ซูจิ่นซีกดไปที่กลไกของหมูน้อยเหมือนเช่นเคย
หมูน้อยกลไกรีบแสดงภาพใบหน้างามล่มเมืองของจอมวายร้ายไป๋เฉ่าที่แยกไม่ออกว่าเป็นบุรุษหรือสตรี พร้อมทั้งเสียงพูดอันทรงเสน่ห์ของเขา “สวัสดีจ้า… แม่นางพิษน้อย พี่จุนจะไปหาเจ้าอีกครั้ง รอข้านะ! จุ๊บจุ๊บ! ”
ซูจิ่นซีฟังเสียงของจอมวายร้ายไป๋เฉ่าจบก็ขมวดคิ้วมุ่น
เมื่อก่อนตอนที่ยังไม่เคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงอันน่าตกตะลึงภายใต้หน้ากากของจอมวายร้ายไป๋เฉ่า ซูจิ่นซีมักรู้สึกว่าผู้ที่สามารถพูดคำเหล่านี้ออกมาได้นั้น ต้องเป็นคนที่ผิดปกติ
ทว่าเมื่อได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของจอมวายร้ายไป๋เฉ่าแล้ว ซูจิ่นซีก็ยิ่งรู้สึกสับสนมากขึ้น
เรื่องหน้าตาที่มีเสน่ห์เย้ายวนจนแยกไม่ออกว่าเป็นบุรุษหรือสตรี ใบหน้านั้นสง่างามปานสตรีล่มเมือง ทว่ายังดีที่ดวงตาคู่นั้นดูสดใสบริสุทธิ์… อย่างไรก็ตาม ซูจิ่นซีไม่สามารถนำดวงตาที่สดใสคู่นั้นมาเชื่อมโยงกับคำพูดที่ออกจากปากของจอมวายร้ายไป๋เฉ่าได้เลย
ไม่สอดคล้องกันแม้แต่น้อย!
ซูจิ่นซีอดครุ่นคิดอย่างจริงจังไม่ได้ เกี่ยวกับจิตใจที่แท้จริงภายใต้หน้ากากเขี้ยวสัตว์อันน่ากลัวของจอมวายร้ายไป๋เฉ่า เขาเป็นคนอย่างไรกันแน่???
“แม่นางพิษน้อย พี่จุนมาถึงแล้ว! พี่จุนมาเยี่ยมเจ้าแล้ว! แม่นางพิษน้อย เจ้าออกมาสิ… ”
ซูจิ่นซีกำลังครุ่นคิด ด้านนอกพลันมีเสียงพูดและการต่อสู้ของจอมวายร้ายไป๋เฉ่าดังขึ้น
ไม่ต้องคิดให้มากความ ซูจิ่นซีก็รู้ว่าจอมวายร้ายไป๋เฉ่าบุกเข้ามาถึงจวนโยวอ๋องแล้ว จากนั้นก็ถูกองครักษ์เงาในจวนพบเข้า ทั้งสองฝ่ายจึงต่อสู้กัน
บุรุษผู้นี้ช่างกล้าหาญยิ่งนัก นึกไม่ถึงว่ากระทั่งจวนโยวอ๋องยังกล้าบุกเข้ามา
ซูจิ่นซีขมวดคิ้วมุ่น แววตาเคร่งขรึม นางเดินออกจากเรือนชิงโยวไปยังทิศทางที่เกิดเสียง
จอมวายร้ายไป๋เฉ่ากำลังประมือกับองครักษ์เงา ทว่าเมื่อเห็นซูจิ่นซีเดินมา เขาก็ไม่สนใจองครักษ์เงาที่เคลื่อนไหวมาทางตนเอง และเหาะมายังข้างกายซูจิ่นซีด้วยใบหน้าดีใจแทน
“แหะ แหะ… แม่นางพิษน้อย ในที่สุดพี่จุนก็ได้พบเจ้าอีกครั้ง พี่จุนคิดถึงเจ้า หลายวันนี้เจ้าคิดถึงพี่จุนบ้างหรือไม่? ”
ซูจิ่นซีไม่ได้ตอบคำถามของจอมวายร้ายไป๋เฉ่า ทำเพียงเดินไปหาเขาและยื่นมือออกไป “เอามา! ”
ดวงตาสดใสของจอมวายร้ายไป๋เฉ่ากลอกกลิ้งไปมา ภายใต้หน้ากากเย็นชา จงใจอุบไว้ให้ซูจิ่นซีเป็นกังวล “แหะแหะ แม่นางพิษน้อย เอาอันใดหรือ? หัวใจของพี่จุนหรือ? หัวใจพี่จุนอยู่กับเจ้าตั้งนานแล้วนะ! ”
จอมวายร้ายไป๋เฉ่าพูดพลางทำท่าขมวดคิ้วและยกมือข้างหนึ่งวางบนตำแหน่งหัวใจของตนเอง
“เลิกสร้างความสับสนได้แล้ว เจ้ารู้ดีว่าสิ่งที่ข้าพูดคืออันใด เอาออกมา! ”
“แม่นางพิษน้อย ไม่กี่วันมานี้เจ้าเจอเรื่องเลวร้ายมาใช่หรือไม่? ดูเจ้าสิ สีหน้าไม่สู้ดี มือไม้หยาบกระด้างไปหมดแล้ว” จอมวายร้ายไป๋เฉ่าขมวดคิ้ว จับมือซูจิ่นซี
ทว่ายังไม่ทันได้สัมผัสมือ ซูจิ่นซีก็หลบไปอีกทางแล้ว
ทันใดนั้น องครักษ์เงาสองสามนายก็ลงมาอยู่เบื้องหน้าของจอมวายร้ายไป๋เฉ่าและซูจิ่นซี ทุกคนต่างถือกระบี่ยาวที่ส่องประกายอยู่ในมือ และชี้ปลายกระบี่ไปยังจอมวายร้ายไป๋เฉ่า
“เจ้าบังอาจยิ่งนัก กล้าดีอย่างไรถึงไร้มารยาทกับพระชายาของพวกเรา”
ผู้คนมากมายปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้จอมวายร้ายไป๋เฉ่าตกตะลึงเล็กน้อย ทว่าไม่นานนักท่าทางของเขาก็กลับมานิ่งเฉย ดวงตาเรียวเล็กคู่นั้นหรี่ลง รอบตัวเต็มไปด้วยไอสังหารเย็นชา
ทว่าไอสังหารนั้นปรากฏได้ไม่นานก็สลายหายไป “บัดซบ หากเสียเวลาต่อสู้กับพวกเจ้าคงทำให้ข้าพลาดโอกาสในการพูดคุยกับแม่นางพิษน้อย ข้าจะสู้กับพวกเจ้าสักตั้งและจะจัดการพวกเจ้าให้ปัสสาวะอุจจาระราด ต่อไปเวลาเจอข้าจะได้ไม่กล้าเข้าใกล้ ทั้งยังต้องถอยห่างออกไปไกลสิบลี้”
จอมวายร้ายไป๋เฉ่าพูดพลางหยิบถุงผ้าออกมาจากอกเสื้อและยกชูขึ้นสูง “ฟังให้ดี ข้ามีนัดหมายกับเยี่ยโยวเหยาเพื่อมาส่งยา หากไม่ใช่เพราะท่านอ๋องของพวกเจ้าเชิญข้ามา ทั้งแม่นางพิษน้อยยังอยู่ที่นี่ นอกจากวางเพลิงฆ่าคนแล้ว ข้าก็ไม่คิดจะมาที่นี่หรอก”
มาเพื่อส่งยา?
แม้เหล่าองครักษ์เงาจะไม่รู้ที่มาที่ไป ทว่าในบรรดาองครักษ์เงายังมีหลายคนที่มีตำแหน่งระดับสูง พวกเขารู้ว่าท่านอ๋องบาดเจ็บ ทั้งยังบาดเจ็บสาหัสอีกด้วย
คำพูดของจอมวายร้ายไป๋เฉ่าเป็นความจริงหรือไม่ พวกเขาไม่สามารถตัดสินได้ ดังนั้นทุกคนจึงหันไปมองซูจิ่นซี
ซูจิ่นซีไม่ได้มองเหล่าองครักษ์เงา นางมองไปที่จอมวายร้ายไป๋เฉ่า พลางยื่นมือออกไปอีกครั้ง “ส่งสมุนไพรมาให้ข้า! ”
จอมวายร้ายไป๋เฉ่าขมวดคิ้วมุ่น ใบหน้าแสดงออกถึงความน้อยเนื้อต่ำใจ “แม่นางพิษน้อย เมื่อได้รับข่าวของเจ้า พี่จุนก็รีบเร่งเดินทางมาโดยไม่ได้หยุดพักหายใจ กระทั่งมาถึงที่นี่ น้ำชาสักจอกก็ยังไม่ได้ดื่ม เจ้าก็ไม่ควรข้ามแม่น้ำแล้วรื้อสะพานทิ้ง [1] อย่างเร็วถึงเพียงนี้! ”
ซูจิ่นซีไม่พูดอันใด ทำเพียงขมวดคิ้วมองจอมวายร้ายไป๋เฉ่า
จอมวายร้ายไป๋เฉ่ายังพูดอีกว่า “เจ้าให้พวกเขาทั้งหมดถอยออกไปก่อน จากนั้นก็ให้พี่จุนดื่มชา รอให้ดื่มชาร้อนๆ เรียบร้อยแล้ว พี่จุนก็จะมอบของให้เจ้า”
“พระชายา… ”
ซูจิ่นซียังไม่ทันได้พูดอันใด เหล่าองครักษ์เงาก็แสดงความคิดเห็นแล้ว
คนโง่ยังมองออกว่าจอมวายร้ายไป๋เฉ่าสนใจในตัวซูจิ่นซี
ท่านอ๋องบาดเจ็บไม่ได้สติ ไม่สามารถออกมาจากตำหนักฝูอวิ๋นได้ พวกเขาต้องดูแลพระชายาแทนท่านอ๋องให้ดี คุ้มครองให้ดี เวลานี้จะให้ผู้ใดมา ‘ฉวยโอกาสหาผลประโยชน์’ ไม่ได้
“ถอยไป! ” ซูจิ่นซีพูด
เหล่าองครักษ์เงาแสดงท่าทีลังเลเล็กน้อย ทว่ายังคงไม่ขยับเขยื้อน
ซูจิ่นซีกวาดสายตาเย็นชา “ทำไม? ข้าออกคำสั่งพวกเจ้าไม่ได้แล้วหรือ? ”
ท่านอ๋องเคยรับสั่งไว้ว่าทั้งองครักษ์และองครักษ์เงาในจวน ต้องฟังคำสั่งของพระชายาดุจฟังคำสั่งท่านอ๋อง
พวกเขาไม่กล้าขัดคำสั่ง!
แม้จะรู้สึกกังวลและลังเล ทว่าพวกเขายังคงถอยออกไปอย่างรวดเร็วและแอบซ่อนตัวในความมืดเช่นเดิม
“แหะแหะ แม่นางพิษน้อย คำพูดของเจ้าได้ผลดีจริงๆ เด็กพวกนี้ควรจัดการด้วยวิธีนี้ ต่อไปหากเจ้าอยู่กับพี่จุน พี่จุนก็จะให้เจ้าออกคำสั่งกับองครักษ์เงาเช่นนี้เหมือนกัน องครักษ์ของพี่จุนร้ายกาจยิ่งกว่าพวกสวะเหล่านี้ของเยี่ยโยวเหยาหลายเท่า”
จอมวายร้ายไป๋เฉ่าพูดจบ ยังไม่รอให้ซูจิ่นซีได้โต้ตอบ เขาก็เดินไปทางเรือนชิงโยวแล้ว ทันใดนั้นซูจิ่นซีก็ยื่นมือไปขวางด้านหน้าจอมวายร้ายไป๋เฉ่า
จอมวายร้ายไป๋เฉ่าเกือบจะชนกับร่างของซูจิ่นซี
“แม่นางพิษน้อย เจ้าคงไม่ได้ตั้งใจพุ่งเข้ามาหาเพื่อให้พี่จุนกอดใช่หรือไม่? เช่นนั้น… มาให้พี่จุนกอดเจ้าสักครั้งเถิด! ”
ซูจิ่นซีก้าวถอยหลังอย่างระมัดระวัง พลางพูดด้วยท่าทีเย็นชา “ที่นั่นคือเรือนชิงโยวของเยี่ยโยวเหยา เป็นสถานที่ที่มีองครักษ์เงาคุ้มกันอย่างหนาแน่นที่สุดในจวนโยวอ๋อง หากอยากตายก็เชิญตามสบาย ข้าไม่ห้าม”
จอมวายร้ายไป๋เฉ่าชะงัก ไม่นานนักก็แย้มยิ้มด้วยใบหน้ายียวน “แหะ แหะ แม่นางพิษน้อย เจ้ากำลังเป็นห่วงพี่จุนหรือ? กลัวพี่จุนจะตายหรือ? ”
“อย่าคิดเองเออเอง เจ้าจะตายหรือไม่ก็ไม่สำคัญ เพียงอย่าทำให้เรือนชิงโยวต้องเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดอันสกปรกของเจ้า อย่างไรเสีย… ที่นั่นก็เป็นที่อยู่ของข้ากับเยี่ยโยวเหยา”
ซูจิ่นซีพูดพลางหันหลังเดินไปยังเรือนอีกหลังหนึ่ง ขณะที่ซูจิ่นซีหันหลังไป นางไม่ทันได้สังเกตว่า จอมวายร้ายไป๋เฉ่าที่ได้ยินคำพูดประโยคนั้นของนาง ดวงตาพลันส่องประกายความเจ็บปวดอันลึกซึ้ง
ทว่าไม่นานเขาก็แทนที่ความเจ็บปวดด้วยเสียงหัวเราะอย่างที่ชอบทำเป็นประจำ และเดินตามซูจิ่นซีไป
“แม่นางพิษน้อย พี่จุนพิถีพิถันในการดื่มชายิ่งนัก ต้องเป็นชาชั้นเลิศและเป็นชาที่เพิ่งผลิตใหม่ สุกเจ็ดส่วน น้ำไม่ควรร้อนเกินไป”
……
เชิงอรรถ
[1] ข้ามแม่น้ำรื้อสะพาน สุภาษิตจีน อุปมาว่าหลังทำงานเสร็จแล้วถีบหัวส่งไม่สนใจ