ตอนที่ 260 : นายสามารถสั่งของได้นะ

เป็นมหาเศรษฐีระดับพระเจ้าด้วยระบบลงชื่อ

ตอนที่ 260 : นายสามารถสั่งของได้นะ เจียงเฉินแอบสาบานกับเสี่ยวโจวในใจ พี่ใหญ่ช่วยได้แค่นี้เท่านั้น หลังจากนี้ฉันจะไม่ยุ่งอีกต่อไป รูปแบบแปลกๆแบบนี้แม้แต่สมองของเขาก็ยังคาดไม่ถึง! หลันหน่วนหยานกับซูเสี่ยวเพิ่งก็ดูอยู่ข้างๆเจียงเฉินด้วยความสับสน “ได้ด้วยหรอ?” “นี่มันไม่เหลวไหลเกินไปหน่อยหรอ?” หลังจากนั้นทั้งสามก็กลับไปช็อปปิ้ง ทานอาหารก่อนจะกลับบ้านเจียงเฉินกับหลันหน่วนหยานโบกมือลาซูเสี่ยวเพิ่ง ซูเสี่ยวเมิ่งพ่นลมหายใจออกมาอย่างเย็นชา ก่อนจะจากไป ไม่รู้ว่าเธอนั้นไม่พอใจกับอะไร
เจียงเฉินไปเอาจักรยานของเขากลับมาจากลูซี่ และนีอาก่อนจะเอามันไปเก็บไว้ที่ท้ายรถเบนท์ลีย์ของหลันหน่วนหยาน ในขณะที่เขาเตรียมที่จะออกรถ เพื่อกลับไปที่บ้านของหลันหน่วนหยาน! แต่ก็มีบางอย่างเกิดขึ้น… เสียวโจววิ่งเข้ามาหาเจียงเฉิน “พี่ใหญ่เจียง! พี่ใหญ่เจียง! ผมมีเรื่องจะถามพี่หน่อย” เจียงเฉินขมวดคิ้ว “มีอะไรเกิดขึ้นอีกงั้นหรอ?” เสี่ยวโจวพูดออกมาอย่างกระตือรือร้น “ใช่แล้วครับ แฟนของผมเธอเพิ่งจะบอกผมว่าเธอต้องการให้ผมไปงานปาร์ตี้ในคืนพรุ่งนี้ ซึ่งมันเป็นงานปาร์ตี้ในสังคมชั้นสูง เธอต้องการให้ผมแต่งตัวให้ดีกว่านี้” เจียงเฉิน “???” แต่งตัวดีๆแล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน “ก็เป็นแบบนี้ล่ะครับ” เสี่ยวโจวพูดออกมาอย่างเขินอาย “พี่ใหญ่เจียง ผมรู้ว่าพี่รวยมาก ชุด LV ที่พี่ใส่ครั้งก่อนผมขอยืมหน่อยได้ไหม นอกจากนี้ผมขอเข็มขัดกุชชีด้วย ผมอยากใส่มันให้มันดูน่าเกรงขามหน่อย มันจะดีกว่าถ้าพี่ให้ผมยืมรถเบนท์ลีย์…
ก่อนที่เขาจะพูดจบ เจียงเฉินก็ตบหน้าของเขา เพียะ!! เสี่ยวโจวเอามือปิดหน้าพร้อมกับน้ําตาที่คลอเบ้าด้วยความเสียใจ “พี่ใหญ่เจียง พี่จะตบผมทําไม?” เจียงเฉินเงยหน้าขึ้นมาและสอนบทเรียนให้เขา “ฉันเคยบอกนายไปกี่ครั้งแล้ว นายควรจะทําตัวติดดิน! นายจะใส่ LV ใส่กุชชี่ไปทําไม แล้วรถเบนท์ลีย์นายจะเอาไปทําไม?” เสี่ยวโจวที่ถูกเจียงเฉินสั่งสอนก็ไม่กล้าที่จะโต้แย้ง เขานั้นทําเพียงพยักหน้าเงียบๆ “นายน่ะต้องตั้งใจเรียนรู้มากกว่านี้นะ!” เจียงเฉินสั่งสอนอย่างจริงจัง หลังจากนั้น ท้ายรถเบนท์ลีย์ก็เปิดออก ในท้ายรถเบนท์ลีย์นั้นมีจักรยานเก็บเอาไว้ มีกระเป๋าผ้าที่มีรอยถูก เย็บรอยขาดเต็มไปหมด เมื่องเอาออกมาดูแล้วมันก็ดูน่าเกลียดไม่น้อยเลย “ดูฉันสิ นายก็รู้ว่าฉันมีทรัพย์สินมหาศาล แต่ฉันกลับให้แค่ประเป๋าผ้าที่ธนาคารแจกฟรีในการไปส่งอาหาร!” เจียงเฉินพูดออกมาอย่างจริงจัง เสี่ยวมจวก็มองดูอย่างใกล้ชิด กระเป๋าผ้าของเจียงเฉินนั้นมีการปักเอาไว้ว่า [ธนาคารเจี้ยนชื่อ] สาขาเมืองหลวง
นั่นไม่ใช่ประเด็น แต่คําถามคือNN บนกระเป๋าใบนั้นมีการปักตัวอักษรสีทองขนาดใหญ่ไว้ว่า ของที่ระลึกจากการฝากเงินกว่า 100 ล้านหยวน]! เสี่ยวลาวตกตะลึงทันที แน่นอนว่านี่มันติดดินมาก สมแล้วที่เป็นพี่ใหญ่เจียง ข้าน้อยขอคารวะ! เจียงเฉินหันหัวกลับไปและทิ้งประโยคเอาไว้ “บนโลกแห่งความเป็นจริงมีเพียงตัวนายเท่านั้นที่เป็นเพื่อนแท้! นายเข้าใจแล้วใช่ไหม?” เสี่ยวโจวพยักหน้าเวยความมึนงงและในหัวสมองของเขาก็เต็มไปด้วยความว่างเปล่า
โบกมือให้คนใหญ่คนโต! พี่ใหญ่พูดถูกทั้งหมด! เจียงเฉินก็ได้ใช้เวลาค่ําคืนอันแสนวิเศษและยาวนานอยู่ที่บ้านของหลันหน่วนหยาน
วันต่อมา เวลา 9 นาฬิกาเจียงเฉินก็ขี่จักรยานออกไป เขานั้นไม่ได้บอกอะไรกับหลันหน่วนหยาน เพราะวันนี้เขากับอันฉิงจะต้องไปร่วมงาน นิทรรศการที่จัดโดย LVMH – นิทรรศการแฟชั่น
เวลา 16.00 น.งานนิทรรศการแฟชั่นจะถูกเปิด ตัวอย่างยิ่งใหญ่! นิทรรศการสุดหรูนี้มีความยิ่งใหญ่มาก โดยช่วงแรกของนิทรรศการจะเน้นไปที่แฟชั่น จากนั้นก็จะเป็นเครื่องประดับ กระเป๋า และน้ําหอม…. ซึ่งแต่ละหมวดหมู่จะใช้เวลาสองวัน ดังนั้นที่นี่จึงเป็นที่คนรวยและดาราดังมารวมตัว กันNN ทั้งสาวงาม รถหรู ต่างก็มีให้เห็นทั่วไปหมด
แลมโบกินี่ เฟอร์รารี่ แมคลาเรน โรลส์-รอยซ์ มีอยู่ให้เห็นทั่วไป จนราวกับว่าพวกมันเป็นแค่รถธรรมดาๆ สาวสวยแต่ละคนก็แต่งตัวไปตามแฟชั่น ชุดสวยรองเท้าส้นสูงใส่แล้วดูสง่างามและยังควง แจนกับสุภาพบุรุษที่แต่งตัวดีเดินเข้ามาในงานตามพรมแดงที่ถูกจัดเอาไว้ พวกเขาพากันเดินไปที่จุดตรวจบัตรเชิญและรอจนกระทั่งแสงไฟโฟกัสไปที่ตัวของพวกเขา และพิธีกรที่อยู่ข้างๆก็จะรายงารให้กับผู้ชม “คุณXX คุณXX ได้มาเข้าร่วมงานแฟชั่นของเราแล้ว!” ในเวลานี้เอง รถ Tesla สีแดงก็ขับเข้ามาก่อนจะหยุดลงตรงทางเดินพรมแดง เจียงเฉินพาอันฉิงดีไซเนอร์ชั้นนําที่มีใบหน้าที่น่าตกตะลึงและรูปร่างที่โดเด่นเข้ามาในนิทรรศการ พร้อมกับชุดที่สง่างามและดูทันสมัย เจียงเฉินลงจากรถ ดูโดดเด่นมาก! แม้ว่าเจียงเฉินจะสวมแว่นกันแดดและหน้ากากwปแล้ว แต่ด้วยรูปร่างที่โดดเด่นของเขา และใบหน้าที่หล่อเหลา เครื่องประดับระดับสูงทั้งจาก หลุยส์วิตตอง วาเชอรอง กงสตองแตง และของหรูหราอื่นๆ รวมมูลค่ากว่ายี่สิบล้าน ทําให้เขานั้นดูโดดเด่นกว่าคนทั่วไปมาก จนทําให้ผู้คนนั้นต่างหันมาสนใจเขาทันที “พระเจ้า! หล่อมากเลย!” “ดูรถที่เขาขับสี่ตอนแรกฉันกคิดว่าเป็นคนธรรม ดา แต่ที่ไหนได้นี้คนใหญ่คนโตของจริง!” “นั่นดาราคนไหนกัน?” “ฉันก็ไม่รู้ แต่ถึงเขาจะใส่แว่นกันแดดอยู่แต่ก็รู้เลยว่าหล่อมากจริงๆ!” เจียงเฉินเดินไปอีกด้านหนึ่งก่อนจะเปิดประตูรถออกมา เมื่ออันฉิงผู้มีร่างกายสุดเร่าร้อนและเต็มไปด้วยความแฟชั่น ได้ลงจากรถแล้วปรากฏตัว ฝูงชนก็เริ่มเดือดขึ้นมาอีกครั้ง! “พระเจ้า! นั่นใช่ดีไซเนอร์ของหลุยส์วิตตองหรือเปล่า เธอสวยมากเลย!” “เธอโดดเด่นมากจริงๆ รูปร่างของเธอก็ดีมาก – ฉันอิจฉาแฟนของเธอจริงๆ!” “แค่เท้าของเธอก็มากพอที่จะบดขยี้ดาราสาวได้ง่ายๆแล้ว!” “หนุ่มหล่อสาวสวยคนนี้เป็นใครกัน ทําไมฉันถึงไม่รู้จักเลย?” ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างอยากรู้อยากเห็นพวกเขาพากันกระซิบถามคนข้างๆทันที ด้านหลังของพวกเขาก็มีสาวสวยสวมแว่นกันแดดผู้หยิ่งยโสเดินตามสามีของเธอมาจากลานจอดรถ ชื่อของเธอก็คือชุยเสียวม่าน ตั้งแต่เด็กเธอนั้นมีนิสัยที่เสียและชอบทําตัวหยิ่งยโส ในใจของเธอนั้นเงินคือทุกอย่าง ถ้ามีเงินก็สามารถจัดการได้ทุกอย่าง ทําให้เธอนั้นคิดว่าตัวเองมีอํานาจอยู่เหนือคนอื่น ในสายตาของเธอนั้น การมีเงิน อํานาจ หมายถึงการที่มีเส้นสาย ทรัพยากร และหลักฐานที่แข็งแกร่ง! แม้ว่าเธอนั้นจะแต่งงานแล้ว แต่เธอก็ไม่เคยที่จะหักห้ามใจตัวเองเลย แต่เธอนั้นกลับกลายเป็นคนที่หยิ่งยโสมากกว่าเดิม พ่อสามีที่เธอแต่งงานด้วยนั้นมีภูมิหลังครอบครัวที่แข็งแกร่ง ร่ํารวยและมีอํานาจมหาศาล ไม่ใช่ครอบครัวธรรมดาๆ ในสายตาของชุยเสี่ยวม่านเธอน่ะไม่สนใจอะไรเลย เพราะเงินคือความยุติธรรมที่สุดแล้วสําหรับเธอ! เมื่อสามีของชุยเสี่ยวม่านเห็นอันฉิง เทพธิดาแห่งวงการแฟชั่นที่มีความสวยสดงดงามและอิสระ ดวงตาของเขาเป็นประกายอย่างช่วยไม่ได้ “ว้าว ทําไมถึงซวยขนาดนั้นกัน? รูปร่างดีสุดๆ!” สามีของชุยเสี่ยวม่านจ้องมองไปที่อันฉิง “น่าขยะแขยง!” ชุยเสี่ยวม่านรู้สึกอิจฉาและไม่พอใจที่เห็นสามีของเธอทําแบบนี้ เธอมองไปที่อันฉิงด้วยความเกลียดชังในใจ ยัยผู้หญิงคนนี้ดูสามีของฉันได้ดีกว่าฉันจริงๆเหรอ? ทําไมกัน?! สูดอากาศเย็นเข้าปอด! เจียงเฉินควงแขนกับอันฉิงเดินไปบนพรมแดงด้วยกัน ชุยเสียวม่านและสามีของเธอก็เดินตามอยู่ข้างหลัง “รังเกียจ! น่าขยะแขยงเกินไปแล้ว!” ยิ่งชุยเสียวม่านมองไปที่อันฉิงมากเท่าไหร่ เธอก็อิจฉามากขึ้นเท่านั้น พจากด้านหลังทําให้เธอนั้นสามารถเห็นรูปร่างของอันฉิงที่ได้สัดส่วนโค้งเว้าจนกลายเป็นตัว สําหรับผู้หญิงอย่างชุยเสี่ยวม่านที่คิดว่าตัวเองนั้นดีที่สุดแล้ว เธอนั้นจะไม่ยอมให้ผู้หญิงคนไหนดูดีกว่าเธอเป็นเด็ดขาด พอจะหากมีเธอก็จะทําลายมัน! ที่ทางเข้าของนิทรรศการก็มีจุดไว้สําหรับตรวจสอบจดหมายเชิญ หลังจากมาถึงจุดตรวจแล้วเจ้าหน้าที่รักษา ความปลอดภัยก็ขอให้เชิญนําจดหมายเชิญและบัตรประจําตัวประชาชนออกมา เจียงเฉินกับอันฉิงคิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะต้องนําบัตรประจําตัวประชาชนของตัวเองมาด้วย เจ้าหน้าที่ “ขอโทษด้วยนะครับ พวกเราไม่มีวิธีตรวจจดหมายเชิญโดยที่ไม่มีบัตรประชาชน ผมต้องขอโทษจริงๆครับพวกคุณเข้าไปไม่ได้…” ดวงตาของชุยเสียวม่านสว่างขึ้นทันทีที่ได้ยินแบบนั้น! ฮ่าๆในที่สุดฉันก็มีโอกาส เธอเริ่มหัวเราะออกมา “หึหึ ทําไมโลกนี้ถึงมีแต่คนชอบเสแสร้งกัน ไม่อายเลยหรือยังไง ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่หมาแมวที่ไหนจะมาเดินก็ได้นะ มีแต่แขกวีไอพีเท่านั้นที่สามารถเข้าร่วมงานได้!” เธอนั้นอารมณ์เสียกับอันฉิงมานานแล้ว สามีของเธอไอและเตือนเธอเบาๆ “หยุดพูดได้สาระได้แล้ว ให้เกียรติพื้นที่หน่อย” สิ่งที่ทําให้เขานั้นลําบากใจมากที่สุดคือนิสัยที่ ก้าวร้าวของภรรยาของเขา ซึ่งสามารถทําให้คนอื่นนั้นขุ่นเคืองได้ง่าย “ทําไมฉันจะพูดไม่ได้?” ชุยเสียวม่านพูดออกมาอย่างโกรธเคือง “ฉันแค่จะเยาะเย้ยพวกเขาเอง!” คนที่อยู่พื้นที่รอบพากันตกใจทันที พวกเขานั้นไม่เข้าใจเลยว่าทําไมผู้หญิงคนนี้ถึงมีความคิดป่วยๆ? ชุยเสี่ยวม่านชี้ไปที่อันฉิงกับเจียงเฉินก่อนเยาะเย้ยออกมา “จดหมายเชิญสําหรับนิทรรศการแฟชั่นนี้หายากจะตายไป มีแต่ดาราดังกับเศรษฐีเท่านั้นที่จะสามารถหามันมาได้ คนธรรมดาไม่มีวันได้มันไปหรอก ต่อให้เจอแล้วหยิบยื่นมา ถ้าชื่อเจ้าของจดหมายเชิญไม่ตรงกับชื่อในบัตรประชาชน ก็เข้าไม่ได้อยู่ดี… และคนพวกนี้ก็คงคิดว่าตัวเองนะจะแอบเข้าไปในงานได้โดยที่ไม่ต้องใช้บัตรประชาชน!” เธอมองไปที่เจียงเฉินอย่างเย็นชาก่อนจะย่อยออกมา “ดูจากระดับของผู้ชายคนนี้แล้วมันเป็นไปไม่ได้หรอกที่เขาจะได้รับจดหมายเชิญ เขาคงจะเก็บจดหมายเชิญได้แล้วก็เลยตั้งใจจะมาโอ้อวดแอบอ้างเป็นคนดังมากกว่า ใช่ไหมล่ะ?!” เมื่อคิดไปคิดมาคําพูดของเธอนั้นกับฟังดูมีเหตุผล ไม่มีบัตรประชาชน = ตั้งใจไม่เอาบัตรประชาชนมา = บังเอิญไปเก็บจดหมายเชิญมาได้ = ก็เลยปลอมตัวเข้ามา… สามีของชุยเสี่ยวม่านแทบอยากจะมุดดินหนี นี่มันน่าอับอายไปแล้ว! (? ‘E) – L! ผู้คนรอบๆเริ่มพูดคุยกัน “ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคู่รักที่ดูหล่อและสวยขนาดนี้จะไม่มีจดหมายเชิญ?” “เฮ้อ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นจริง มันก็ไม่ควรที่จะพูดจาน่าเกลียดขนาดนั้นนะ!”
“ปากของผู้หญิงคนนี้ฉันยกให้เป็นที่สุดเลยจริงๆ!” “ใช้แล้ว ฉันว่าเธออาจจะแค่อิจฉาที่คนอื่นสวยกว่าและมีรูปร่างที่ดีกว่าเธอเท่านั้น!” ชุยเสียวมากที่กําลังจะพูดต่อ เห็นเจียงฉันโบกมือเบาๆและหยิบจดหมายเชิญออกมา “ตอนที่ฉันได้รับจดหมายเชิญมา มันไม่ได้บอกไว้นี่ว่าต้องนําบัตรประชาชนมาด้วย…” เจ้าหน้าที่อึ้ง!
จดหมายเชิญของคนอื่นน่ะจะมีชื่อเขียนไว้อยู่ ตัวอย่างเช่น คุณและคุณ XX เข้าร่วมงาน XX ซึ่งจดหมายเชิญประเภทนั้นเป็นจดหมายเชิญธรรมดา ซึ่งจําเป็นต้องใช้บัตรประจําตัวประชาชนเพื่อแสดงตัวและเข้าไป แต่จดหมายเชิญของเจียงเฉินนั้นแตกต่างออกไป จดหมายเชิญของเขาเป็นสีบรอนซ์ทอง! ด้านบนมีเพียงคิวอาร์โค้ดอย่างเดียวเท่านั้น! ไม่มีชื่อ ดังนั้นก็ไม่จําเป็นต้องมีบัตรประจําตัวประชาชน! ชุยเสียวม่านตกตะลึงงง เธอนั้นคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีจดหมายเชิญประเภทนี้ด้วย? แต่NN ชุยเสียวม่านนั้นไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้เธอจ้องมองไปที่จดหมายเชิญของเจียงเฉินที่กําลังถูกดีงออกมา ก่อนที่ดวงตาของเธอจะเป็นประกาย และตะโกนออกมาว่า “ฮ่าฮ่าฮ่า จดหมายเชิญของเขาแตกต่างจากของพวกเรา! มันจะเอาไปทําอะไรได้? คงไม่ใช่จดหมายเชิญปลอมมาหลอกพวกเราหรอกนะ?” ภายใต้การชี้นําอย่างผิดๆของเธอทําให้นักข่าว และคนที่อยู่รอบๆพากันหันมาสนใจ พวกเขาเริ่มอยากรู้อยากเห็นมากขึ้นเรื่อยๆและกระซิบพูดคุยกัน “นั่นมันจดหมายเชิญแบบไหนกัน?” “ก่อนหน้านี้พวกเราก็เห็นดาราที่เอาบัตรเชิญของคนอื่นมา แต่สุดท้ายพวกเขาก็เข้าไปในงานไม่ได้” “ฮ่าๆ ใช่แล้วๆ ขนาดพวกเขายังเข้าไปงานไม่ได้เลย” “ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน! มันฟังดูไม่สมเหตุสมผลเลยขนาดดารายังเข้าไปไม่ได้ แต่คู่รักที่ไม่มีใครรู้จักกับเข้าไปในงานได้?” แต่อย่างไรก็ตาม… วินาทีถัดมาพวกเขานั้นก็ถูกตบหน้า! เจ้าหน้าที่สองคนออกท่วมตัว พวกเขาโค้งคํานับเก้าสิบองศาพร้อมกัน
“ที่แท้ก็เป็นแขกวีไอพีระดับสูง! เชิญทางนี้เลยครับ!” “อะไรนะ?!” ชุยเสี่ยวม่านรู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่าใส่เธอพูดออกมาด้วยความอับอาย “วีไอพี? วีไอพี? วีไอพี?” “ใช่แล้วครับ!” เจ้าหน้าที่กลัวว่าคนรอบๆ นักข่าวและวีไอพีคนอื่นๆจะเข้าใจผิด เขาเลยอธิบายออกมาเสียงดัง “สุภาพบุรุษท่านนี้ถือบัตรทองที่แผนกปฏิบัติการของ LVMH กรุ๊ปออกให้เป็นพิเศษ! บัตรทองประเภทนี้เป็นบัตรสําหรับวีไอพีซึ่งมีจํานวนจํากัด! มีเพียงแค่หนึ่งร้อยคนเท่านั้นที่จะได้รับบัตรใบนี้ไป!” “ผู้ที่ถือบัตรทองแต่ละใบนั้นจะได้รับทองส่วนตัว! และสามารถเพลิดเพลินไปกับการบริการพิเศษจากทางเราครับ!” “แล้วบัตรประเภทนี้เป็นบัตรที่มีความล้ําหน้ามากที่สุดในงาน เมื่อทําการสแกนคิวอาร์โค้ดแล้ว ก็จะมีระบบตรวจจับสแกนใบหน้าแบบพิเศษเพื่อสามารถระบุตัวตนได้!” “ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะคัดลอกมาหรือแอบอ้างเป็นคนอื่น ซึ่งแตกต่างจากจดหมายเชิญทั่วไปที่จะต้องทําการแสดงบัตรประชาชน แต่ว่าสุภาพบุรุษท่านนี้ไม่ต้องทําแบบนั้นครับ” หลังจากที่เจ้าหน้าที่ทําการอธิบายเสร็จ ผู้คนก็เริ่มได้สติกลับมา “พระเจ้า!” ผู้คนนับไม่ถ้วนตกตะลึง กลายเป็นว่าพวกเขานั้นเข้าใจผิด ที่แท้อีกฝ่ายนั้นมีบัตรระดับสูงสุด! ใบหน้าของชุยเสี่ยวม่านแดงราวกับคนของดิน สามีของเธอที่อยู่ข้างๆนั้นแทบอยากจะตายลงตรงนี้ ดันไปเยาะเย้ยคนอื่นทั้งๆที่ความรู้ตัวเองก็ไม่มี! หรืออาจเพราะระดับของตัวเองนั้นต่ําเกินไปจนมีสิทธิ์ได้รับรู้ถึงจุดหมายเชิญระดับทอง! แต่ด้วยการที่ชุยเสี่ยวม่านตะโกนออกมาอย่างเสียงดัง ทําให้คนรอบต่างพากันมาสนใจ สุดท้ายความจริงเปิดเผยออกมา ทําให้ทุกคนรู้ว่าชุยเสียวม่านคนนี้สติไม่ดี! น่าเสียดาย! “ไม่!” ชุยเสียวมันไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้เธอตะโกนออกมา “ถึงอย่างนั้นพวกคุณก็ต้องตรวจสอบใบหน้าของเขาใช่ไหม? พวกคุณรู้ได้ยังไงว่าเขา เป็นเจ้าของจดหมายเชิญตัวจริง? ถ้าพวกคุณไม่ตรวจสอบคุณจะรู้ได้ไงว่าเขาขโมยมาหรือไม่?!” เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ยินเข้าก็เข้าใจทันที นักข่าวตะโกนออกมา “ถอดหน้ากาก!” พวกเขาพากันตั้งกล้องถ่ายวิดีโอกันทันที! พร้อมถ่ายอยู่ตลอดเวลา! อันที่จริง เหล่านักข่าวนั้นรู้ดีว่าโอกาสที่จดหมายเชิญของเจียงเฉินจะเป็นของปลอมนั้นแทบจะเป็นศูนย์ แต่ใครบ้างล่ะที่ไม่อยากจะถ่ายรูปใบหน้าที่แท้จริงของเขา
ใครบ้างล่ะที่ไม่อยากจะรู้ว่าหนุ่มหล่อที่เหมือนกับดาราคนนี้เป็นใคร? เจ้าหน้าที่ขอให้เชิญทรอากาศออกเพื่อทําการตรวจสอบใบหน้า “คุณผู้ชายครับช่วยถอดหน้ากากออก เพื่อทําการสแกนใบหน้านะครับ” เจียงเฉินส่ายหัว ปฏิเสธ! เรื่องตลกแล้ว! คนอย่างเจียงเฉินจะถอดหน้ากากและแว่นกันแดดออกต่อหน้านักข่าวได้ยังไง? ในเวลานี้เองดวงตาของชุยเสี่ยวม่านเป็นประกาย เธอตะโกนออกมา “ทําไมต้องปิดบังใบหน้าด้วย นี่ไม่ใช่ว่ามันหมายความว่าจดหมายเชิญของเขาเป็นของปลอมหรือยังไง?! เขาจะต้องขโมยมาแน่ๆ!” เจียงเฉินมองไปที่ชุยเสียวม่านก่อนจะยักไหล่ “ผมจําได้ว่าที่นี่สามารถระบุตัวตนด้วยการใช้ลายนิ้วมือได้ใช่ไหม” เจ้าหน้าที่พยักหน้า “ก็ใช้ลายนิ้วมือสามารถทําได้ครับ” เจียงเฉินยื่นมือออกมา ทําการยืนยันตัวตนด้วยการใช้ลายนิ้วมือ! เจ้าหน้าที่หยิบเครื่องสแกนพิเศษออกมา ก่อนจะสแกนไปที่จดหมายเชิญของเจียงเฉิน หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงดังออกมาเครื่องสแกนก็ฉายแสงสีเขียวออกมา [การยืนยันตัวตนสําเร็จ!] เจ้าหน้าที่ทั้งสองคนทําการโค้งคํานับเฉิน “ขออภัยในความไม่สะดวกครับ!”
เจียงเฉินยิ้มออกมาอย่างเฉยชาก่อนจะมองไปที่ชุยเสียวม่าน เจ้าหน้าที่ทําการโบกมือ สาวสวยสี่คนในชุดเครื่องแบบกระโปรงสั้นก็เดินเข้ามา พวกเธอเดินเข้ามาด้วยความเคารพ และขอให้เจียงเฉินกับอันฉิงเดินเข้าไปทางช่องทางพิเศษ เพื่อที่จะเข้าไปในพื้นที่ส่วนตัวของวีไอพีและเลานจ์ของงาน ดูมีเกียรติมาก! พิเศษมากจริงๆ! แม้แต่อันฉิงยังต้องตกตะลึง – ชุยเสี่ยวม่านรู้สึกอับอาย เมื่อเห็นว่าหนุ่มหล่อคนนี้เข้าไปในงานได้อย่างง่ายดายและได้รับการตอบรับเป็นพิเศษจากเจ้าหน้าที่อย่างจริงจัง กลุ่มคนที่อยู่รอบๆและนักข่าวก็ต้องตะลึง “พระเจ้า!” “ปรากฏว่าเป็นแขกวีไอพี!” “ทั้งสองมีสถานะอะไรกันแน่ทําไมพวกเขาถึงได้รับการต้อนรับขนาดนี้ แม้ว่าจะมีอายุที่ยังน้อยอยู่!” “พวกเขาได้รับการต้อนรับอย่างมีมารยาทมาก ในขณะที่แม้แต่นักธุรกิจที่ร่ํารวยก็ไม่รับ!” “ลึกลับจนไม่อาจคาดเดาได้!” แม้ว่าทุกคนจะอิจฉา แต่พวกเขาก็รู้ดีว่างานนี้ไม่ใช่งานธรรมดาๆ การที่ผู้จัดงานให้จดหมายเชิญสีทองแก่เจียงเฉินนั้น ก็เห็นได้ชัดแล้วว่าตัวตนของเจียงเฉินนั้นสูงส่งกว่าดาราธรรมดามาก! ดวงตาที่เต็มไปด้วยความเคารพนับไม่ถ้วนมองติดตามเจียงเฉิน เหล่านักข่าวอดไม่ได้ที่จะโกรธชยเสี่ยวม่านที่ทําล้มเหลว พวกเขาจึงพากันเยาะเย้ยออกมากันทีละคน “มาดูกันดีกว่าว่าเธอนั้นได้รับจดหมายเชิญแบบไหนมา?” “ปรากฏว่าก็แค่จดหมายเชิญธรรมดาๆ แต่เธอกับกาเข้าไปจิกกัดแขกซุปเปอร์วีไอพี!” “คนอัปลักษณ์สร้างปัญหา!” เมื่อชุยเสียวม่านได้ยินแบบนั้น หัวใจที่คับแคบของเธอก็เต็มไปด้วยความโกรธเคืองทันที! สามีของชุยเสียวมารู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองนั้นหายไป ยัยผู้หญิงง่เง่า! ทั้งโง่ทั้งนิสัยเสีย! โศกนาฏกรรม – ทั้งสองไม่กล้าแม้แต่จะหยุดถ่ายรูป พวกเขารีบส่งจดหมายเชิญให้กับเจ้าหน้าที่และเอามือปิดหน้าวิ่งเข้าไปในงานทันที ชุยเสี่ยวม่านร้องไห้ “ฉันตั้งใจเตรียมเสื้อผ้าชุดนี้ไว้ตั้งสองสัปดาห์ เพื่อใช้โอ้อวดในงานนี้โดยเฉพาะ ฉันจ่ายไปตั้งหลายหมื่นหยวน แต่เพียงแค่ถ่ายรูปยังทําไม่ได้ เลยด้วยซ้ํา สุดท้ายได้แต่วิ่งหนี! น่าขายหน้ามาก! ทั้งหมดนี้ก็เป็นความผิดของผู้หญิงและผู้ชายคนนั้น!” “เสี่ยวม่าน พอได้แล้ว!” สามีของชุยเสียวม่านพูดออกมาอย่างโกรธเคือง “อย่าได้ทําเรื่องน่าอายแบบนี้อีก!” “เหอะ! เป็นนายที่ไม่มีความสามารถเองไม่ใช่หรือยังไง! ถ้านายได้รับจดหมายเชิญระดับทองมา เราก็จะได้กลายเป็นแขกซุปเปอร์วีไอพี เราจะต้องมานั่งอับอายแบบนี้อยู่ไหมจะต้องมานั่งถูกเยาะเย้ยแบบนี้ไหม?!” ซุยเสี่ยวม่านพูดออกมาอย่างหยิ่งผยองและ โกรธเคือง “แล้วตาของนายมองไปที่ไหน? ผู้หญิงคนนั้นสวยกว่าฉันมากหรือยังไง?!” “ไร้สาระ!” สามีของชุยเสียวม่านดออกมา “หน้าตาของเธอเป็นยังไง? ไม่ได้เปรียบเทียบเลยหรือยังไงฮะ? จะมาถามฉันทําไม?” “ไอ้บ้า!” ชุยเสี่ยวม่านก็เริ่มทะเลาะกับสามีของเธอ โศกนาฏกรรม