เล่มที่ 13 เล่มที่ 13 ตอนที่ 370 นายท่านให้รางวัลสักหน่อยเถิด

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

แววตาของซูจิ่นซีเปล่งประกายด้วยความชื่นชม ทว่าสิ่งที่นางกังวลใจที่สุดยังคงเป็นอาการบาดเจ็บของเยี่ยโยวเหยา นอกจากนั้น นางยังจับใจความสำคัญอันใดจากคำพูดของฮูหยินปี้ไม่ได้เลย

การรักษาคงไม่ง่ายอย่างที่คิด หมายความว่ายังมีทางรักษา?

“ฮูหยินปี้มีวิธีรักษาอาการบาดเจ็บของท่านอ๋องหรือ? ”

“วิธีรักษามีอยู่วิธีหนึ่ง ทว่ายังไม่เคยทดลองใช้ ทั้งไม่รู้ว่าจะใช้ได้ผลหรือไม่เพคะ”

“วิธีใด? ” ซูจิ่นซีและหมอเทวดาหวารู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที

“หมุดกร่อนรักคงถูกควบคุมโดยสัตว์เทพซื่อฉิง วิธีนี้ หม่อมฉันอ่านมาจากตำราโบราณเล่มหนึ่ง ในนั้นเขียนว่าให้ใช้ตันซา จิ่งเทียน ไห่หลง บัวหิมะโลหิต และโลหิตของสัตว์เทพซื่อฉิงหรือโลหิตของสัตว์เทพชนิดหนึ่งก็ได้ จากนั้นให้นำมาหลอมเป็นยาวิเศษ ควบคู่กับการเดินพลังภายใน ว่ากันว่ามันสามารถปลดพันธะหรือข้อห้ามทั้งหมดได้ ส่วนจะใช้ได้ผลหรือไม่นั้น ยังไม่เคยมีผู้ใดทดลองทำมาก่อนเพคะ”

สีหน้ายินดีของซูจิ่นซีและหมอเทวดาหวาค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นมืดมน

ฮูหยินปี้เป็นคนเฉลียวฉลาดมีไหวพริบ ดูจากท่าทางของทั้งสองคนแล้วก็สามารถเดาออก “หรือวิธีนี้หมอเทวดาหวาและพระชายาจะทราบอยู่ก่อนแล้ว เพียงแต่สภาพแวดล้อมในการเจริญเติบโตของตันซา จิ่งเทียน ไห่หลง และบัวหิมะโลหิตนั้นค่อนข้างยุ่งยากซ้อน นับเป็นยาสมุนไพรที่หายากมากเพคะ”

หมอเทวดาหวามองซูจิ่นซี เมื่อเห็นว่านางไม่มีเจตนาปิดบังฮูหยินปี้ จึงพูดว่า “ฮูหยินปี้ ขอตอบโดยไม่ปิดบัง ความจริงข้าและพระชายารู้วิธีนี้อยู่แล้ว ทว่ายังมีรายละเอียดขั้นตอนที่ซับซ้อน ตัวอย่างเช่น โลหิตของสัตว์เทพนั้นควรใช้สัตว์เทพชนิดใด เตาหลอมยาที่ใช้ควรเป็นเตาชนิดใด ยาวิเศษหลอมได้ถึงระดับใด ผู้ใดเป็นผู้หลอม? แม้เงื่อนไขทั้งหมดได้เตรียมการไปบ้างแล้ว ทว่านักหลอมโอสถนั้นหาได้ยากยิ่ง! ผู้ที่มีวิชาหลอมโอสถ ร้อยปีมานี้มีเพียงผู้เดียว พวกเราทำสิ่งเหล่านี้เพียงลำพังไม่ได้อย่างแน่นอน”

สิ่งที่หมอเทวดาหวากล่าวมาทั้งหมดล้วนเป็นความจริง ซูจิ่นซีขมวดคิ้วแน่น นางต้องการเปลี่ยนระบบถอนพิษของตนให้เป็นเตาหลอมยา ทว่านางทำไม่ได้!

“พระชายา ท่านไม่ต้องกังวลพระทัย ในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดยากเกินความพยายาม ท่านอ๋องมีสถานะสูงศักดิ์ สวรรค์ต้องคุ้มครองแน่นอน ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมดำเนินไปอย่างเหมาะสม หากได้โลหิตสัตว์เทพมาแล้ว ก็ไม่มีเงื่อนไขใดที่ยากเกินไป ด้านเตาหลอมก็สามารถใช้เตาหลอมยาที่มีชื่อเสียงเช่นกระถางเก้าพิภพ กระถางหงส์สัมฤทธิ์ เตาหลอมเฉียนคุน หรือเตาหลอมเซียวเหยา หม่อมฉันสามารถให้คนออกไปตามหาได้อย่างแน่นอน ส่วนนักหลอมโอสถ… หม่อมฉันจะไปเยือนสำนักแพทย์เทียนอีด้วยตนเองสักครั้ง ประการแรก เพื่อเชิญคุณชายจิ่วออกจากหุบเขามาตรวจดูอาการของท่านอ๋อง ประการที่สอง สำนักแพทย์เทียนอีเป็นสำนักแพทย์ที่ผู้คนให้ความเคารพนับถือ พวกเขามีหมอที่ทำการรักษาอยู่จำนวนมาก บางทีสำนักแพทย์เทียนอีอาจสามารถหานักหลอมโอสถได้เพคะ”

แววตาของซูจิ่นซีเปล่งประกายขึ้นมาทันที นางไม่ได้ขัดขวางฮูหยินปี้ “ดี อย่างไรเสีย ด้านการแพทย์ เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดมีความสามารถมากไปกว่าจิ่วหรงอีกแล้ว ให้จิ่วหรงมาดูอาการของท่านอ๋องได้ข้าก็วางใจ ต้องลำบากฮูหยินปี้ไปเยือนสักครั้งแล้ว”

ฮูหยินปี้พยักหน้า “หม่อมฉันจะไปเตรียมการ”

ฮูหยินปี้เดินออกจากตำหนักฝูอวิ๋น โดยมีซูจิ่นซีเดินตามออกไปด้วย

“ฮูหยินปี้ ตามข้ามา”

ซูจิ่นซีพาฮูหยินปี้ไปที่เรือนอวิ๋นไค นางนำขวดบรรจุเลือดใบเล็กออกมาจากแขนเสื้อและมอบให้ฮูหยินปี้

“เจ้าลองดูว่าสิ่งนี้ใช้ได้หรือไม่? ”

ฮูหยินปี้ถือขวดบรรจุเลือดไว้ในมือ ก่อนจะดมกลิ่นอย่างละเอียด จากนั้นก็ใช้เข็มเงินแยกเลือดออกมาหนึ่งหยดและหยดลงไปในน้ำเปล่าที่อยู่ในถ้วยชา เมื่อเลือดกระทบกับน้ำก็ละลายอย่างรวดเร็วและให้สีสันแดงสด

ฮูหยินปี้กล่าวอย่างดีใจว่า “พระชายา แม้เลือดนี้จะเย็นแล้วทว่าไม่แข็งตัว ทั้งยังมีสีสันสดใหม่ ต้องไม่ใช่เลือดทั่วไปแน่นอน หม่อมฉันบังอาจถามพระชายา สิ่งนี้คือโลหิตของสัตว์เทพใช่หรือไม่”

ใช่อย่างแน่นอน!!!

ซูจิ่นซียังไม่ได้พูดอันใด ในมิติของอาคมกำไลปี่อั้น สัตว์เทพกิเลนที่กลายร่างเป็นขนาดเล็กกำลังนอนแผ่สองสลึงอยู่ข้างสระมรกต มันกอดยาสมุนไพรสองกิ่งไว้ในอ้อมอกและฟังบทสนทนาของซูจิ่นซีกับฮูหยินปี้ด้วยน้ำตาไหลพราก

นั่นเป็นเลือดของมัน!

ทั้งยังใช้สมุนไพรชั้นเลิศสองกิ่งแลกมา ช่างง่ายดายหรือไม่?

คงไม่มีสัตว์เทพตนใดที่ตกอยู่ในสถานการณ์อย่างมันอีกแล้ว เพื่อปากท้อง ถึงกับต้องขายโลหิตตนเอง ช่างน่าเศร้ายิ่งนัก!

มันยิ่งคิดยิ่งน้อยเนื้อต่ำใจ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกช้ำใจ ทำได้เพียงแทะยาสมุนไพรพร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลรินลงสระมรกตดัง ‘ติ๋งติ๋ง’

ซูจิ่นซีราวกับรับรู้ได้ถึงความเศร้าโศกของสัตว์เทพกิเลน จึงแอบโยนยาสมุนไพรชั้นดีกิ่งหนึ่งเข้าไปเพื่อปลอบโยน

สัตว์เทพกิเลนรีบเก็บยาสมุนไพรเหมือนเก็บสิ่งของล้ำค่า ดวงตาพลันเปล่งประกายในทันที

อ๋า…

เสียน้ำตาไปหนึ่งหยดแลกกับความรักใคร่เอ็นดูจากนายท่าน หากมันเสียน้ำตาอีกสักสองสามหยด นายท่านจะรักใคร่เอ็นดูมันมากขึ้นใช่หรือไม่???

เมื่อคิดได้เช่นนั้น สัตว์เทพกิเลนก็หันไปหมอบอยู่ข้างสระมรกต พลางขยี้ตาเพื่อให้น้ำตาไหลออกมาให้มากอีกหน่อย ทั้งยังตั้งใจข่วนตนเองแรงๆ ให้เจ็บปวดจนน้ำตาไหลพราก ทว่าน่าเสียดาย แม้หยดน้ำตาจะรินไหลลงสระมรกตอย่างไม่ขาดสาย ก็ไม่มีสมุนไพรโยนลงมาอีกเลย

มันถูกซูจิ่นซีเมินเสียแล้ว

สัตว์แทบกิเลนพยายามอยู่นาน ทว่าไม่ได้รับผลตอบแทนอันใดแม้แต่น้อย จึงทำได้เพียงกอดยาสมุนไพรสามกิ่งที่เหลืออยู่และแทะแทะแทะ ไปอย่างน่าสงสาร…

คราวนี้ไม่ต้องข่วนตนเอง น้ำตาก็ไหลออกมาอย่างไม่สามารถควบคุมได้

นายท่าน ขอร้องนายท่าน ตกรางวัลให้… อีกหน่อย… เถิด!!!

เมื่อฮูหยินปี้ถาม ซูจิ่นซีจึงพยักหน้า

ฮูหยินปี้รู้สึกยินดียิ่งนัก “มีโลหิตของสัตว์เทพแล้ว การรักษาอาการบาดเจ็บของท่านอ๋องก็คืบหน้าไปอีกก้าว หม่อมฉันจะส่งคนออกไปค้นหาเตาหลอมยา ส่วนหม่อมฉันจะไปเยือนสำนักแพทย์เทียนอีด้วยตนเองสักครั้ง ไม่ว่าอย่างไรจะต้องเชิญคุณชายจิ่วมาให้ได้เพคะ”

ในบรรดาเตาหลอมเลื่องชื่อหลายชนิดที่ฮูหยินปี้พูดมาก่อนหน้านี้ ซูจิ่นซีมีกระถางหงส์สัมฤทธิ์อยู่กับตัวแล้ว ทว่านางไม่ได้บอกฮูหยินปี้

“เรื่องเตาหลอมเจ้าไม่ต้องเป็นกังวล ให้ข้าจัดการเอง ตอนนี้การเชิญจิ่วหรงมาเป็นเรื่องสำคัญที่สุด”

ฮูหยินปี้เห็นซูจิ่นซีพูดเช่นนั้น ก็รู้แล้วว่าซูจิ่นซีมีข้อสรุปในเรื่องเตาหลอมแล้ว นางจึงไม่ถามอันใดให้มากความ ทำเพียงทูลลาซูจิ่นซีและออกจากจวนโยวอ๋องไป

กลางดึก ฮูหยินปี้สั่งให้คนนำยามาให้สองเม็ด บอกว่าเป็นยาที่สามารถบรรเทาอาการบาดเจ็บภายในของเยี่ยโยวเหยาได้ชั่วคราว ซูจิ่นซีตรวจสอบส่วนประกอบอย่างละเอียด หลังจากมั่นใจแล้วจึงเอาให้เยี่ยโยวเหยาทาน ทั้งนางยังสั่งให้แม่นมฮวาจัดเตรียมที่พักให้หมอเทวดาหวากับซูอวี้พักอยู่ที่จวนโยวอ๋องชั่วคราว

เยี่ยโยวเหยายังไม่ได้สติ ซูจิ่นซีคอยดูแลเยี่ยโยวเหยาจนดึก จึงค่อยออกมาจากตำหนักฝูอวิ๋น

ขณะที่เดินออกจากประตู ซูจิ่นซีก็ได้ยินเสียงการเคลื่อนที่ของกลไก นางหยุดนิ่งอยู่ในเรือนครู่หนึ่ง ก่อนจะเห็นหมูน้อยกลไกของจอมวายร้ายไป๋เฉ่าบินข้ามชายคาเข้ามาในเรือนชิงโยว

องครักษ์เงาที่ซ่อนตัวอยู่ไม่รู้ว่าหมูน้อยบินมาหาซูจิ่นซี เมื่อเห็นสิ่งที่ไม่รู้จักปรากฏขึ้นในจวนอย่างกะทันหัน ทั้งยังบุกเข้ามาที่เรือนชิงโยว จึงเข้าขัดขวางตามปกติ

ซูจิ่นซีพูดเสียงเย็นชา “ถอยไป! ” องครักษ์เงาที่กำลังจะลงมือจึงล่าถอยกลับไป

ซูจิ่นซียื่นฝ่ามือออกมา หมูน้อยจึงค่อยๆ บินลงที่ฝ่ามือของซูจิ่นซี