นางเพียงให้เย่ว์ลั่วประคองนางไปด้านนอกสวนดอกเหมย
ไป๋ฉินกับชุยตานรีบเดินตามซูหลีออกไป ในเวลานี้ทางด้านนี้ยังเหลือแม่นมผู้นั้น เจียงโม่อวี้ อีกทั้งยังมีฉินมู่ปิงกับจี้ฉินอยู่
จี้ฉินมองสองคนที่ล้มลงบนพื้นปราดหนึ่ง ดวงตาค่อนข้างจะซับซ้อน ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเขาถึงรู้สึกว่ายามที่ซูหลีปฏิบัติต่อเจียงโม่อวี้นั้น ดูเหมือนจะแตกต่างกับคนอื่น
ซูหลีผู้นี้ดูเหมือนเป็นคนที่ชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่ ทว่าหากพูดอย่างจริงจังแล้ว ถ้าคนอื่นไม่สร้างเรื่องวุ่นวายให้นาง โดยทั่วไปแล้วนางก็จะไม่กระทำเรื่องนอกกรอบอะไร
ทว่ายามที่นางปฏิบัติต่อเจียงโม่อวี้นั้น…
เขาชะงักค้างไปครู่หนึ่ง เกรงว่าการกระทำของเจียงโม่อวี้ก่อนหน้านี้จะกระตุ้นโทสะของซูหลี นางถึงได้กระทำเช่นนี้กระมัง
ทว่าที่จี้ฉินไม่รู้ก็คือ ไม่ว่าจะใครหากได้ยินว่าคนอื่นกำลังวางแผนทำร้ายตนเองอยู่ในเบื้องหลัง เกรงว่าคงจะไม่สบายใจเท่าไรนัก
เดิมซูหลีไม่ค่อยชอบเจียงโม่อวี้อยู่แล้ว นับประสาอะไรกับได้ยินบทสนทนานั้นของนางกัน
จี้ฉินกับฉินมู่ปิงก็อยู่ต่อไม่นาน หลังจากซูหลีออกไป พวกเขาก็เดินออกไปเช่นกัน อีกตั้งแต่ต้นจนจบพวกเขาไม่ได้เข้าไปช่วยดึงทั้งสองคนนั้นให้ลุกขึ้น ประหนึ่งมองไม่เห็นก็มิปาน ดูเย็นชาเป็นอย่างมาก
…
อีกด้านหนึ่ง ซูหลีเดินกลับขึ้นรถม้าเป็นอันดับแรก จากนั้นปิดหน้าต่างและประตูรถม้าอย่างมิดชิด นางสั่งให้ไป๋ฉินกับเย่ว์ลั่วนำชุดมาให้นางผลัดเปลี่ยน
พรึ่บ! ไป๋ฉินถลกชายกางเกงของซูหลีขึ้น ทว่ากลับถูกบาดแผลที่ค่อนข้างจะร้ายแรงของซูหลีทำให้ตกใจเป็นอย่างมาก
“คุณชาย!” ยามอยู่บนพื้นหิมะเมื่อครู่ ซูหลีดูเหมือนจะเดินขาเป๋ไปบ้าง ไป๋ฉินคิดไม่ถึงว่าซูหลีจะมีบาดแผลเป็นทางยาวขนาดนี้
ขาขวาของซูหลี บริเวณตั้งแต่หัวเข่าจนถึงต้นขามีรอยบาดแผลเป็นแนวยาวพาดผ่าน เป็นรอยโลหิตที่ลึกเป็นอย่างมาก! อีกทั้งในเวลานี้มีโลหิตสดไหลออกมาไม่หยุด
ทว่าไป๋ฉินเหลือบตาชำเลืองมองนาง บนใบหน้าของนางกลับไม่แสดงความเจ็บปวดใดๆ ออกมา ในทางกลับกันคิ้วของนางผูกกันเป็นปม ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“ให้ข้าทำเถิด” เย่ว์ลั่วเห็นบาดแผลนี้แล้วก็รู้สึกตกใจเช่นกัน เมื่อเห็นไป๋ฉินอ้ำอึ้งทำอะไรไม่ถูก นางจึงรับยารักษาบาดแผลทองคำในมือของไป๋ฉินมา และใส่ยาให้กับซูหลีอย่างพิถีพิถัน
“โอ๊ย!” เมื่อผงยากระจายลงบนขาของซูหลี นางก็หดขาอย่างอดกลั้นไว้ไม่อยู่ ทั้งร่างก็ฟื้นคืนสติกลับมา
“หกล้มรุนแรงถึงเพียงนี้เลยหรือ?” นางหลุบตาลง เมื่อมองเห็นบาดเจ็บที่เป็นแนวยาวนี้ก็อดตกใจไม่ได้
ไป๋ฉินถึงกับพูดไม่ออก…
ทั้งหมดเมื่อครู่ไม่ใช่เพราะซูหลีไม่ตกใจ แต่เป็นเพราะจิตใจของนางนั้นกำลังล่องลอย จนไม่ได้สังเกตเห็นขาของตัวเองต่างหาก!
“ใช่เจ้าค่ะ คุณชาย ต่อไปหากท่านทิ้งพวกเราไว้ข้างหลังเช่นวันนี้ นี่ถ้าเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นอีกจะทำอย่างไรกันเจ้าคะ!” ใบหน้าของไป๋ฉินเป็นกังวล จากนั้นเอ่ยกับซูหลีอย่างอดไม่ได้
ซูหลีขมวดคิ้วมองไปที่บาดแผลปราดหนึ่ง ทว่ากลับไม่พูดแย้งอะไรออกมา
“ยังดีที่ไม่ได้แช่อยู่ในพื้นหิมะนานเกินไป รอบาดแผลนี้ตกสะเก็ดก็ค่อยใช้ยาสร้างผิวหนังที่เหลือครึ่งขวดในห้องคุณชายนั้น ก็คงจะไม่เหลือแผลเป็นเอาไว้ใช่หรือไม่” เย่ว์ลั่วเห็นดังนั้น จึงรีบพูดปลอบใจ
นางจัดการกับบาดแผลของซูหลีเสร็จ นางก็ปล่อยชายกางเกงลงมา
“คุณชายซู ซื่อจื่อให้บ่าวมาหาขอรับ ซื่อจื่อให้บ่าวมาถามท่านว่า ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จหรือยังขอรับ ในบ้านพักเตรียมอาหารไว้เรียบร้อยแล้ว ให้ท่านรีบเข้าไปขอรับ” ขณะที่ภายในรถม้ายังอยู่ในความเงียบ จู่ๆ ก็มีเสียงของเด็กรับใช้คนหนึ่งดังขึ้น
ซูหลีได้ยินเสียงก็รู้ทันทีว่า นี่เป็นเสียงของจู๋ซย่าคนรับใช้ข้างกายของฉินมู่ปิง
“เจ้าไปบอกซื่อจื่อเถิด ข้ากำลังไปเดี๋ยวนี้”
“ขอรับ” จู๋ซย่าขานรับจากด้านนอก ซูหลีได้ยินเสียงฝีเท้าค่อยๆ หายไป จึงหมุนศีรษะกลับมาและมองไปที่ขาตนเองอย่างกลัดกลุ้มปราดหนึ่ง
บาดแผลนี้ คาดว่าวันนี้นางจะกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจไม่ได้เสียแล้ว