บทที่ 198 ปรับเปลี่ยนกติกาของเกมส

รักหวานอมเปรี้ยว

มายมิ้นท์ไม่สนใจเปปเปอร์ สายตายังคงจับจ้องไปทางคุณพ่อหมายเลข 3 อยากรู้ว่าคุณพ่อหมายเลข 3 จะยืนหยัดไปได้ถึงเมื่อไหร่

เปปเปอร์เห็นสภาพการณ์แบบนี้แล้ว ก็มีสีหน้าไม่น่ามองกว่าเดิม ทั่วทั้งร่างแผ่กลิ่นอายหนาวเย็นออกมา

รูปร่างหน้าตาและบุคลิกของคุณพ่อหมายเลข 3 มีส่วนไหนที่เทียบเขาได้ เธอต้องจับจ้องไปทางคุณพ่อหมายเลข 3 ขนาดนั้นด้วยหรือ

แม้เขาจะรู้ว่าเธอไม่ได้รู้สึกสนใจคุณพ่อหมายเลข 3 คนนั้น แต่เขาก็รู้สึกหงุดหงิดอยู่ดี

“ลงไป!” เมื่อได้ยินไมโลนับถึง 20 แล้ว เปปเปอร์ก็หยุดนิ่งไม่ขยับ พลางเอ่ยเสียงเย็นกับหญิงสาวที่อยู่บนแผ่นหลัง

มายมิ้นท์ไม่รู้ว่าเขาเป็นบ้าอะไรอีก เธอแตะเท้าลงบนพื้นแล้วลุกยืนขึ้น

เปปเปอร์ก็ลุกขึ้นตามเธอเช่นกัน

เขาวิดพื้นติดต่อกัน 20 ครั้ง ใบหน้าหล่อเหลากลับไม่มีแม้แต่ท่าทีเหนื่อยล้าสักเล็กน้อย กระทั่งเหงื่อก็ไม่ออก

เห็นได้ว่าการวิดพื้น 20 ครั้ง ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับเขาแม้แต่น้อย

คุณพ่อหมายเลข 1 กับหมายเลข 3 ล้วนอิจฉาเป็นอย่างมาก

ผู้อื่นวิดพื้นเสร็จก็ไปพักผ่อนแล้ว ส่วนพวกเขายังต้องวิดพื้นต่อไปด้วยความยากลำบาก

มายมิ้นท์เห็นท่าทางหน้านิ่วคิ้วขมวดของคุณพ่อหมายเลข 1 กับหมายเลข 3 แล้วก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

จู่ๆขวดน้ำในมือเธอก็ถูกคนดึงไป

มายมิ้นท์หันหน้าไป ก็เห็นเปปเปอร์เงยหน้าดื่มน้ำอยู่ จึงอ้าปากออก

คล้ายกับรู้สึกได้ถึงสายตาของเธอ เปปเปอร์จึงวางขวดน้ำลง “ทำไมหรือ”

มายมิ้นท์มองขวดน้ำ “นั่นคือน้ำของฉัน”

“คุณยังไม่ได้ดื่ม” เปปเปอร์หมุนปิดฝาขวดให้เรียบร้อย พลางเอ่ยเสียงเรียบ

มายมิ้นท์หัวเราะพรืด “แม้ว่าฉันจะไม่เคยดื่ม คุณก็ไม่ต้องแย่งฉันก็ได้ ทางฝั่งนั้นมีน้ำเยอะแยะ ไปหยิบเองไม่ได้หรือ”

“เหนื่อย ไม่อยากขยับ” เปปเปอร์เอ่ยเสร็จ ก็วางขวดน้ำลงอีกด้านหนึ่ง

“……”มายมิ้นท์มุมปากกระตุก ไร้คำพูดอย่างถึงที่สุด

เหนื่อย?

ขอโทษด้วยนะ เธอมองไม่เห็นท่าทางเหน็ดเหนื่อยบนใบหน้าเขาแม้แต่น้อย

แต่ว่าช่างเถอะ น้ำขวดเดียวเท่านั้นเอง

มายมิ้นท์แค่นเสียง หมุนตัวเดินไปหยิบน้ำขวดใหม่จากทางฝั่งนั้น

เปปเปอร์เห็นท่าทางถูกบีบให้พ่ายแพ้ของเธอแล้ว แววตาก็มีประกายขบขันพาดผ่าน อารมณ์ก็ดีขึ้นมาอีกครั้ง

เขาจงใจ

ดูสิว่าเธอยังจะจ้องผู้ชายคนอื่นอีกไหม

“คุณอาเปปเปอร์” ตอนนี้เองที่ เสียงนุ่มนวลของไมโลลอยมาจากด้านล่าง

เปปเปอร์ก้มหน้ามอง ก็เห็นว่าไมโลกำลังเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้า ‘ผมเห็นแล้ว’ มองมาทางเขาพอดี

“มีเรื่องอะไร” เปปเปอร์ถาม

ไมโลมือเท้าสะเอว “คุณจะแย่งอาสะใภ้กับคุณอาผมหรือ”

แย่งอาสะใภ้

เปปเปอร์เลิกคิ้ว “ไม่มีเรื่องแบบนั้น ทำไมหนูถึงพูดแบบนี้?”

“เพราะว่าสายตาที่คุณมองอาสะใภ้ เหมือนกับที่พ่อผมมองแม่เลย” เด็กน้อยตอบกลับ

เปปเปอร์เม้มปาก

นี่นับเป็นคำตอบแบบไหนกัน สายตาเหมือนกัน ก็หมายความว่าเขาจะแย่งมายมิ้นท์?

อีกอย่าง ทำไมเขาถึงไม่รู้เลยว่าสายตาที่เขามองมายมิ้นท์มีอะไรน่าประหลาด

“พอแล้ว เด็กน้อยอย่าพูดเหลวไหล เธอเป็นภรรยาเก่าของอา พวกเราหย่ากันแล้ว หนูคิดว่าอามีความจำเป็นต้องแย่งไหม” เปปเปอร์เอ่ย ขณะซุกมือในกระเป๋ากางเกง

เด็กน้อยแค่นเสียง “หย่าแล้วอย่างไร คุณน้าของผมหย่ากับน้าเขย น้าเขยยังคิดจะแย่งคุณน้ากลับไป ดังนั้นคุณอาเปปเปอร์ คุณจะต้องทำเหมือนกัน ไม่ได้ ผมต้องเตือนคุณอา ไม่ให้เป็นเพื่อนกับคุณ” ไมโลขมวดคิ้ว ท่าทางจริงจังราวกับผู้ใหญ่คนหนึ่ง

เปปเปอร์หรี่ตาลง ขณะที่กำลังจะเอ่ยพูดอะไร มายมิ้นท์ก็กลับมาเสียแล้ว สายตามองพิจารณาไปทางคนตัวโตและคนตัวเล็ก “พวกคุณกำลังคุยอะไรกัน”

“อาสะใภ้ ผมกับคุณอาเปปเปอร์กำลังคุยเรื่อง อุ๊บ…”

ไมโลยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกเปปเปอร์อุ้มขึ้นมา ปิดปากของเขาเอาไว้

“ไม่มีอะไร ไปเถอะ พวกเขาก็ทำครบแล้ว เกมส์ในรอบที่สามกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว” เปปเปอร์มองมายมิ้นท์แวบหนึ่ง อุ้มไมโลเดินไปด้านหน้า

มายมิ้นท์ที่ถือน้ำขวดหนึ่งยืนมึนงงอยู่ที่เดิม ไม่เข้าใจว่าเมื่อครู่เกิดเรื่องอะไรขึ้น

“คุณอาเปปเปอร์!” ด้านหน้า ไมโลทุ่มเทแรงกายแรงใจในการดึงมือเปปเปอร์ออก มองไปทางเปปเปอร์ด้วยใบหน้าโมโห “ทำไมคุณถึงไม่ยอมให้ผมพูดให้จบ”

เปปเปอร์หลุบตาลงสบตากับเขา “คำพูดพวกนี้ ไม่เหมาะสมที่จะให้เด็กพูด”

“ผมไม่ใช่เด็กธรรมดาทั่วไปสักหน่อย ผม…”

“หลังจากนี้ ไม่อนุญาตให้เรียกมายมิ้นท์ว่าอาสะใภ้” เปปเปอร์ตัดบทไมโล น้ำเสียงเจือไปด้วยคำสั่งที่ไม่อนุญาตให้เอ่ยแทรก ฟังดูแล้วเข้มงวดมาก

ไมโลที่ถูกสยบเข้าแล้วกระพริบตาปริบๆ “ทำไม”

“เธอกับอาของหนูยังไม่ได้คบกัน หนูพูดว่าทำไม?” เปปเปอร์จ้องเขา

แรกเริ่ม เขานึกว่ามายมิ้นท์คบกับทามทอย และมาเดทกันที่นี่

แต่ในภายหลังเขาก็เข้าใจแล้วว่า มายมิ้นท์ไม่ได้ชอบทามทอย ดังนั้นจะคบกับทามทอยได้อย่างไร

ทว่าทำไมพวกเขาถึงได้พาเด็กคนนี้มาที่นี่ เขาก็ไม่รู้แน่ชัด

“หึ แม้ว่าคุณอากับอาสะใภ้ยังไม่ได้คบกัน หลังจากนี้ก็จะคบกัน ผมชอบอาสะใภ้มาก ผมจะช่วยคุณอาให้ได้อาสะใภ้มาในเร็ววันเช่นกัน” ไมโลเชิดคางขึ้น เอ่ยด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง

เปปเปอร์สีหน้าทะมึน มีความรู้สึกหุนหันพลันแล่นอยากจะโยนเด็กผีนี่ทิ้งขึ้นมา

แต่สุดท้าย เขาก็อดทนเอาไว้ได้ เพียงแต่แรงกดดันที่แผ่ออกมารอบกายทำให้คนไม่กล้าเข้าใกล้

ในไม่ช้า เกมส์ในรอบที่สามก็เริ่มต้นขึ้น วิ่งสามขาวิบาก

คนที่วิ่งสามขาคือคุณพ่อคุณแม่ ภายในสามนาที คุณพ่อคุณแม่ต้องวิ่งให้ถึงเส้นชัย หลังจากนั้นก็ก็หยิบลูกบาสลูกหนึ่งที่เส้นชัย วิ่งกลับมาให้กับลูกน้อย ให้ลูกน้อยโยนลูกบาสให้เข้าห่วง เมื่อโยนเข้าห่วงก็จะชนะแล้ว

สถานที่แข่งขันเกมส์ในคราวนี้คือสวนหลังร้านอาหาร ที่นั่นกว้างขวาง ร้านอาหารได้วางลู่วิ่งไว้ที่นั่น พร้อมกับจัดตั้งอุปกรณ์สกัดกั้น

ผู้จัดการถือเชือกสีแดงสองเส้นมาถึงตรงหน้ามายมิ้นท์กับเปปเปอร์

หลังจากเปปเปอร์รับเชือกสีแดงมาแล้ว ก็เอ่ยปากกะทันหันว่า “สามารถเปลี่ยนจากวิ่งสามขาเป็นเดินสามขาได้หรือไม่ครับ”

“คุณผู้ชาย มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ” ผู้จัดการเอ่ยถามยิ้มๆ

มายมิ้นท์มองไปทางเปปเปอร์ด้วยความประหลาดใจเช่นกัน

สายตาของเปปเปอร์กลับตกลงบนท้องของเธอ “ภรรยาของผมตั้งครรภ์อยู่ ถ้าหากว่าวิ่งสามขาล่ะก็ จะหกล้มได้ง่าย”

เมื่อวาจานี้ถูกเอ่ยออกมา นัยน์ตาของมายมิ้นท์ก็หดวูบและรู้สึกตกตะลึง “คุณ…”

เปปเปอร์ที่เข้าใจร่องรอยดึงแขนของเธอเอาไว้ ส่งสัญญาณไม่ให้เธอพูด

มายมิ้นท์รู้สึกตัวขึ้นมาทันที ข่มความประหลาดใจเอาไว้และกลืนคำพูดกลับลงไป

ผู้จัดการไม่เห็นความเคลื่อนไหวเล็กๆน้อยๆระหว่างทั้งสองคน จึงตอบกลับอย่างเข้าใจว่า “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง อย่างนั้นต้องขอแสดงความยินดีกับคุณผู้ชายและคุณผู้หญิงด้วยนะครับ”

“ขอบคุณครับ” เปปเปอร์ตอบกลับประโยคหนึ่ง

ผู้จัดการพยักหน้า “ในเมื่อคุณผู้หญิงท่านนี้ตั้งครรภ์ วิ่งสามขานั้นไม่เหมาะจริงๆ เช่นนั้นก็ทำตามที่คุณผู้ชายบอก เปลี่ยนเป็นเดินสามขาแล้วกัน เวลาก็เพิ่มเป็นห้านาที เป็นอย่างไรครับ”

“ได้ครับ” เปปเปอร์พยักหน้า

ผู้จัดการนำเชือกสีแดงที่เหลือเดินไปทางครอบครัวหมายเลข 1

เกมส์ในรอบก่อนหน้านี้ คุณพ่อของครอบครัวที่สามแบกภรรยาไว้บนหลังไม่ไหว จึงพ่ายแพ้ให้แก่ครอบครัวหมายเลข 1 อย่างน่าอนาถ

ดังนั้นผู้แข่งขันที่เข้ารอบสุดท้าย ก็คือหมายเลข 5 ของมายมิ้นท์และหมายเลข 1

ผู้จัดการเดินจากไปไกลแล้ว มายมิ้นท์ก็จิกฝ่ามือ และเอ่ยสิ่งที่จะถามเมื่อครู่นี้ออกมาอีกครั้ง “คุณรู้ได้อย่างไรว่าฉันตั้งครรภ์”

เธอบอกเพียงแค่ลาเต้กับทามทอย กระทั่งราเม็งก็ไม่ได้บอก

เปปเปอร์หลุบตาลง อำพรางความประหลาดใจในแววตา เอ่ยปากตอบว่า “ทามทอยเอ่ยขึ้นอย่างไม่ได้ระวัง”

“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้” มายมิ้นท์เบ้ปากอย่างวางใจ “เขาเป็นพวกเก็บความลับไม่อยู่ มีเรื่องอะไรล้วนบอกคุณหมด”

เปปเปอร์เบนสายตาไปอีกด้าน โดยไม่ได้เอ่ยพูดอะไร

มายมิ้นท์นวดหว่างคิ้ว ไม่ได้ค้นพบว่าเขากำลังร้อนตัว “แต่ว่าก็ต้องขอบคุณคุณที่คิดเผื่อฉันเมื่อครู่นี้”

“ไม่เป็นไร” ริมฝีปากบางของเปปเปอร์แย้มรอยยิ้มบางๆ

หลังจากนั้น เขาก็กำมือ และเอ่ยถามขึ้นกะทันหันว่า “เด็กคนนี้ คุณตั้งใจไม่เก็บไว้จริงๆหรือ”

มายมิ้นท์ขมวดคิ้วเป็นปมแน่น “กระทั่งเรื่องนี้ทามทอยก็บอกคุณ?”

“อืม” เปปเปอร์พยักหน้า

“เจ้าหมอนั่น” มายมิ้นท์โมโหจนพึมพำออกมา ถึงได้ตอบคำถามของเขา “ไม่ผิด ฉันไม่คิดจะเก็บเอาไว้”