เมื่อเห็นว่าหลินจือเงียบไปนาน นานิก็ปลอบโยนเธอด้วยน้ำเสียงสบายๆ “เธอไม่อยากจะกลับไปเริ่มต้นกับเขาอีกก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องกดดันตัวเองมากเกินไป ยังไงซะก็ปล่อยให้เขาไล่ตาม ปล่อยให้เขาสร้างปัญหาไปตามใจ คอยดูว่าเขาจะงัดลูกไม้อะไรออกมาอีก?”
ในมุมมองของนานิ ถ้าเทาเท่ต้องการตามหลินจือกลับมา เขาจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆอย่างแน่นอน
นานิกล่าวเสริม “ก็คิดซะว่าเธอยังคงทดสอบเขาต่อไป”
หลินจือพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “จริงๆแล้วฉันไม่อยากให้เขาเสียเวลากับฉันเลย สุขภาพของปู่เขาไม่ค่อยดี ท่านจะต้องหวังว่าจะได้เห็นเขามีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบไวๆ”
เรื่องที่คุณท่านเข้ารับโรงพยาบาลเมื่อสองสามวันก่อนยังคงลอยอยู่ในหัวของหลินจือ แม้ว่าจะตื่นตูมไปเอง แต่อายุของคุณท่านก็เยอะมากแล้ว
นานิส่งข้อความเสียงถอนหายใจเบาๆลงมาในวีแชท ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี
ท่าทางรั้นของเทาเท่ เห็นได้ชัดว่าไม่สามารถเกลี้ยกล่อมให้ปล่อยวางหลินจือได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ความรู้สึกต่างๆในหนทางข้างหน้าเขาทำได้เพียงเท่านั้น
ไข้ของเทาเท่ค่อยๆลดลงช้าๆ ในระหว่างนั้นเขาบ่นว่าอยากดื่มน้ำสองครั้ง
ครั้งสุดท้ายที่หลินจือป้อนน้ำให้เขาเสร็จ ก็เตรียมแก้วอีกใบให้วางไว้ที่ข้างเตียง แล้ววางแผนจะกลับไปพักผ่อนที่ห้อง
ใครจะคิดว่าพอเธอกำลังจะหมุนตัวลุกขึ้นก็ถูกเทาเท่จับมือไว้ หลินจือออกแรงสลัดหลายครั้ง แต่เขาไม่ยอมปล่อย
เห็นแก่ที่เขายังเป็นไข้อยู่ หลินจือคิดๆดูแล้วก็ตัดสินใจไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเขา จึงนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียง นั่งไปๆ ต่อมารู้สึกง่วงมาก จึงฟุบหลับอยู่ข้างเตียง
ขณะที่กำลังสะลึมสะลือจะหลับไปหลินจือคิดว่าง่วงก็นอนไปเถอะ ยังไงซะก็แค่ฟุบนอนข้างเตียงอยู่ดี
ใครจะคิดว่าเช้าวันต่อมาตอนที่เธอตกใจตื่นเพราะเสียงเคาะประตู กลับพบว่าเธอกำลังนอนกอดเทาเท่ เมื่อคืนหลังจากเธอผล็อยหลับไปไม่รู้ว่าถูกเขาอุ้มไปนอนที่เตียงเมื่อไร?
หลินจือก็ลุกขึ้นนั่งจากเตียงทันทีแล้วจ้องไปยังผู้กระทำความผิดบนเตียงด้วยความโกรธและหงุดหงิด
เทาเท่ตื่นนานแล้ว ดวงตาดูสดใส ราวกับไม่มีไข้แล้ว
“คุณ…” หลินจือโกรธมากและอับอายสุดๆ
เธอและเทาเท่เป็นสามีภรรยากันมาสามปี ย่อมรู้ปฏิกิริยาตอบสนองที่แท้จริงของร่างกายผู้ชายเป็นอย่างดี เมื่อกี้ตอนเธอตื่นขึ้นมาในอ้อมแขนของเทาเท่ เทาเท่เขา…
เสียงของจอร์แดนดังขึ้นจากข้างนอก “หลินลูกอยู่ในห้องของเทาเท่รึเปล่า?”
พอหลินจือถูกคำพูดของจอร์แดนเตือน ก็ไม่สนที่จะหงุดหงิดเทาเท่ต่อแล้ว เธอรีบลุกจากเตียงจัดเสื้อผ้าแล้วเดินไปเปิดประตู
จอร์แดนก้าวไปข้างหน้าทันที ถามหลินจืออย่างไม่เชื่อในสายตาว่า “ลูกค้างคืนที่นี่เหรอ?”
หลินจือโต้กลับอย่างรวดเร็ว “เมื่อคืนนี้หนูเผลอหลับไปบนโซฟาค่ะ…”
เธอจงใจเน้นว่านอนบนโซฟาเพื่อที่ไม่ให้จอร์แดนโกรธอีก
จอร์แดนโกรธมากจริงๆ เมื่อกี้เขาไปเคาะประตูที่ห้องหลินจือ ผลคือเขาเคาะประตูอยู่นานแต่หลินจือกลับไม่ตอบสนอง เขาตกใจมากจึงรีบไปที่ห้องของเทาเท่ ไม่คิดว่าเธอจะอยู่ที่นี่จริงๆ
อารมณ์ของจอร์แดน เธอได้เจอกับตัวอย่างจังเหมือนที่ชาวเน็ตบอกไว้ว่าเสียใจและโกรธเมื่อผู้หญิงดีๆต้องมาคู่กับผู้ชายที่ไม่คู่ควร
แม้ว่าหลินจือจะอธิบายว่านอนบนโซฟา เขาก็อดไม่ได้ที่จะโกรธ แต่ก่อนที่เขาจะอ้าปากพูด เทาเท่ก็ขอบคุณเขาอย่างจริงใจ “คุณจอร์แดนครับ ขอบคุณนะครับที่ช่วยผมเมื่อคืนนี้”
“ในเมื่อไข้ลดลงแล้วก็รีบเก็บของไสหัวไป!” จอร์แดนตะคอก จากนั้นพาหลินจือหันหลังกลับไป
ในใจจอร์แดนอยากพูดกับหลินจือสองสามประโยค ว่าเธอประมาทเกินไปที่นอนห้องเดียวกับเทาเท่อย่างนั้น หากถูกเขาเอาเปรียบจะทำยังไง แต่สุดท้ายก็ตัดใจว่าหลินจือไม่ลง สุดท้ายทำได้แค่เพียงถอนหายใจ
เทาเท่ลุกขึ้นจากเตียงหลังจากที่จอร์แดนพาหลินจือออกไป แม่บ้านก็นำเสื้อผ้าที่ใส่เมื่อคืนของเขามาให้ เสื้อผ้านี้ได้รับการซักรีดแล้ว
เทาเท่เอามาสวมใส่ อาบน้ำเสร็จก็ออกจากห้อง
แม้ว่าเขายังคงเจ็บคออยู่ แต่ก็ไม่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของเขาอีกต่อไป
เมื่อคืนเขาได้นอนกอดหลินจือทั้งคืน ทำให้เขารู้สึกสดชื่นขึ้นและทำให้เขามั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าเขาขาดหลินจือไม่ได้
จอร์แดน ลูน่าและหลินจือกำลังเตรียมจะทานอาหารในห้องอาหาร พอเห็นเทาเท่ ลูน่าก็ทักทายเขาอย่างอบอุ่น “คุณเทาเท่คะ มาทานอาหารเช้าเถอะค่ะ”
เทาเท่มองหญิงสาวผิวขาวอ้อนแอ้นตรงโต๊ะอาหารแล้วพูดเรียบๆว่า “ไม่ดีกว่าครับ ถ้าผมไปนั่งเกรงว่าพวกคุณจะอารมณ์เสีย ผมจะรอที่ห้องนั่งเล่นสักครู่ก็พอครับ”
เขารู้ตัวดี แต่คำพูดที่จอร์แดนต้องการโจมตีเขานั้นกลับไร้ประโยชน์
หลินจือที่ไม่เคยเงยตาขึ้นมองเทาเท่ กลับขมวดคิ้วมองเขาแล้วพูดว่า “คุณควรมาทานอาหาร จะได้ไม่เป็นโรคกระเพาะจนไข้ขึ้น”
เทาเท่ “…”
รู้สึกว่าคำพูดที่เธอพูดออกมานั้นเหมือนกำลังรังเกียจเขา รังเกียจที่เขาสุขภาพไม่ดี
รวมทั้งคำพูดที่เขาพูดไปเมื่อกี้ค่อนข้างจะรู้ตัว ความจริงแล้วเขาโจมตีเพื่อให้ตัวเองมีทางออก แต่เธอสิ แค่คำพูดไม่กี่คำก็ทำเขาสำลักจนพูดไม่ออก
เทาเท่ไม่เชื่อว่าเธอไม่เข้าใจความพยายามในการถอยของเขา เธอแค่จงใจทำให้เขาลำบากใจ
ร้ายจริงๆ
นึกถึงเธอที่เป็นผู้หญิงตัวเล็กที่อ่อนโยนและไร้เดียงสาในตอนนั้น แต่ตอนนี้กลับขัดเขาไปหมด พอคำพูดขัดหูก็ทำให้เขากลืนไม่เข้าคายไม่ออก…
จอร์แดนซึ่งเดิมขัดตาที่ได้เห็นเทาเท่ พอเห็นเทาเท่ถูกบีบจนพ่ายแพ้ ก็อารมณ์ดีขึ้นมา อดไม่ได้ที่จะมองหลินจืออย่างชื่นชม
จอร์แดนคิดมาเสมอว่าหลินจือจะอ่อนแอมากเมื่ออยู่ต่อหน้าเทาเท่ ไม่คิดเลยว่าแค่คำพูดลอยๆไม่กี่ประโยคจะทำให้เทาเท่สำลักจนพูดไม่ออกได้ ถึงอกถึงใจจริงๆ
หลังจากเทาเท่นั่งลง จอร์แดนก็ไม่ได้กลั่นแกล้งเขาอีกต่อไป ทั้งสี่คนก็รับประทานอาหารเช้ากันอย่างเงียบๆอย่างที่หาได้ยากนัก
แต่พอกินข้าวเสร็จจอร์แดนก็เรียกเทาเท่ไป ทั้งสองไปห้องหนังสือของจอร์แดน
จอร์แดนพูดตรงๆว่า “ฉันแนะนำให้นายเลิกจีบหลินไปซะเถอะ ฉันไม่มีทางเห็นด้วย และเธอก็ไม่อยากกลับไปคบกับนายอีก”
ครั้งนี้หลังจากหลินจือมาอยู่เมืองเวลฟ์กับจอร์แดน จอร์แดนเริ่มเรียกหลินจือว่า “หลิน” รู้สึกว่าการเรียกแบบนี้ดูไม่ห่างเหินเหมือนเรียกชื่อหลินจือตรงๆ
จอร์แดนก็เคยคุยกับหลินจือเรื่องเปลี่ยนนามสกุล แต่หลินจือไม่มีความเห็น จอร์แดนรู้สึกว่าหากยังไม่เปลี่ยนนามสกุลชั่วคราวก็ไม่เป็นไร เขาก็ไม่สนใจว่าเธอจะใช้นามสกุลอะไร แค่เธอเป็นลูกสาวของเขาจอร์แดน มันก็เพียงพอแล้ว
หลักๆแล้วจอร์แดนเกรงว่าหลินจือจะไม่ชินกับการเปลี่ยนนามสกุลอย่างกะทันหัน บวกกับขั้นตอนมากมายที่ต้องดำเนินการที่ยุ่งยากมาก ดังนั้นจึงระงับไว้ชั่วคราว สิ่งสำคัญที่สุดของพวกเขาในตอนนี้ คือพัฒนาสัมพันธ์แบบพ่อลูกให้ดี
จอร์แดนนึกว่าเทาเท่จะโกรธที่เขาพูดแบบนี้ ไม่คิดว่าเขาจะตอบรับเบาๆว่า “ผมรู้ว่าคุณไม่เห็นด้วย”
แต่แล้วเขาก็พูดเยาะเย้ยตัวเองว่า “แต่ผมก็ไม่สามารถที่จะปล่อยวางเธอเพราะคุณไม่เห็นด้วยได้”
จอร์แดนไม่รู้ว่าจะควรโกรธกับความอวดดีของเขาหรือเห็นอกเห็นใจกับถนนที่ไร้ทางออกของเขาดี