ตอนที่ 401 อีกชั้นหนึ่ง

ทุกคนต่างจ้องมองไปด้านหน้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตกตะลึง ช่วงไม่กีปีมานี้พวกเขาเดินทางตั้งแต่เหนือจรดใต้แถมยังไปมาแล้วหลายที่ แต่ก็ไม่เคยเจออะไรที่มีพิษมากขนาดนี้มาก่อนเลย การที่จะต้องเจอระยะประชิดขนาดนี้ไม่ต่างอะไรกับการเผาทั้งเป็น

จิ่งซ่างหยางจือที่ก่อนหน้านี้กำลังจะเข้าไปประคองร่างอีกฝ่าย ทันทีที่เห็นแบบนั้นเขาก็รีบถอยออกไปในทันที !

ซิงเหย๋ชิ้งเห็นแบบนั้นเขาก็หันไปส่ายหน้าให้กับทุกคน ” พิษที่นี่รุนแรงมาก พวกเราเดินลงไปข้างล่างกันก่อนเถอะ “

ซิงเหย๋ชิ้งไม่กล้าที่จะจัดการกับศพของคนนั้นและคนอื่นๆเองก็ไม่กล้าพูดอะไรด้วยเช่นเดียวกัน

พูดจบกลุ่มคนเหล่านั้นก็เดินต่อไปยังด้านล่างทันที !

 

ทันทีที่เดินลงจากบันไดวนมายังชั้นล่าง ซิงเหย๋ชิ้งที่เพิ่งจะยืนได้อย่างมั่นคงก็ได้ยินเสียตะโกนขึ้น

” อย่าขยับ ! “

ซิงเหย๋ชิ้งได้ยินแบบนั้นก็รีบทำสัญลักษณ์ให้กับทุกคน จิ่งซ่างหยางจือก็ค่อยๆแอบถอยออกไปด้านหลังทว่าเขาก็เกือบจะตกลงไปด้านล่าง !

แสงปรากฏขึ้นมาตรงหน้าจนทำให้ซิงเหย๋ชิ้งต้องรีบหรี่ตาลงในขณะที่มือของเขาเลื่อนลงไปที่ด้านล่างอย่างช้าๆเพื่อที่จะจับปืนเอาไว้ !

ทว่าในเวลานั้นเองยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะได้ทำอะไร ปืนที่อยู่ที่เอวของซิงเหย๋ชิ้งและอาวุธอื่นๆก็ถูกดึงออกไป

หยางโปหันไปจ้องมองคนเหล่านั้น ขณะที่เหล่าบอดี้การ์ดต่างพากันล้อมคนเหล่านั้นเอาไว้

 

แผนที่นี่เป็นแผนที่ที่หยางโปเคยเห็นมาก่อน ตอนที่แผนที่กลายเป็นสีแดงเขาไม่เคยเข้าใจเลยว่ามันหมายความว่าอะไร แต่ตอนนี้เขาเริ่มรู้และเข้าใจรูปแบบของแผนที่นี่ขึ้นมาแล้ว !

แผนที่ที่ได้รับเป็นแผนที่รูปแบบของภูเขาและแม่น้ำที่มีความชัดเจนอย่างมาก มันได้ระบุพิกัดทั้งหมดรวมไปถึงสุสานโบราณของอาณาจักรเย่หลางด้วย !

หยางโปหยิบสมุดบันทึกขึ้นมาก่อนที่จะหยุดดูอยู่ครู่หนึ่ง ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าที่นี่คือสุสานของอาณาจักร

เย่หลางจริงๆ

หยางโปเงยหน้าขึ้นก่อนที่จะพบว่าซิงเหย๋ชิ้งและคนอื่นๆถูกจับกุมตัวเอาไว้แล้ว และคนเหล่านี้ก็ดูเหมือนว่าจะมีประสบการณ์ในการแก้สถานการณ์คับขันได้เป็นอย่างดี

 

เมื่อเห็นว่าหยางโปเงยหน้าขึ้น ลัวย่าวหัวก็รีบถามทันที ” เจออะไรไหม ? “

” ที่นี่เป็นสุสานหมู่ของราชาอาณาจักรเย่หลาง ! ” หยางโปตอบ

” สุสานหมู่ ? ” อาจารย์ฉินพูดขึ้นพร้อมกับกวาดตามองด้วยความแปลกใจ

” ใช่ สุสานหมู่ จากบันทึกในสมุดเล่นนี้บอกว่าที่นี่มีโลงศพของกษัตริย์เย่หลางจำนวนสิบกว่าโลง ” หยางโปตอบก่อนที่จะหันไปหาซิงเหย๋ชิ้ง ” ศพที่นี่มีการแช่พิษเอาไว้ ถึงแม้ว่าจะผ่านมาสองพันกว่าปีแล้วแต่พิษที่ร้ายแรงเหล่านั้นก็ยังคงอยู่ ดังนั้นซุนหนีจึงเลือกที่จะขายของไปบางส่วนเท่านั้น “

ซิงเหย๋ชิ้งได้ยินแบบนั้นใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง เป็นเพราะเขาไม่เข้าใจภาษาอี้จึงทำให้ตอนที่เขาเห็นข้อความเหล่านั้นเขาไม่กล้าที่จะแปลมันออกมาและเลือกที่จะอ้างอิงตามรูปภาพที่เห็นเพื่อเดินทางมาที่นี่ และเขาเองก็ไม่ได้คิดเอาไว้ก่อนล่วงหน้าด้วยว่ามันจะมีพิษร้ายแรงขนาดนี้

 

หยางโปไม่ได้สนใจซิงเหย๋ชิ้งแต่กลับหันไปหาทุกคนและพูดว่า ” จะลงไปด้านล่างอีกไหม ? “

” ถ้าดูจากช่วงเวลาของสุสานแล้ว ด้านล่างก็คงจะถูกฝังไว้นานกว่าด้านบนสินะ ” เจ้าอ้วนหลิวถามขึ้น

” อื้อ ? ” หยางโปหันไปมองอีกฝ่ายด้วยความสงสัย

” นายเองก็รู้ว่าอาณาจักรเย่หลางถูกโค่นล้มในราชวงศ์ฮั่น และดูจากสองชั้นนี้แล้วเหมือนจะเป็นการฝังอย่างเร่งรีบโดยไม่มีข้าวของเครื่องใช้ที่ฝังอยู่ในนี้มากเท่าไหร่นัก หมายความว่าด้านล่างอาจจะมีของมากกว่านี้รึเปล่า ? ” เจ้าอ้วนหลิวยิ้มด้วยสีหน้าตื่นเต้น

หยางโปฉุกคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าไปมองอวี่เหวิน

 

อวี่เหวินขมวดคิ้วเข้าหากันก่อนที่จะหันไปมองบันไดวนด้านข้าง เขายกคทาในมือขึ้นและหันมาพูดกับทุกคน ” เสียงเมื่อกี้นี้พวกนายเองก็คงจะได้ยินเหมือนกันใช่ไหม พิษนี้น่ะไม่ใช่แค่ความอันตรายแบบธรรมดาๆเท่านั้นนะ บนโลกใบนี้น่ะยังมีสิ่งอันตรายที่พวกนายไม่รู้จักอีกเยอะ ! “

พูดจบอวี่เหวินก็หันไปมองทุกคนด้วยสายตาที่แหลมคม

ทุกคนได้ยินแบบนั้นก็ชะงักไป หยางโปคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เขาเองก็รู้สึกหวาดกลัวเช่นเดียวกัน

ทว่าดูเหมือนว่าเจ้าอ้วนหลิวจะลืมบาดแผลก่อนหน้านี้ไปแล้ว ” ไหนๆก็เดินมาถึงตรงนี้แล้ว ถ้าไม่เข้าไปด้านในเราอาจจะพลาดโอกาสไปก็ได้นะ “

” แต่ชีวิตก็สำคัญนะ ! ” ลัวย่าวหัวยังลังเล

 

หลูตงซิงเองก็ลังเลเช่นเดียวกันจนทำให้เขาปิดปากเงียบโดยไม่ได้พูดอะไร สำหรับเขาแล้วเงินทองเป็นเรื่องเล็กสำหรับเขามากและเขาก็ทำอะไรหลายๆอย่างมาตั้งมากมาย ทว่าเขาก็ไม่เคยเจออะไรที่ร้ายแรงถึงชีวิตและในครั้งนี้เขาก็ไม่มีความคิดที่จะเอาชีวิตของตัวเองเข้าไปเสี่ยง

อาจารย์ฉินส่ายหน้า ” ในเมื่อมาถึงตรงนี้แล้ว พวกเราก็เดินลงไปด้านล่างต่อกันเถอะ “

ลัวย่าวหัวมองหยางโป ในขณะที่หยางโปยังคงลังเลและเอาแต่หันไปมองอวี่เหวิน

อวี่เหวิน ” ถ้างั้นก็เดินตามหลังมา “

พูดจบอวี่เหวินก็เดินนำไปด้านหน้าในขณะที่กลุ่มของซิงเหย๋ชิ้งที่ถูกจับตัวเอาไว้ก็เดินตามมาด้วยเช่นกัน

 

ตอนที่เดินลงมาถึงชั้นล่างยังไม่ถึงชั้นสาม จู่ๆอวี่เหวินก็หยุดเดินก่อนที่จะหันไปหากลุ่มของชาวญี่ปุ่นที่อยู่ด้านหลัง ” พวกนายเดินนำไปด้านหน้า ! “

ซิงเหย๋ชิ้งต่อต้าน ” ไม่ได้นะ ! “

” ไม่ได้ก็ต้องได้ ! ” ลัวย่าวหัวพูดด้วยสีหน้าจริงจังก่อนที่จะผลักอีกฝ่ายไปด้านหน้าด้วยปืนที่จ่อไปที่ด้านหลังของเขา

หลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็เดินตามไปทีละคนด้วยความจำใจ

ชั้นที่สามดูเหมือนว่าจะเริ่มมีความซับซ้อนมากขึ้นและที่นี่ก็มีรูปปั้นอยู่เป็นจำนวนมากซึ่งมีท่าทางที่แปลกไปจากเดิม บ้างก็เป็นนักรบที่มีหอกและมีดอยู่ในมือ บ้างก็เป็นหมอผีและนักเวทย์ บางส่วนก็เป็นรูปปั้นรูปสัตว์ทั้งม้า วัวและควาย การรวมตัวกันของรูปปั้นเหล่านี้เห็นได้ชัดว่าจะต้องเป็นสุสานของพวกคนรวยอย่างแน่นอน

 

ทว่าหยางโปกลับรู้ดีว่าตระกูลสูงศักดิ์ที่มีเงินทองเมื่อสองพันปีก่อนไม่มีทางที่จะสู้ความมั่งคั่งของตระกูลร่ำรวยเมื่อสองร้อยปีก่อนได้ และของเหล่านี้ก็จะต้องเป็นของที่มีมูลค่าสูงมากอย่างแน่นอน

สุสานไม้ตั้งอยู่ตรงกลางซึ่งโลงศพตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือและหันหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ลักษณะของมันดูไม่เหมือนท่อนซุงธรรมดา เพราะรูปร่างของมันมีความละเอียดและประณีตกว่ามาก

ทันใดนั้นร่างของชายชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งก็ถูกดันไปด้านในจนทำให้อีกฝ่ายได้รับอิสระจากการจับกุม ทันทีที่เชือกที่มือของเขาถูกปลด อีกฝ่ายก็หันมายิ้มก่อนที่จะเดินเข้าไปด้านในและใช้เท้าเตะโลงศพไม้เพื่อให้เปิดออกก่อนที่จะชะโงกหน้าเข้าไปดู ทันใดนั้นเขาก็พูดอะไรบางอย่างขึ้นมา

หยางโปไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังพูดอะไร แต่อวี่เหวินกลับขมวดคิ้วแล้วพูดว่า ” เขาจบเห่แล้วล่ะ พวกเราไปกันเถอะ ! “

 

” จบเห่ ? ” หยางโปถามด้วยความสงสัย

อวี่เหวินหันมาหาหยางโปก่อนที่จะยกคทาในมือขึ้นโดยไม่ได้พูดอธิบายอะไร

หยางโปรู้สึกงุนงงขณะที่หันไปด้านข้าง ทันใดนั้นเขาก็พบว่าชายชาวญี่ปุ่นคนนั้นใช้มือของตัวเองถลกหนังศีรษะอย่างแรงขณะที่เดินตรงมาทางนี้

เลือดจากศีรษะของเขาไหลอาบลงมาอย่างไม่หยุดขณะที่อีกฝ่ายยังรู้สึกตัวและยิ้มออกมาราวกับคนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่

ซิงเหย๋ชิ้งตะโกน ” ระวัง ! ระวัง !!! “

 

ชายคนนั้นดูเหมือนจะไม่ได้ยินในสิ่งที่เขาพูดเพราะอีกฝ่ายยังคงเดินตรงเข้ามาทางนี้โดยที่ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเลือดกำลังไหลออกมาจากศีรษะของเขา

หลังจากเดินมาได้ถึงครึ่งทาง จู่ๆชายคนนั้นก็หยุดเดินและล้มตัวลงไปนอนกองอยู่ที่พื้น !

ฉากตรงหน้าทำให้ทุกคนต่างพากันตกตะลึงขึ้นมาในทันทีพร้อมกับความลังเลที่ผุดขึ้นมาในหัวของพวกเขา