บทที่ 218 ย่ำยีฉันเถอะ

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

วางอยู่ที่คฤหาสน์ของเฉินหวั่นชิง

มองชาดตรงหน้าที่ล้อมรอบทั้งคฤหาสน์ราวกับภาพเขียนแบบลวกๆ เย่เทียนที่ทรมานมาเกือบหนึ่งชั่วโมงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจเต็มที่

หลังจากปรุงยาเพิ่มพลังสี่เม็ดออกมาได้ เย่เทียนก็ไม่ได้อยู่ที่คฤหาสน์หลังเล็กต่อไป แต่ว่ามองเห็นฟ้ายังไม่มืด จึงวิ่งกลับมาที่วิลล่าเจียงเฉิงแล้ว

“ค่ายกลรวมจิต เริ่มให้ฉัน”

มือทั้งคู่ของเย่เทียนปางมือไม่หยุด คัมภีร์หวงภายในร่างกายดำเนินการอย่างรวดเร็ว ชี่ทิพย์ผ่านร่างกายออกมา ราวกับเส้นที่ไร้รูปร่าง โยงใยตามชาดขึ้นมา

ส่วนตำแหน่งตรงกลางสายตาที่สุด จัดวางตราประทับไร้ชื่อแบบนั้นที่เย่เทียนได้มาจากในบ้านเจิ้งเหวยกั๋วที่เมืองเอกอย่างคาดไม่ถึง

ถึงแม้เขาจะไม่รู้แน่ชัดว่าตราประทับไร้ชื่อนี้มีที่มาจากไหน แต่ตอนแรกที่พบตราประทับนี้ครอบครองพลังดึงดูดชี่ทิพย์อย่างเป็นอิสระต่อโลก เขาก็รู้ว่าของเล่นนี้เป็นของดีที่สุดในศูนย์กลางสนามรบของค่ายกลรวมจิตเป็นแน่

ทำอย่างไรได้หลายวันนี้เขายุ่งมาตลอด ของที่ให้จี้เยียนหรันช่วยซื้อก็ไม่ส่งเข้ามา นี่ถึงชะงักลงมาแล้ว

แต่วันนี้จี้เยียนหรันไม่เพียงส่งตัวยาเข้ามาให้ แม้แต่อุปกรณ์ออกรบอย่างชาดและพู่กันขนหมาป่าอะไรทำนองนี้ล้วนส่งเข้ามาหมด เขายังรอช้าได้ที่ไหนอีก

บุกฝ่าฝึกพลังชั้นห้าที่คฤหาสน์หลังเล็กแล้ว และหลังจากปรุงยาเพิ่มพลังสี่เม็ดที่ท่านปู่ฉินต้องการออกมาแล้ว เขาก็วิ่งกลับมาอย่างร้อนใจมาก

พอเห็นชื่อก็เชื่อมโยงไปถึงความหมายได้ ผลกระทบใหญ่ของค่ายกลรวมจิตคือเพิ่มความเข้มข้นของชี่ทิพย์ในสนามรบ

ว่าตามระดับของความเข้มแล้ว ชี่ทิพย์สามารถแบ่งออกเป็นสามประเภทหลักๆ

ประเภทแรก ชี่ทิพย์บาง

ผู้คนได้เพียงสัมผัสถึงอากาศสดชื่น และไม่มีความแตกต่างอื่นใด เหมือนเขตอนุรักษ์ป่าไม้พวกนั้น ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ได้รับมลพิษมากเกินไป มักจะอยู่ในสภาพแบบนี้

ประเภทที่สอง ชี่ทิพย์ละออง

ตอนที่ความเข้มข้นของชี่ทิพย์สูงถึงระดับแน่นอน จะกลายสภาพเป็นหมอก

ตัวคนทั่วไปอยู่ในนั้น จะรู้สึกหายใจสะดวกปลอดโปร่ง ร่างกายสบาย อยู่ในสถานที่แบบนี้นานเข้า ยังสามารถได้รับอิทธิพลด้านอายุยืนยาวด้วย

ส่วนนักบู๊ก็สามารถฝึกพลังได้รวดเร็วเพิ่มขึ้น ก้าวหน้าฉับไว

ที่น่าเสียดายคือ เนื่องจากมลพิษร้ายแรงของสิ่งแวดล้อมบนโลก แดนสุขาวดีชี่ทิพย์ละอองโดยธรรมชาติแบบนี้ เดิมทียังพบร่องรอยได้ยาก

ประเภทที่สาม ชี่ทิพย์ของเหลว

นี่คือสภาพชี่ทิพย์ที่เข้มข้นที่สุด จากสภาพอากาศเปลี่ยนเป็นสภาพของเลวได้โดยตรง

ชี่ทิพย์ของเหลวมีประสิทธิภาพบำรุงร่างกายคนให้แกร่งสุด คนทั่วไปกลืนไปหยดเล็กๆ นั่นเพียงพอที่จะทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง อายุยืนยาว ผลลัพธ์เทียบได้กับยาวิเศษ!

ที่น่าเสียดายคือ บนโลกปัจจุบันนี้แม้แต่แดนสุขาวดีของชี่ทิพย์ละอองยังพบร่องรอยได้ยาก ชี่ทิพย์ของเหลวนี้ยิ่งไม่ต้องไปคิดเลย

ถึงแม้ตอนนี้เย่เทียนจะจัดการค่ายกลรวมจิตลงมา จากการคาดคะเนของเขา เกรงว่าแข็งแกร่งกว่าประเภทแรก กลับด้อยกว่าประเภทที่สองอยู่

ตอนที่วงจรทั้งหมดของชาดอยู่บนพื้นดินทำให้เย่เทียนเชื่อมติดกับชี่ทิพย์ ตราประทับตรงศูนย์กลางสนามรบส่องแสงสีแดงจางๆ ออกมา ชาดแดงเข้มบนพื้นกลับค่อยๆ เลือนหายมองไม่เห็น ราวกับว่าเดิมทีไม่มีตัวตนอยู่

เพียงแต่ ชี่ทิพย์บนโลกรวมตัวกันโดยไร้จิตสำนึก เป็นการพิสูจน์การมีอยู่ของค่ายกลรวมจิตอย่างไม่ต้องสงสัย!

“ถือว่าจัดวางสำเร็จแล้ว”

มุมปากเย่เทียนเผยความดีใจออกมา เขาพอที่จะสัมผัสได้ชัดเจนถึงชี่ทิพย์ภายในสนามรบว่านับวันยิ่งเข้มขึ้น

เพียงหนึ่งเดียวที่น่าเสียดายคือ ดูจากระดับความเร็วในการรวมตัวเข้ามาของชี่ทิพย์ การคาดคะเนของเขาไม่ผิด ถึงแม้จัดการค่ายกลรวมจิตลงมาแล้ว ชี่ทิพย์ในคฤหาสน์ก็ยังบรรลุไม่ถึงสภาพชี่ทิพย์ละอองประเภทที่สอง

……

เหนื่อยมาก

เหนื่อยมากๆ

ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาวันนี้ทำให้เฉินหวั่นชิงยากจะรับได้อยู่บ้าง

อย่างแรกคือเรื่องที่เฉินหยังบีบให้สละตำแหน่ง และเจอเรื่องลิฟต์จนตกใจกลัว ตอนนี้ก็มาศึกใหญ่เรื่องหุ้นอีก ต่อให้เธอที่คิดว่าตนเองเป็นสาวแกร่ง หลังจากเจอเรื่องราวมาขนาดนี้ติดกัน ยังยากที่จะมีความคิดต้านทานไหวได้

สำหรับตลาดหุ้นที่ไม่มีแผนการรับมือ เฉินหวั่นชิงถือโอกาสเห็นว่าผิดพลาดแล้วปล่อยตามยถากรรม เลิกงานกลับมาถึงบ้านเร็วก่อนเวลา

เพียงแค่ รอตอนเธอเปิดประตูเข้ามากลับพบว่า ประตูใหญ่ไม่ได้ล็อก ผลักเบาๆ ก็เปิดออกได้แล้ว

“วันนี้ตอนเช้าฉันรีบออกไปจนลืมล็อกประตู หรือว่าเย่เทียนเจ้าหมอนี่กลับมาก่อนแล้วกันแน่?”

เฉินหวั่นชิงรู้สึกตกตะลึง ก้าวเท้าเดินไปด้านใน

ตรวจสอบคฤหาสน์ดูคร่าวๆ ไม่มีใครสักคน นี่ทำให้เฉินหวั่นชิงรู้สึกขมขื่น แอบถอนหายใจว่าวันนี้เจอเรื่องราวมากมายเหลือเกิน ทำให้เธอลืมปิดประตูช่วงเช้าไปเลย

หญิงสาวที่ในใจกลัดกลุ้มเทเหล้าให้ตนเองแก้วหนึ่ง กำลังเตรียมนั่งลงบนโซฟา

เวลานี้ ประตูห้องน้ำกลับถูกคนผลักเปิดออกแล้ว เย่เทียนพันผ้าเช็ดตัวไว้ผืนหนึ่งเดินออกมาจากด้านในช้าๆ

หลังจากจัดวางค่ายกลรวมจิตเรียบร้อยเย่เทียนก็กระโจนเข้าในห้องน้ำโดยตรงเลย

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทรมานมาทั้งบ่ายเต็มๆ และเหงื่อออกทั้งตัวด้วย เหนียวเหนอะรับไม่ได้ไปทั่วตัว ไม่อาบน้ำแล้วจะออกไปทำธุระข้างนอกได้อย่างไร?

แต่ เย่เทียนกลับนึกไม่ถึงว่า เฉินหวั่นชิงที่แต่ไหนแต่ไรมีเพียงทำโอทีวันนี้จะเลิกงานก่อนเวลาเป็นครั้งแรก จึงอดขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้

“หวั่นชิง? นี่ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานเลยนะ! ทำไมเธอถึงกลับมาไวขนาดนี้?”

ได้ยินเสียงของเย่เทียนกะทันหัน เฉินหวั่นชิงที่เดิมคิดว่าในบ้านไม่มีใครก็สะดุ้งตกใจแล้ว หมุนตัวมาทันใด มองเห็นร่างกายสมบูรณ์แบบที่เต็มไปด้วยเส้นเค้าโครงนั้นของเย่เทียนทันที

ถึงแม้ทั้งสองคนจะเป็นสามีภรรยาในนาม แต่ก็ไม่ได้เป็นสามีภรรยากันจริงๆ

มองเห็นเรือนร่างเปลือยเปล่าของเย่เทียนเป็นครั้งแรก ในฐานะสัญชาตญาณของผู้หญิงทำให้เฉินหวั่นชิงหน้าแดงเล็กน้อย หลบสายตาหนีบอกว่า “นาย นายทำไมถึงไม่ใส่อะไรก็ออกแล้วล่ะ? ไม่รู้จักอายเสียจริง!”

“อะไรเรียกว่าไม่ใส่อะไรเลย นี่ฉันไม่ใช่พันผ้าเช็ดตัวอยู่เหรอ?”

เย่เทียนเบ้ปาก พูดอธิบาย “เดิมทีฉันคิดว่าเธอไม่ได้กลับมาเร็วขนาดนี้เลยตามสบายหน่อย ใครจะรู้วันนี้เธอเลิกงานก่อนกำหนด”

“นาย สรุปคือนายรีบใส่เสื้อผ้าให้ไวเดี๋ยวนี้!”

ไม่รู้เพราะว่าสาเหตุที่เจอเรื่องแย่ในวันนี้ทำให้เฉินหวั่นชิงโมโหจนไม่มีที่ระบาย หรือว่าเพราะสาเหตุที่เย่เทียนไม่สวมเสื้อผ้าจริงๆ เฉินหวั่นชิงค่อนข้างอารมณ์ฉุนเฉียวระดับหนึ่ง

เย่เทียนที่ไม่รู้ว่าตลาดหุ้นผันผวน เห็นหญิงสาวแก้มแดงระเรื่อนั้นเข้า จะปล่อยโอกาสแบบนี้ไปได้ที่ไหน หัวเราะชั่วร้ายเดินเข้ามา

“ที่รัก พูดยังไงพวกเราก็เป็นสามีภรรยากัน เธออย่าพอมองเห็นส่วนสัดสมบูรณ์แบบนี้ของฉันแล้วเขินอายอย่างกับเด็กสาวสิ!”

“วันนี้ฉันช่วยเธอเยอะมากขนาดนั้นแล้ว ท่าทางเขินอายนี้ของเธอ คงไม่ใช่คิดจะมอบชีวิตให้ อยากทำเรื่องอะไรแบบที่ผู้ใหญ่ทำกันกับฉันหน่อยสินะ?”

“ฉันมอบชีวิตให้นายกับผีน่ะสิ!”

เฉินหวั่นชิงมองตาค้อนแบบอารมณ์เสีย “นายรีบใส่เสื้อผ้าให้ไว!”

เย่เทียนจะเชื่อฟังอย่างไม่ดื้อที่ไหน ความคิดอยากแกล้งเฉินหวั่นชิงในใจยิ่งรุนแรงขึ้น พูดแบบหน้าด้าน “ที่รัก อย่าทำแบบนี้สิ! ก่อนหน้านี้เธอมีอคติกับฉันมาตลอด ยากที่วันนี้ฉันจะทำเรื่องใหญ่ ทำให้เธอเปลี่ยนความคิดต่อฉัน”

“ฉันว่าไม่สู้ถือโอกาสตีเหล็กตอนร้อน ให้ฉันทำให้เธอเห็นดีๆ ว่าอะไรถึงเรียกว่าลูกผู้ชายตัวจริง!”

เฉินหวั่นชิงโกรธจนสั่นไปทั้งตัว เธอยอมรับว่าที่เย่เทียนพูดก็ไม่ผิด เธอเปลี่ยนความคิดที่มีต่อเย่เทียนจริง แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะประนีประนอมถึงที่สุด

“นายรีบออกไปเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่อย่างนั้นฉันไม่เกรงใจแล้วนะ!”

“ไม่เกรงใจ?”

เย่เทียนหัวเราะเจ้าเล่ห์ แต่ทว่ายืดตัวตรง ทำท่วงท่าที่ทำให้คนยอมรับ “ที่รัก ถึงฉันจะถนัดอยู่ด้านบน แต่ฉันก็ไม่สนใจถ้าบางทีจะอยู่ด้านล่าง มาเถอะ! อย่าได้เกรงใจกับฉันเด็ดขาด ย่ำยีฉันเถอะ!