หลังจากได้ดื่มน้ำและพักครู่หนึ่ง เหล่ยเซอก็ฟื้นตัวเรียบร้อย ความตื่นตระหนกและกังวลเริ่มสลายลง เขานิ่วหน้ามองชูฮันก่อนจะรายงานออกมา “ทีมลาดตระเวนพบฝูงซอมบี้ขนาดใหญ่อยู่ห่างออกไป 5 กิโลเมตร พวกมันกำลังพุ่งมาด้วยความเร็วสูงมุ่งหน้ามาทางพวกเรา และจำนวนของพวกมันนั้นคาดว่าน่าจะเกิน 10,000 ตัวครับ”

 

ชูฮันจ้องตากับเหล่ยเซอด้วยสายตายนิ่งลึก เขารอให้เหล่ยเซออธิบายต่อให้จบอย่างเงียบๆ เขารู้จิตวิญญาณของเหล่ยเซอดี ถ้ามันแค่ซอมบี้ 10,000 ตัว เหล่ยเซอไม่มีทางที่จะมีอาการวิตกมากขนาดก่อนหน้านี้อย่างเด็ดขาด

 

แน่นอนว่าสีหน้าที่เหล่ยเซอแสดงออกมานั้นแสดงให้เห็นถึงร่องรอยของความกลัว เหล่ยเซอพูดต่อ “ผมให้ทีมลาดตระเวรรออยู่ที่เดิมเพื่อนับจำนวนซอมบี้ให้แน่ชัด และผมก็อาศัยความเร็วที่มีรีบมุ่งหน้าเพื่อมารายงานสถานการณ์ให้ทุกคนทราบก่อน แต่แล้วระหว่างทางผมก็ได้เจอซอมบี้มากกว่าที่คิด จู่ๆมันก็มีบางอย่างผิดปกติ ผมพบซอมบี้อีกฝูง 10,000 ตัว อยู่ห่างจากจุดก่อนหน้านี้ไป 10 กิโลเมตร เช่นเดียวกับฝูงของลูกผสมจำนวนมากครับ!”

 

มีแสงเย็นๆฉายวาบขึ้นในนัยน์ตาของชูฮัน…ฝูงลูกผสมจำนวนมาก?

 

“จำนวนเจาะจงของพวกลูกผสมคือเท่าไหร่?” น้ำเสียงเย็นชาของชูฮันดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ

 

“มากกว่าสองร้อยตัวครับ ผมไม่สามารถระบุเลขเจาะจงได้เพราะผมอยู่ห่าง เนื่องจากมันอันตรายอย่างมาก ผมไม่สามารถเข้าไปใกล้กว่านี้ได้” เมื่อเหล่ยเซอพูดจบ เขาก็เงยหน้าสบตากับชูฮัน เขารู้ว่ารายงานแค่นี้จากทีมลาดตระเวนนั้นยังไม่เพียงพอ และแน่นอนว่ามันไม่มีข้อมูลมากพอที่จะให้ชูฮันได้ตอบโต้

 

แต่สิ่งที่เหล่ยเซอไม่คิดก็คือ การที่ชูฮันเงียบผิดปกติ แต่แล้วจู่ๆชูฮันก็พูดขึ้น  “นายทำดีแล้ว แม้ข้อมูลจะยังไม่สมบูรณ์มากพอ แต่มันก็มากพอให้เราได้มีเวลาตั้งรับและเตรียมตอบโต้บ้าง เหล่ยเซอครั้งนี้นายคงต้องทำงานหนักหน่อยนะ เพราะฉะนั้นทีมลาดตระเวนจะต้องระวังตัวกันอย่างมาก และคอยลาดตระเวนต่อไปขณะเตรียมล่าถอยไปด้วย และให้แน่ใจก่อนว่าสถานการณ์นั้นผ่านพ้นไปแล้ว”

 

“ครับท่าน” เหล่ยเซอจากไปทันทีพร้อมกับคำสั่งของชูฮันโดยไม่พักต่ออีกสักนาทีเดียว

 

เหล่ยเซอรู้ดีว่านี่ไม่ใช่เวลาของการฝึกฝนแล้ว แต่เป็นสงครามที่แท้จริงที่กำลังจะเริ่มต้น ครั้งนี้พวกเขาได้ประสบกับปัญหาใหญ่เข้าแล้ว ไม่มีใครสามารถหยุดพักท่ามกลางสถานการณ์ฉุกเฉินแบบนี้ได้ลง!

 

ทีมลาดตระเวนของเหล่ยเซอได้ก่อตั้งขึ้นจากการดึงคนมาจากหลายๆจุด ตอนแรกชูฮันเลือกคนที่เคลื่อนไหวรวดเร็วเข้ามาเพื่อทำหน้าที่ในการหลอกล่อศัตรู และต่อมาก็พัฒนาหน้าที่กลายเป็นหน่วยลาดตระเวนขึ้นมา มันเป็นเวลาประมาณสองเดือนก่อนที่ชูฮันตั้งแผนกนี้ขึ้นมา

 

แม้ทีมลาดตระเวรจะมีหน้าที่รับผิดชอบมากกว่าและการฝึกฝนที่มากขึ้นและเหนื่อยกว่าคนอื่นๆ แต่ด้วยเพราะกองทัพเขี้ยวหมาป่ามีจำนวนสมาชิกเพียงแค่สามร้อยคนเท่านั้น ชูฮันจึงไม่สามารถพลัดเปลี่ยนทีมได้ จึงมีเพียงแค่ทีมเดียวในการทำหน้าที่นี้

 

มันเป็นความเคารพและนับถือต่อกลุ่มคนที่เต็มใจอดทนทำงานหนัก พวกเขาจะเป็นฝ่ายที่ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูคนแรก จากนั้นก็รีบกลับมาบอกข้อมูลของศัตรูก่อนทันที

 

เพราะถ้าทีมลาดตระเวรกลับมาไม่ทัน ชูฮันและเหล่าทหารที่เหลือจะไม่รับรู้ถึงอันตรายที่กำลังจะมาถึงและไม่สามารถเตรียมตั้งรับได้ทัน

 

ถีดจากภูเขาลูกนี้ไปพวกเขาก็จะเข้าสู่เมืองอันลูแล้ว ที่ซึ่งเป็นที่ตั้งของค่ายเขี้ยวหมาป่าที่ตอนนี้ชูฮันได้ยกให้หยางเทียนและซางจิ่วตี้เป็นผู้ดูแลค่าย มันเป็นค่ายของเขาแต่แล้วกลับมีศัตรูปรากฏขึ้นในบริเวณรอบๆค่ายของเขาในเวลานี้ เห็นได้ชัดเลยว่านี่เป็นการเตรียมการณ์ล่วงหน้าไว้แล้ว

 

สำหรับเขาโดยเฉพาะ!

 

หลังจากเหล่ยเซอจากไป ชูฮันก็หันกลับมามองไปที่เหล่าทหารที่เหลือของกองทัพเขี้ยวหมาป่าที่พึ่งจัดการพื้นที่เสร็จเรียบร้อยพอดี ร่องรอยบนพื้นได้ถูกกลบและจัดการทำความสะอาดเรียบร้อยจนหมด เพราะความเร็วและความสามารถในการกำจัดร่องรอยและเบาะแสของตัวเองนั้นก็เป็นหนึ่งในการฝึกฝนของชูฮันเช่นกัน เนื่องจากทางค่ายซางจิงเองก็ส่งทีมสำรวจมาติดตามร่องรอยของพวกเขาอยู่เสมอ

 

ถึงจุดนี้ ทุกคนยืนรวมกันอย่างเป็นระเบียบ สายตาจับจ้องมาที่หัวหน้าของพวกเขา แววตาแต่ละคนมีทั้งตื่นเต้นและกังวลหลากหลายผสมกันไป แต่ที่มีเหมือนกันอย่างแน่นอนก็คือ ความเชื่อมั่นอย่างสุดใจต่อชูฮัน โดยเฉพาะตอนนี้ เมื่อจู่ๆมันมีสถานการณ์ฉุกเฉินปรากฏขึ้นมา ทุกต่างเข้าใจกันอย่างพร้อมเพรียงว่าสงครามกำลังมา

 

ชูฮันเองก็ไม่คิดเลยว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นตอนท้ายของการฝึกฝน ทุกคนมาถึงจุดหมายแต่แล้วจู่ๆมันกับมีสถานการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้น แถมสภาพแวดล้อมก็ยังแย่อีกด้วยเนื่องจากมันล้อมรอบไปด้วยภูเขา ไม่มีความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ให้พวกเขาได้ใช้ อีกฝ่ายปรากฏตัวขึ้นด้วยความประหลาดล้วนๆ…มันนานแค่ไหนแล้วนะที่เขาไม่ได้รู้สึกตึงเครียดมากขนาดนี้?

 

เมื่อมองไปที่ใบหน้าคุ้นเคยของทุกคนที่ก็กำลังมองมาที่เขาเหมือนกัน ทุกคนดูเป็นกังวลและตระหนกอย่างมาก ชูฮันจึงค่อยๆยกเท้าขึ้นออกก้าวเดินมาหยุดอยู่ข้างหน้าทุกคน กวาดตาสบสายตาเข้ากับทุกคน และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งและมั่นคงเหมือนเดิม “พวกคุณได้ยินกันแล้ว มีศัตรูกำลังมุ่งหน้ามาและเป็นศัตรูจำนวนมาก ครั้งนี้ไม่ใช่การฝึกฝน มันไม่ใช่สนามฝึกซ้อมที่ฉันเลือกให้พวกคุณหลังจากสำรวจรายละเอียดมาแล้ว แต่มันเป็นสนามรบจริง หลังภูเขาลูกนี้คือเมืองอันลู ที่ซึ่งมีค่ายเขี้ยวหมาป่าตั้งอยู่ ค่ายที่เรากำลังจะไปถึง ที่มีผู้รอดชีวิตมากมายและคนแข็งแกร่งและทรงพลังหลายคนอยู่ที่นั่น พร้อมกับวิวัฒนาการหลากหลายที่ได้รับการพัฒนา”

 

ชูฮันร่ายยาวอย่างใจเย็น มองไปที่ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสับสนของหลายคน จากนั้นก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง “จุดมุ่งหมายของศัตรูคือค่ายเขี้ยวหมาป่าที่อยู่ข้างหลังเรา ซึ่งพวกเราอยู่กั้นกลางระหว่างศัตรูและเป้าหมายของพวกมัน พวกคุณเองก็ทราบกันดีกว่าการฝึกซ้อมของเรายังไม่สิ้นสุดลงอย่างสมบูรณ์แบบ พวกคุณยังไม่ใช่นักรบที่แท้จริงที่พร้อมจะเผชิญกับสงครามจริง แม้แต่ทีมยิงปืนก็ยังพึ่งเริ่มต้นขึ้นเอง ถ้าเราต่อสู้ในสงครามครั้งนี้ แน่นอนว่ามันต้องมีผู้เสียชีวิตเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

 

ใบหน้าของทุกคนยิ่งสับสนหนักขึ้นเข้าไปอีก พวกเขาไม่รู้ว่าทำไมชูฮันถึงพูดแบบนี้ แต่ก็ไม่มีใครเอ่ยอะไรขึ้นมา ทุกคนรอคอยให้ชูฮันพูดต่อ

 

ชูฮันสูดหายใจลึกและยืดตัวตรง ยืนนิ่งต่อหน้ากลุ่มทหาร สีหน้านิ่งๆของเขาดูน่ากลัวสำหรับคนที่มอง “ตอนนี้เรามีสองทางเลือก”

 

ชูฮันพูดพร้อมกับยกนิ้วขึ้นมา “หนึ่ง…ถอยทัพกลับไปที่ค่ายเจียนอี๋เพื่อขอความช่วยเหลือ ด้วยการซ่อนเร้นการฝึกฝนระยะยาวของเราศัตรูจะไม่มีทางหาเราเจอ แน่นอนว่าเราจะปลอดภัย แต่—-“

 

จู่ๆน้ำเสียงของชูฮันก็เพิ่มระดับขึ้น มันเปลี่ยนเป็นความเย็นชา “แต่ศัตรูจะโกรธจัด พวกมันจะกลับไปที่เมืองอันลูแทนและโจมตีค่ายเขี้ยวหมาป่า และไล่ฆ่าคนของเรา ทำลายทุกอย่างของเราจนไม่เหลือ!”

 

สีหน้าของทุกคนพลันเปลี่ยนเป็นอึดอัดทันที ความอึดอัดและกดดันปรากฏบนแววตาของทุกคน

 

ชูฮันดึงสายตาของทุกคนมาที่เขาท่ามกลางความเงียบที่เต็มไปด้วยความกดดัน จากนั้นก็ยกนิ้วที่สองขึ้นมา “สอง…เราไม่ถอยทัพ แต่เราจะร่วมมือกันต่อสู้อย่างสุดกำลัง พวกมันมีซอมบี้ทั้งหมด 20,000 ตัว ด้วยการฝึกฝนที่ฉันมอบให้พวกคุณมาก่อนหน้านี้ ตราบใดที่พวกคุณไม่ประหม่าและมุ่งมั่นทำตามแผนปฏิบัติที่วางไว้ หลังจากเจอกับการหลอกล่อและกับดักทั้งหลายของเรา ศัตรูจะโดนทำให้กระจายตัวในภูเขา และจังหวะนั้นพวกคุณจะสามารถจัดการพวกมันที่กระจัดกระจายได้”

 

ชูฮันสูดลมหายใจเข้าลึกและพูดต่อ “แต่อันตรายที่แท้จริงคือจำนวนเผ่าพันธุ์ลูกผสมที่มีมากกว่า 200 ตัว ไม่แน่อาจมากถึง 300 ได้ ฉันไม่รู้เลย พวกคุณก็เคยเห็นลูกผสมกันมาแล้ว มันคือกลุ่มของพวกที่มีพลังรุนแรงและเหนือกว่าเรา เราไม่รู้ว่าพวกมันจะเดินเกมส์ยังไง ไม่ว่าพวกมันจะปรากฏตัวพร้อมกับฝูงซอมบี้ที่พวกมันควบคุมหรือซ่อนตัว เราก็ไม่อาจรู้ได้ เพราะเราไม่รู้จำนวนที่แน่ชัดของพวกมันด้วยซ้ำ มันจะมีลูกผสมพิเศษด้วยหรือเปล่า เราไม่รู้อะไรเลย”