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ก็ได้”
จวนสกุลซูกับหอโอสถสกุลซูมีความหมายต่อซูจิ่นซีมาก นางอดเป็นห่วงไม่ได้
ตั้งแต่ที่ซูจิ่นซีพบเจอกับความวุ่นวายในต่างมิติ แม้ฐานะและตำแหน่งของนางจะสูงส่ง ทว่ายังมีอีกหลายเรื่องที่นางไม่สามารถควบคุมได้ สกุลซูมีนางเป็นเกราะป้องกันที่ดีที่สุด ทั้งมันยังเป็นฐานที่มั่นสำคัญต่อแผนในอนาคตของนาง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่นางจะกังวลใจเกี่ยวกับจวนสกุลซู
ส่วนหลานเยวี่ยหลี…
หลานเยวี่ยหลีชื่นชอบซูอวี้ เรื่องนี้ซูจิ่นซีมองออกนานแล้ว
กล่าวอีกนัยหนึ่ง เวลานี้ซูอวี้เป็นผู้นำสกุลซู แม้อายุยังน้อย ทว่าท้ายที่สุด หลานเยวี่ยหลีจะเป็นบุคคลสำคัญที่คอยปกป้องซูอวี้อยู่เบื้องหลัง ยิ่งไปกว่านั้นในสกุลซู นอกจากฮูหยินปี้แล้วก็มีเพียงหลานเยวี่ยหลีที่ซูจิ่นซีเห็นแล้วถูกชะตา
ซูอวี้สามารถชอบพอกับหลานเยวี่ยหลีได้ นับเป็นเรื่องดีของพวกเขา
“คุณหนู… คุณหนู… ”
ขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากัน จู่ๆ ลวี่หลีก็วิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ระยะทางจากเรือนชิงโยวมาถึงตรงนี้ไม่ไกลมากนัก ทว่าลวี่หลีกลับวิ่งจนเหนื่อยหอบ
ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ การที่ลวี่หลีแสดงท่าทางลนลาน ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน
ซูจิ่นซีกับซูอวี้ขมวดคิ้วมุ่น
“มีเรื่องอันใด? ”
“คุณ… คุณหนู ท่าน… รีบไปดูเร็ว ท่านอ๋อง… ท่านอ๋อง…”
“ลวี่หลี เจ้าหายใจลึกๆ พูดให้ชัดเจน เกิดอันใดขึ้นกับท่านอ๋อง? ” ซูอวี้พูด
ทว่าไม่ทันให้ลวี่หลีพูดจบประโยค ซูจิ่นซีก็เดินไปที่เรือนชิงโยวอย่างรวดเร็ว
เกิดอันใดกับเยี่ยโยวเหยา?