ตอนที่ 402 ออกไป

พลังงานที่แปลกประหลาดบางอย่างปรากฏขึ้นจนทำให้ทุกคนต่างรู้สึกได้ !

หยางโปหันไปมองอวี่เหวินอีกครั้ง เขาจำได้ว่าชั้นบนก่อนหน้านี้เป็นอวี่เหวินที่เปิดฝาโลงแต่ทำไมเขากลับไม่เป็นอะไรเลย ?

ทุกคนนึกถึงสิ่งนี้ขึ้นมาต่างก็หันไปหาอวี่เหวินที่กำลังเดินลงไปชั้นล่าง

” ฉันไม่ไหวแล้ว ฉันจะกลับแล้ว ! ” จิ่งซ่างหยางจือที่อยู่ด้านหลังสุดพูดขึ้นขณะพยายามที่จะเดินกลับไปด้านบน

ทว่าเดินไปได้ครึ่งเดียวเท่านั้น บอดี้การ์ดก็ชักปืนออกมา ยังไม่ทันจะได้ยินเสียงปืนหยางโปก็เห็นบันไดวนมีรอยร้าวปรากฏขึ้น

 

ตูม ! เสียงดังสนั่นพร้อมกับบันไดที่แตกจนกลายเป็นผุยผงพร้อมกับร่างของจิ่งซ่างหยางจือที่ตกลงมากองอยู่ที่พื้น

” หยางจือ ! “

ซิงเหย๋ชิ้งเห็นแบบนั้นก็ร้อนใจขึ้นมา เขาจ้องมองไปที่หยางจือที่ดูไร้เรี่ยวแรงด้วยสายตาตื่นตระหนก

” หยางจือ ! ” ซิงเหย๋ชิ้งมองไปที่อีกฝ่ายพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมาอาบหน้า เขากับหยางจือถือว่าเป็นคนที่ใกล้ชิดกันมากที่สุดแถมพวกเขาก็ออกตามหาสมบัติกันเป็นเวลานานจนทำให้พวกเขาเกิดความผูกพัน

ทุกคนต่างมองไปที่บันไดวนนั้นด้วยสายตาตกตะลึง ส่วนอวี่เหวินเองก็ถอยออกมาพร้อมกับเข็มทิศทีอยู่ในมือ

ไม่มีใครรู้ว่าด้านหน้าจะเป็นยังไง แถมทางกลับก็ถูกตัดออกไปแล้ว ตอนนี้ทุกคนต่างสับสนไปหมด

 

อวี่เหวินหันกลับมามองโดยไม่ได้พูดอะไร ก่อนที่จะเดินต่อไปด้านหน้า

ทุกคนจึงทำได้เพียงแค่เดินตามหลังเขาไปแต่โดยดี

ชั้นสี่และสามไม่ได้มีความแตกต่างมากเท่าไหร่นักทว่าด้านนอกพบกับนาฬิกาอยู่หนึ่งเรือน ซึ่งทุกคนรู้ดีว่าจะต้องเป็นของซุนหนีอย่างแน่นอน

แม้ว่าสุสานไม้จะวางอยู่ตรงหน้า ทว่าก็ยังไม่มีใครกล้าเดินไปหยิบเพราะทุกคนต่างรู้สึกได้ถึงพลังงานที่แปลกประหลาด ซึ่งมันจะต้องเป็นคำสาปอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นคงจะไม่มีพลังงานที่รุนแรงขนาดนี้ออกมาแน่

อวี่เหวินเกิดอาการลังเลขึ้นมาเล็กน้อย ในที่สุดเขาก็ล้มเลิกความคิดที่จะเปิดฝาโลง

ทุกคนมุ่งหน้าไปยังชั้นล่างต่อ ซึ่งสามชั้นล่างก็ยังคงเป็นลักษณะเดียวกัน

 

ซึ่งทั้งสามชั้นนี้ทุกคนก็ได้ค้นพบแล้วว่าสมบัติที่อยู่รอบๆสุสานมีร่องรอยของการเคลื่อนย้าย แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นแบบนั้นทุกคนก็ไม่ได้คิดที่จะหาต้นตอของสาเหตุ เพราะตอนนี้สิ่งที่ทุกคนต้องรักษาเอาไว้คือชีวิตของตัวเอง

ในเวลาอันรวดเร็วทุกคนก็เดินทางลงมาถึงชั้นที่เก้า ภายในนี้เป็นสถานที่ที่ดูหรูหราที่สุดในบรรดาสุสานที่พวกเขาพบเห็น เหล่ารูปปั้นก็ถูกแกะสลักอย่างประณีต พื้นที่ก็ดูกว้างขวางเทียบเท่ากับสนามบาสที่เรียงต่อกันถึงสามสนาม !

ชั้นนี้เป็นชั้นล่างสุดของสุสานหมู่แล้ว ตอนนี้พวกเขารู้ดีว่าไม่มีเส้นทางที่จะเดินกลับไปที่เก่าได้และเส้นทางเดียวที่ทำได้คือการเดินหน้าต่อไป !

 

ระหว่างที่เดินอยู่หยางโปก็หันมองไปรอบๆ ก็พบว่าท่าทางของรูปปั้นมีความแตกต่างกันออกไป ซึ่งไม่ได้แตกต่างจากสุสานจักรพรรดิฉินเท่าไหร่นัก การปรากฏขึ้นของรูปปั้นเหล่านี้ทำให้หยางโปรู้สึกตกใจอยู่ไม่น้อย

ตอนที่เดินไปได้ครึ่งทาง เป็นเพราะเหล่าบอดี้การ์ดไม่ทันได้สังเกต จึงทำให้มีกลุ่มของชาวญี่ปุ่นสลัดการจับกุมไปได้ มีชายคนหนึ่งที่ดูสติกำลังกระเจิดกระเจิงใช้ร่างของตัวเองพุ่งชนเข้าใส่รูปปั้นจนทำให้รูปปั้นตกลงไปอยู่ที่พื้นในขณะที่มีรูปปั้นอื่นตกลงไปด้วย

ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงของอวี่เหวินดังขึ้น ” อย่าซี้ซั้วแตะของพวกนั้น ! “

หยางโปรู้สึกได้ถึงความน่ากลัวบางอย่างจนทำให้เขารีบเดินไปอยู่ด้านหน้าลัวย่าวหัวและพยายามที่จะเดินออกห่างจากรูปปั้นที่ถูกชนจนหล่นให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

ทันใดนั้นชายอีกคนก็รีบผลักบอดี้การ์ดออกไปก่อนที่จะรีบพุ่งตัวเข้าไปประคองร่างของอีกคน ทว่าที่คาดไม่ถึงคือชายคนนั่นริมฝีปากสั่นพร้อมกับร่างกายที่เริ่มแปรเปลี่ยนกลายเป็นสีม่วง ส่วนอีกคนที่เพิ่งจะเข้าไปประคองร่างเพื่อนของเขาก็เจอสภาพเดียวกัน นั่นก็คือร่างกายที่แปรเปลี่ยนกลายเป็นสีม่วงก่อนที่จะล้มตัวลงไปนอนตายอยู่ที่พื้นในเวลาต่อมา

ทั้งสองคนตายอย่างไร้ปริศนาในทันที ฉากตรงหน้าน่ากลัวมากจนทำให้ทุกคนต่างพากันตกตะลึงอีกครั้ง

อวี่เหวินเองก็เช่นกัน หลังจากผ่านไปได้ครู่หนึ่งเขาก็พูดขึ้นมาว่า ” ทุกคนคอยสังเกตใต้เท้าของตัวเอง ห้ามเหยียบของที่อยู่ในนี้เด็ดขาด “

ซิงเหย๋ชิ้งรีบผงะออกจากการจับกุมก่อนที่จะรีบวิ่งหนีออกไปเพราะกลัวว่าจะถูกจับได้อีกครั้ง

 

หยางโปและคนอื่นๆรักตัวเองมากกว่าสิ่งอื่นใด พวกเขาจึงเลือกที่จะไม่วิ่งไล่ตามอีกฝ่ายแต่เดินตามหลัง

อวี่เหวินโดยอ้อมไปมา ในเวลาอันรวดเร็วพวกเขาก็เดินทางมาถึงใจกลางของสุสาน

ตรงหน้าของพวกเขามีโลงไม้ขนาดใหญ่ที่วางตระหง่านอยู่และมีความสูงถึงสามเมตร ทันทีที่พวกเขาเดินมาหยุดที่ด้านหน้าโลงไม้ อวี่เหวินก็ชะงักไปในทันทีขณะที่จ้องมองโลงไม้ตรงหน้า ร่างของเขาแข็งทื่อก่อนที่จะคุกเข่าลงกับพื้น

หยางโปเห็นแบบนั้นก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากและเขาก็ไม่เข้าใจว่าที่อวี่เหวินกำลังทำอยู่คืออะไร วัฒนธรรมของชาวฮั่นการคุกเข่าจะคุกเข่าต่อหน้าพ่อแม่ แต่ตรงหน้านี้เป็นสุสานของราชาแห่งอาณาจักร

เย่หลาง ทำไมอวี่เหวินต้องทำแบบนี้ด้วย ?

 

หยางโปไม่กล้าที่จะถามอะไรอีกฝ่าย แต่เจ้าอ้วนหลิวกลับถามขึ้นทันทีที่อวี่เหวินลุกขึ้น ” อวี่เหวินทำไมต้องคุกเข่าด้วยล่ะ ? พวกเราต้องคุกเข่าด้วยรึเปล่า ? ทำแบบนี้จะช่วยลบคำสาปได้ใช่ไหม ? “

อวี่เหวินจ้องมองไปที่โลงศพขนาดใหญ่ตรงหน้าก่อนที่จะส่ายหน้า ” พวกนายไม่ต้องหรอก “

อวี่เหวินลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะอธิบายต่อว่า ” ที่จริงฉันเป็นลูกหลานของชนเผ่าอี้ แล้วก็เป็นผู้ที่รอดชีวิตจากอาณาจักรเย่หลางด้วย ! “

ทุกคนได้ยินแบบนั้นต่างก็พากันตกตะลึงไปในทันที !

 

หยางโปนึกย้อนกลับไปถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ อวี่เหวินที่ดูเหมือนจะเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องของอาณาจักรเย่หลางเป็นอย่างดีและลึกซึ้งแถมเขายังเข้าใจเกี่ยวกับร่องรอยของอาณาจักรเย่หลางด้วย ตั้งแต่เข้ามาด้านในนี้ร่องรอยเหล่านั้นก็ปรากฏชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ไม้คทาชิ้นนั้น หยางโปก็ยังไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่ามันใช้งานยังไง แต่อวี่เหวินกลับใช้งานมันได้เป็นอย่างดี ไม่แปลกใจเลยว่าระหว่างทางที่เดินเข้ามาในนี้ไม่มีเรื่องแปลกประหลาดเกิดขึ้น ซึ่งมันคงเป็นเพราะคทาชิ้นนั้นอย่างแน่นอน !

หยางโปหันไปมองโลงขนาดใหญ่ก่อนที่จะหันกลับมาหาอวี่เหวิน ” ถ้าเป็นแบบนี้พวกเรารีบออกไปกันเถอะ ! “

อวี่เหวินหันมาหาหยางโปด้วยสายตาพึงพอใจเป็นอย่างมาก

หลูตงซิงเองก็พยักหน้า ” พวกเราออกไปเร็วๆก็ดีเหมือนกันนะ “

 

อาจารย์ฉินมองไปรอบๆก็พบว่ารอบๆมีสมบัติจำนวนไม่น้อย โลงศพที่มีขนาดใหญ่ตรงหน้าก็คงจะมีสมบัติอยู่ในนั้นด้วยเช่นเดียวกัน ของที่อยู่ภายในนี้ดีมากกว่าสุสานที่เขาเคยไปมาซะอีก แต่เป็นเพราะต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์แบบนี้เขาเองก็ไม่อยากจะพูดย้อนแย้งหรือมีความเห็นต่างต่อหน้าอวี่เหวิน !

อวี่เหวินหันมาโค้งตัวให้ทุกคนเล็กน้อย ” ขอบคุณทุกคนมากนะ ฉันจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังอย่างแน่นอน ! “

เป็นเพราะมีอวี่เหวินอยู่ข้างหน้าจึงทำให้การเดินทางง่ายมากขึ้นและในเวลาอันรวดเร็วอวี่เหวินก็สามารถหาทางออกของชั้นล่างสุดเจอ

ก่อนที่จะออกไป หยางโปหันกลับไปมองด้านหลังแต่ก็พบว่าซิงเหย๋ชิ้งได้หายไปจากสายตาของเขาแล้ว เขาอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าเบาๆก่อนที่จะเดินออกไป

 

ทางออกเป็นช่องที่มีความสูงแค่ครึ่งเมตรเท่านั้นจึงทำให้ทุกคนต้องรีบปีนขึ้นไป หลังจากปีนไปได้ไม่นานพวกเขาก็ออกมาจากตีนเขาได้อย่างปลอดภัย

หลังจากออกมาอยู่ด้านนอกแล้ว อวี่เหวินก็หยิบพลั่วขึ้นมา ” ที่นี่ห้ามไม่ให้คนอื่นเห็นเด็ดขาด “

หยางโปพอจะเข้าใจอวี่เหวินได้ว่าอีกฝ่ายไม่อยากให้คนอื่นเข้าไปวุ่นวายด้านในและมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย !

หลังจากปิดปากทางเข้าออกแล้วอวี่เหวินก็หันมาหาทุกคน ” ขอโทษทุกคนจริงๆนะที่ทำให้ทุกคนต้องมาเสียเที่ยว “

” ไม่เป็นไร ” หลูตงซิงพูด

หยางโปยกมือขึ้น ” ไม่เป็นไรเลย “

หลังจากนั้นอวี่เหวินก็พูดต่อว่า ” ในเมื่อทุกคนให้เกียรติฉันขนาดนี้ ถ้างั้นฉันจะขอเป็นคนจัดการต่อก็แล้วกันนะ “