ตอนที่ 695 ผู้รีดเร้นศักยภาพแท้จริง
ช่วงบ่าย ฉินหยุนและคณะได้พักฟื้นจนเพียงพอแล้ว เวลานี้พวกเขา
พร้อมสำหรับการต่อสู้รอบถัดไป
เจี้ยนหนันหู่ไม่คิดแปลกใจที่ได้เห็นสี่คนสุดท้ายตอนนี้ เพียงแต่รู้สึก
อยู่บ้างว่าเจี้ยนรั่วหยานออกจะแข็งแกร่งกว่าที่คาด เพราะนางสามารถ
เข้าถึงรอบสี่คนสุดท้ายได้
บรรดาผู้อาวุโสของสำนักอื่นยังไม่จากไป พวกเขาคิดรอรับชมว่า
ผู้ใดจะเข้ารอบตัดสิน
สองคนที่เข้ารอบตัดสิน ขั้วอำนาจเบื้องหลังจะได้รับต้นกำเนิดเซียน
ตอนนี้ศิษย์สองคนจากนครเซียนยุทธภัณฑ์ได้ผ่านเข้ารอบสี่คนสุดท้าย
ผู้คนของหลายฝ่ายต่างกังวล ว่าฉินหยุนและเจี้ยนรั่วหยานจะได้เข้าสู่
รอบสุดท้าย ทำให้นครเซียนยุทธภัณฑ์ได้รับต้นกำเนิดเซียนเพิ่มมาก
ขึ้นยิ่งไปอีก
เจี้ยนรั่วหยานทราบดี ว่าคู่ต่อสู้คนถัดจากนี้ย่อมต้องเป็นเชี่ยวเย่ว์หลาน
เพราะเจี้ยนหนันหู่ย่อมต้องเป็นคู่ต่อสู้ของฉินหยุน
“พี่หยุน แม้ข้าสู้กับภรรยาท่าน ข้าก็ไม่คิดออมมือแต่อย่างใด!” เจี้ยน
รั่วหยานส่งเสียงบอกฉินหยุน
“ได้ ทางที่ดีเอาชนะนางเสีย เช่นนั้น นครเซียนยุทธภัณฑ์ของพวกเรา
จะได้ต้นกำเนิดเซียนเพิ่มมากขึ้น!” ฉินหยุนยิ้มกล่าว เขาไม่เป็นกังวล
ห่วงหาทางด้านเชี่ยวเย่ว์หลานแม้แต่น้อย
เชี่ยวเย่ว์หลานเองก็ส่งเสียงสื่อสารมายังฉินหยุน นางยิ้มกล่าวคำ “เสี่ยว
หยุน ให้ข้าสู้กับน้องหยานของเจ้า วางใจ ข้าไม่ได้คิดทำร้ายนาง!”
เจี้ยนหนันหู่เกิดความร้อนรนภายใน เขาก้าวเดินขึ้นไปคว้าไข่มุก เป็น
เขาคิดอยากต่อสู้กับฉินหยุนอย่างจริงจัง
หากเขาพลาดไม่อาจได้ประลองกับฉินหยุน เช่นนั้นก็ไม่รู้อีกแล้วว่า
จะมีโอกาสได้ลบล้างความอับอายจากครั้งก่อนเมื่อใด
เจี้ยนหนันหู่ก้าวเดินไปคว้าไข่มุกลำดับที่สองขึ้นมา
จากนั้นจึงเป็นเจี้ยนรั่วหยานขึ้นไป
เจี้ยนรั่วหยานได้ลำดับที่หนึ่ง!
เรื่องนี้ทำเอาเจี้ยนหนันหู่โล่งอก เช่นนี้เขาก็ไม่ต้องต่อสู้กับเจี้ยนรั่ว
หยาน
เชี่ยวเย่ว์หลานได้ไข่มุกลำดับที่หนึ่ง นี่ยิ่งทำให้เจี้ยนหนันหู่วางใจได้
แล้ว
ฉินหยุนขึ้นเป็นคนสุดท้าย ไข่มุกย่อมเหลือเพียงหนึ่งเดียวให้เขาได้
คว้าจับขึ้นมา
ถัดจากนี้ ศึกรอบแรกระหว่างเชี่ยวเย่ว์หลานและเจี้ยนรั่วหยานกำลัง
จะเริ่ม เจี้ยนหนันหู่และฉินหยุนคือคู่ประลองที่สอง ถัดจากนั้นจึง
เป็นรอบตัดสิน
ครั้งก่อนหน้า เจี้ยนรั่วหยานได้ปะทะกับศิษย์หญิงของนครจันทรา
อัคคี คู่ต่อสู้ครั้งนี้ของนางก็เป็นสตรี กระนั้นกลับเป็นผู้ที่แข็งแกร่ง
ที่สุด
เกาะจันทราปีศาจมั่นใจเป็นอย่างยิ่งต่อกำลังของเชี่ยวเย่ว์หลาน พวก
นางเพียงรับชมเงียบงัน
เจี้ยนรั่วหยานสวมใส่ชุดรัดรูปสีคราม รูปร่างของนางค่อนข้างดี ด้วย
ร่องรอยปรากฏเป็นโฉมงามเย็นชา ยิ่งเป็นการขับเน้นให้นางงดงาม
เชี่ยวเย่ว์หลานสวมใส่ชุดขาว ใบหน้ายังคงมีผ้าคลุมบดบัง นางและ
เจี้ยนรั่วหยานต่างคล้ายคลึงกัน เป็นภูเขาน้ำแข็งที่อัดแน่นด้วยจิต
สังหาร ที่แตกต่างระหว่างนางและเจี้ยนรั่วหยาน คือนางค่อนข้าง
เงียบและงดงาม นำพามาซึ่งบรรยากาศของความเป็นเซียน ทำให้
ผู้คนรู้สึกว่านางคือเซียนจากดวงจันทรา
“เจี้ยนรั่วหยาน ข้าจำได้ว่าก่อนหน้านี้ ศิษย์ของตำหนักเซียนดาบ
กล่าวว่าหากมีผู้ใดเอาชนะเจ้าได้ เจ้าจะตบแต่งกับผู้นั้น นั่นเป็นคำ
กล่าวของบิดาเจ้า ถูกต้องหรือไม่?” เชี่ยวเย่ว์หลานยิ้มเอ่ยถาม
เจี้ยนรั่วหยานถึงกับเหม่อไปวูบ นางไม่ทราบว่าเชี่ยวเย่ว์หลานวางแผน
อันใดอยู่ นางกล่าว “ถูกต้องแล้ว ตราบเท่าที่เอาชนะข้าในงานประลอง
ยุทธ์นี้ บิดาข้าสัญญาจะตบแต่งข้าออกให้แก่คนผู้นั้น!”
“แล้วหากข้าเอาชนะเจ้าเล่า? เจ้าจะแต่งกับข้าหรือ?” เชี่ยวเย่ว์หลาน
เอ่ยถาม
คำกล่าวของนาง ทำเอาเกิดความฮือฮาครั้งใหญ่!
ศิษย์หญิงของเกาะจันทราปีศาจถึงขั้นอยากแต่งงานกับเจี้ยนรั่วหยาน
นี่เกินความนึกคิดของผู้ใดแล้ว
ฉินหยุนเองยังต้องอึ้ง
หลิงหยุนเอ๋อหัวเราะกล่าว “เสี่ยวหยุน เย่ว์หลานถึงกับคึกคักยิ่งกว่า
เจ้า! ตัวเจ้านั้น… หันมองกลับที่ตนเองเสียบ้าง! มีโอกาสไม่รู้จักให้
ฉกฉวย น้องหยานของเจ้าจะถูกชิงตัวไปแล้ว!”
“นี่… มันเรื่องบ้าอะไร?” ฉินหยุนกลายเป็นรู้สึกปวดเศียรเวียนเกล้า
ขึ้นมา
เจี้ยนรั่วหยานยืนนิ่งตะลึงงันกลางลานประลอง
“รั่วหยาน บิดาเจ้าย่อมต้องรักษาคำพูด และเจ้าก็คงไม่ขัดคำสั่งบิดา
เช่นนั้น ตราบเท่าที่ข้าเอาชนะเจ้าได้ เช่นนั้นก็แต่งกับข้าเสีย!” เชี่ยว
เย่ว์หลานหัวเราะกล่าว
เจี้ยนสือเทียนกระแอมไอจากด้านข้างกล่าวคำ “แม่นางเชี่ยวเย่ว์หลาน
หากเจ้าต้องการตบแต่งธิดาตระกูลเจี้ยนของข้า เช่นนั้นก็ต้องมีสินสอด
เจ้าคิดมอบอันใดแก่ตระกูลเจี้ยนของเรากัน?”
“ท่านบรรพบุรุษ นางยังไม่ได้เอาชนะข้า!” เจี้ยนรั่วหยานตะโกนดัง
“เหตุใดท่านจึงกล่าวเช่นนั้น? เชื่อว่าข้าไม่อาจเอาชนะนางได้หรือ?”
เจี้ยนหนันหู่หัวเราะกล่าว “น้องหยาน หากเจ้าไม่อยากแต่งกับนาง…
เช่นนั้นก็มีแต่ต้องเอาชนะนาง เหอะเหอะเหอะ… บิดาของเจ้าช่างไม่
ยุติธรรมยิ่งนัก ทำเสมือนเจ้าเป็นสิ่งของวางขายในซุ้มข้างทางได้
เช่นนี้”
เจี้ยนรั่วหยานคือเทพธิดาของศิษย์ตระกูลเจี้ยนหลายต่อหลายคน หาก
สตรีเช่นเชี่ยวเย่ว์หลานแย่งชิงนางไป เช่นนั้นหัวใจพวกเขาคงต้อง
เฉาตายด้วยความนึกเสียดายเป็นล้นพ้นกันแล้ว
โดยเฉพาะกับซุนไท่ข่ายที่พ่ายแพ้แก่เจี้ยนรั่วหยานไปก่อนหน้า ใบหน้า
ของเขาเวลานี้ไม่ต่างอะไรกับสุนัขป่ วยไร้เจ้าของดูแล
เจี้ยนสือเทียนกล่าว “อย่างนั้นไว้พูดคุยกันหลังตัดสินผลได้แล้ว!”
ฉินหยุนเชื่อ ว่าเชี่ยวเย่ว์หลานมีเหตุผลที่ทำเช่นนี้ เขาคาดเดาว่าเชี่ยว
เย่ว์หลานคิดอยากดึงตัวเจี้ยนรั่วหยานให้เข้าร่วมเกาะจันทราปีศาจ
ก่อนหน้านี้ ฮูจิงเซียนยังบอกต่อเขาให้ช่วยส่งศิษย์หญิงที่เลิศล้ำได้
เข้าร่วมเกาะจันทราปีศาจ
เชี่ยวเย่ว์หลาน หลังเข้าร่วมเกาะจันทราปีศาจ ได้นำเอาศิษย์หญิง
หลายคนของตำหนักจันทราทมิฬไปเข้าร่วม
“เริ่ม!” เจี้ยนสือเทียนตะโกน
เชี่ยวเย่ว์หลานยืนนิ่งไร้การเคลื่อนไหวที่ตำแหน่งเดิม เจี้ยนรั่วหยาน
ปล่อยดาบต้นกำเนิด ในพริบตา นางเข้าถึงด้านข้างเชี่ยวเย่ว์หลาน
พร้อมทิ่มแทงไปหลายครั้ง
ด้วยเพราะเป็นงานประลองยุทธ์ เจี้ยนรั่วหยานจึงเอาจริง ทางหนึ่งก็
เพราะนางแข็งแกร่ง อีกทางหนึ่งก็เพราะนางต้องการเป็นฝ่ายที่เหนือ
กว่าเชี่ยวเย่ว์หลาน และอีกทางหนึ่ง เป็นนางต้องการได้ทราบถึงความ
แตกต่างระหว่างตัวนางและเชี่ยวเย่ว์หลาน
เจี้ยนรั่วหยานมาถึงพร้อมทิ่มแทงไปหลายสิบครั้ง ปลายดาบแต่ละ
ครั้งโดนเชี่ยวเย่ว์หลานอย่างไม่พลาดเป้า
กระนั้น ร่างเชี่ยวเย่ว์หลานซึ่งถูกทิ่มแทงกลับไม่มีเลือดไหลออกมา
เพราะนั่นไม่ใช่เชี่ยวเย่ว์หลาน แต่เป็นภาพมายา!
เชี่ยวเย่ว์หลานตัวจริงได้ปรากฏที่ด้านหลังเจี้ยนรั่วหยาน มือขาวนวล
ของนางสัมผัสเบาที่ไหล่เจี้ยนรั่วหยาน มันมาพร้อมพลังประหลาด!
เจี้ยนรั่วหยานหันกลับ ดาบของนางเสียดแทงออก กระนั้นฝ่ามือของ
เชี่ยวเย่ว์หลานก็ต้านรับไว้ได้
พร้อมกันนี้ เจี้ยนรั่วหยานพลันรู้สึกว่าไหล่ของตนคล้ายเย็นเยือกไร้
ความรู้สึก เป็นผลให้นางไม่อาจประเมินแรงที่ต้องใช้ยามกวัดแกว่ง
ดาบ
เชี่ยวเย่ว์หลานเคลื่อนไหวห่างออกไปด้วยท่วงท่าประหลาดยิ่ง จริง
หรือหลอก เรื่องนี้ยากบอกกล่าวแล้ว นางมักจะเข้ามาพร้อมสองร่าง
หนึ่งจริง หนึ่งหลอก และยังคล้ายสับเปลี่ยนระหว่างทั้งสองได้ดังใจ
นึก เป็นเรื่องยากจะแยกแยะได้ว่าผู้ใดคือตัวจริง
เจี้ยนรั่วหยานควบคุมดาบเจตจิตสีขาว จ้วงแทงใส่เชี่ยวเย่ว์หลานจาก
ทางด้านหลัง
กระนั้น ดาบเจตจิตกลับแทงทะลวงผ่านและหยุดชะงัก
เป็นเชี่ยวเย่ว์หลานใช้พลังจิตควบคุมมันแทน!
ตอนนี้ เจี้ยนรั่วหยานค่อยได้ทราบว่าพลังจิตของเชี่ยวเย่ว์หลานเลิศล้ำ!
เชี่ยวเย่ว์หลานกล่าวได้ว่าลงมือนุ่มนวลต่อเจี้ยนรั่วหยาน นางไม่แม้แต่
โจมตีอันใดรุนแรง
เจี้ยนรั่วหยานกลับกลายเป็นปวดศีรษะ เพราะไม่เพียงแต่เชี่ยวเย่ว์
หลานเก่งกาจ แต่นางกลับมีเล่ห์กลแปลกประหลาดนับร้อยเอาไว้ใช้
สะกดข่มคู่ต่อสู้
เจี้ยนรั่วหยานกัดฟันแน่น ใช้งานวิชาดาบสวรรค์ออกมา ไม่ว่าจะทั้ง
ความเร็วหรือพละกำลัง เป็นนางรีดเร้นออกจนถึงที่สุด วิชาดาบอัน
วิจิตรงดงามนี้ส่งผลให้บรรดาศิษย์ตำหนักเซียนดาบที่ยืนรับชมต่าง
ส่งเสียงโห่ร้อง
กระทั่งเจี้ยนหนันหู่ยังต้องกล่าวชื่นชม
เชี่ยวเย่ว์หลานก็ยังสามารถหลบได้!
แม้วิชาดาบของเจี้ยนรั่วหยานเลิศล้ำ กระนั้นเคล็ดวิชาตัวเบาของ
เชี่ยวเย่ว์หลานยิ่งชวนสะพรึงกว่า นางสามารถหลบเลี่ยงทุกปลาย
ดาบที่โจมตีเข้าใส่ได้
“ขยับแขนไม่ได้ ใช่ไหม?” เชี่ยวเย่ว์หลานเอ่ยถาม
ก่อนหน้านี้ เจี้ยนรั่วหยานถูกสัมผัสที่ไหล่ด้านขวา จากนั้นทั้งแขน
ของนางจึงคล้ายถูกแช่แข็งเป็นอัมพาต ทำให้ยากแก่การควบคุม ราว
กับนางสูญเสียจิตสำนึกที่แขนไป
ตอนนี้ นางทำได้เพียงแค่ใช้มือซ้ายเพื่อกวัดแกว่งดาบโจมตี
“เชี่ยวเย่ว์หลานผู้นี้แปลกประหลาดไม่ต่างอะไรกับฉินหยุน!” เจี้ยน
หนันหู่อุทานเบา
เจี้ยนรั่วหยานคิดเห็นไม่ต่างกัน นางรู้สึกว่าสามีและภรรยาคู่นี้เป็นคู่
ที่เหมาะสมกันเหลือเชื่อ ทั้งสองต่างเชี่ยวชาญเคล็ดวิชาประหลาด
พร้อมเล่ห์กลให้ใช้งาน
เจี้ยนรั่วหยานพยายามคิดโจมตีเชี่ยวเย่ว์หลาน กระนั้นก็ไม่อาจโจมตี
ได้ เชี่ยวเย่ว์หลานหลบเลี่ยงในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานได้ตลอด
ความสามารถในการหลบเลี่ยงของนาง กล่าวได้ว่าสูงล้ำมากจนเกินไป
“สำเร็จ!”
เจี้ยนรั่วหยานพลันเสียดแทงดาบใส่หัวไหล่ของเชี่ยวเย่ว์หลาน ทว่า
มันกลับไม่มีเลือดหลั่งออก
ผู้คนต่างระเบิดเสียงฮือฮา!
เพราะเชี่ยวเย่ว์หลานซึ่งถูกเจี้ยนรั่วหยานทิ่มแทง กลับกลายเป็นตัว
ปลอม เป็นเพียงภาพมายา!
เชี่ยวเย่ว์หลานตัวจริง ขณะนี้ได้ปรากฏด้านหลังเจี้ยนรั่วหยานอีกครั้ง
ไหล่ซ้ายของเจี้ยนรั่วหยานถูกสัมผัสเบา!
“นี่เมื่อครู่เป็นข้าสู้กับภาพมายางั้นหรือ?” เจี้ยนรั่วหยานหันกลับ ด้วย
ทั้งแขนมีอาการเริ่มเหน็บชา นางพลันทิ่มแทงใส่เชี่ยวเย่ว์หลานอีกครั้ง
“นี่เองก็ภาพมายา!” เชี่ยวเย่ว์หลานตอบ
ผู้คนต่างอึ้งทึ่ง!
นั่นหมายความถึง เชี่ยวเย่ว์หลานตัวจริงไม่ได้ปรากฏตัวบนลาน
ประลอง!
ที่พวกเขาตื่นตะลึงที่สุด คือเชี่ยวเย่ว์หลานสามารถใช้ภาพมายา ปลด
ปล่อยพลังประหลาดทำให้แขนของเจี้ยนรั่วหยานเป็นอัมพาตได้
เจี้ยนหนันหู่ขมวดคิ้ว “เชี่ยวเย่ว์หลานผู้นี้ประหลาดเกินไปแล้ว!”
ฉินหยุนรับชมมาโดยตลอด กระนั้นเขาไม่เผยความหวาดเกรงใด เขา
ทราบว่าเชี่ยวเย่ว์หลานบนลานประลองยุทธ์ เป็นนางใช้พลังของ
วิญญาณยุทธ์โปร่งแสง ทำให้ตัวนางโปร่งแสงได้
สำหรับทางด้านผู้อาวุโสหลายคน พวกเขาต่างไม่ทราบว่าเชี่ยวเย่ว์
หลานทำอย่างนี้ได้อย่างไร
แขนของเจี้ยนรั่วหยานไม่อาจยกขึ้นได้อีก นางจึงใช้ได้เพียงแต่ขา
เพื่อโจมตี
นางรับรู้ได้ ว่าความแข็งแกร่งของตนเองอ่อนด้อยกว่าเชี่ยวเย่ว์หลาน
อย่างมหาศาล นับตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงตอนนี้ เชี่ยวเย่ว์หลานไม่เคย
โจมตีนางด้วยแรงที่เจตนาคิดทำร้ายมาก่อน
“ข้าสู้ต่อไม่ได้แล้ว ขอยอมแพ้!” เจี้ยนรั่วหยานหยุดลงและตะโกน
“เจ้าพ่ายแพ้ต่อข้า เช่นนี้จงแต่งงานกับข้า!” เชี่ยวเย่ว์หลานหัวเราะกล่าว
“ตามข้ากลับไปยังเกาะจันทราปีศาจด้วย!”
“ข้า… ข้าไม่ตามไป! ข้ายังอยากอยู่ที่นครเซียนยุทธภัณฑ์!” เจี้ยนรั่ว
หยานกล่าว
“เจ้าไม่อาจกลับคำของบิดาเจ้า!” เชี่ยวเย่ว์หลานกล่าว
ฉินหยุนคาดเดาถูกต้อง เชี่ยวเย่ว์หลานคิดดึงตัวเจี้ยนรั่วหยาน
ใบหน้าของเปาเฉิงโฉ่วเผยอาการย่ำแย่ เพราะเจี้ยนรั่วหยานถือเป็น
ศิษย์ที่เลิศล้ำ
“แม้ข้าแต่งกับเจ้า ข้าก็ไม่มีเหตุจำเป็นต้องตามกลับไปยังเกาะจันทรา
ปีศาจ” เจี้ยนรั่วหยานกล่าวเสียงเบา นางเองก็ทราบ ว่าเหตุใดเชี่ยวเย่ว์
หลานคิดแต่งกับนางเช่นนี้
“ก็ได้ เช่นนั้นเจ้าถือเป็นของข้า ภายหน้าอย่าได้ตบแต่งกับผู้อื่นอีก!”
เชี่ยวเย่ว์หลานก้าวเดินไป ลูบสัมผัสใบหน้าเจี้ยนรั่วหยานเบามือ
จากนั้นจึงค่อยลงจากลานประลองยุทธ์
เจี้ยนรั่วหยานพลันได้คิด ว่าเช่นนี้ไม่แย่ อย่างน้อย นางก็ไม่ต้องถูก
บังคับให้แต่งงานออกในภายหน้าตามที่บิดาคิดสั่ง
นางค่อยรู้สึกตอนนี้ ว่าเชี่ยวเย่ว์หลานได้ช่วยเหลือนางในทางลับ
เจี้ยนสือเทียนกลับกลายเป็นอึ้ง เขาเพียงแค่คิดว่าเชี่ยวเย่ว์หลานเอ่ย
เป็นเรื่องขำขันเท่านั้นเอง
เจี้ยนรั่วหยานเดินลงจากลานประลอง เชี่ยวเย่ว์หลานจึงเข้ามาช่วย
ถอนพลังอัมพาตที่แขนให้
ฉินหยุนและเจี้ยนหนันหู่ต่างเดินขึ้นลานประลอง
นี่เป็นศึกที่ทุกคนต่างรอคอย!
ตอนนี้ ได้รับการยืนยันแล้วว่าเชี่ยวเย่ว์หลานจะเข้าสู่รอบสุดท้าย
หมายความถึงนางอย่างไรก็ได้รับต้นกำเนิดเซียน
และศึกถัดจากนี้ คือรอบตัดสินว่าผู้ใดจะเป็นคู่ต่อสู้แก่เชี่ยวเย่ว์หลาน
ในรอบชิง!
เจี้ยนหนันหู่รู้สึกว่าตราบเท่าที่เอาชนะฉินหยุนก็พอแล้ว แม้ว่าภาย
หน้าไม่อาจเอาชนะเชี่ยวเย่ว์หลาน อย่างไรเขาก็ได้รับต้นกำเนิดเซียน