DC บทที่ 262: ฆ่ามันทั้งหมด

 

“ป-โปรดรอชั่วครู่”

 

โหลวหลานจีเพิ่มเสียงของเธอด้วยความตื่นกลัว

 

“ทำไมท่านจึงต้องทำเกินไป ท่านจักมิได้อะไรไปนอกจากทำลายสถานที่เช่นพวกเรา”

 

ผู้อาวุโสวันส่ายหน้าและกล่าวว่า “เจ้าพูดถูกเราจักมิได้อะไรถึงแม้กระทั่งเราปล้นที่นี่ทั้งหมด อย่างไรก็ตามในฐานะผู้นำนิกาย เจ้าควรจะรู้เป็นอย่างดีว่ายุทธภพเป็นอย่างไร ถ้าเราปล่อยพวกเจ้าทิ้งไว้เช่นนี้ นั่นจักทำให้นิกายล้านอสรพิษดูเหมือนเป็นสถานที่ที่มีแต่คนขี้ขลาด และที่อื่นๆก็จักถือโอกาสเอาเปรียบในเรื่องนั้น”

 

โหลวหลานจีไม่สามารถปฏิเสธคำพูดของเขา ในยุทธภพ ไม่ว่าคนผู้นั้นจะแข็งแกร่งแค่ไหน ถ้ามีจุดอ่อนเพียงนิดเดียวให้เห็น นั่นก็จะถูกเอาเปรียบจากคนอื่น

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานที่ที่มีความสำคัญอย่างมากเช่นนิกายล้านอสรพิษ ที่มีทั้งตำแหน่งและอำนาจ ซึ่งมีผู้คนนอกนั้นที่ค้นหาจุดอ่อนเหล่านั้นทุกวันเพื่อหาทางเอาเปรียบพวกเขา

 

“และแม้ว่านี่อาจจะดูเหมือนสถานการณ์ที่สามารถซุกซ่อนไว้ เจ้ามิรู้หรอกว่าใครอาจจะเฝ้าดูอยู่…”

 

โหลวหลานจีเลิกล้มความหวังทั้งมวลหลังจากได้ยินคำพูดสุดท้ายของผู้อาวุโสวัน

 

“อย่างน้อยยอมให้ข้าแบกรับการลงโทษทั้งหมด ท่านสามารถทรมานข้าตามที่ต้องการหรือกระทั่งเอาชีวิตข้า เพียงแค่ปล่อยให้ศิษย์ของข้าไปจากที่นี่”

 

ดวงตาของผู้อาวุโสวันมีประกายความเย็นชาวาบขึ้น เขาพูดว่า “ช่างโชคร้าย การแสดงความเห็นใจต่อคนแบบพวกเจ้าก็ถือว่าเป็นสัญญาณของความอ่อนแอเช่นกัน”

 

จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นและตวัดลงไปเหมือนธง

 

“ฆ่าทุกสิ่งมีชีวิตในที่แห่งนี้ ข้าต้องการให้แม้กระทั่งลูกไก่ยังต้องตาย”

 

ผู้อาวุโสวันสั่ง

 

“ม-ไม่มีทาง…” โหลวหลานจีล้มลงไปนั่งคุกเข่าขณะที่กว่าสามสิบจอมยุทธตรงเข้าไปหาเธอด้วยท่าทางกระหายเลือด สีหน้าของเธอซีดเผือด ดูเหมือนว่าเลือดทุกหยดในร่างของเธอถูกสูบไป

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้ารอสิ่งนี้อยู่”

 

“นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย พวกเจ้าได้แต่โทษตัวเองที่พยายามจะเก็บวิญญาณพิทักษ์ไว้เป็นของตนเอง”

 

“อย่างไรก็ตามสิ่งที่ถือเป็นการล่วงละเมิดมากที่สุดก็คือเจ้าโกหกต่อนิกายล้านอสรพิษ”

 

จอมยุทธต่างพากันหัวเราะขณะที่กลิ่นอายความต้องการฆ่าฟ้นระเบิดออก

 

ขณะที่โหลวหลานจีล้มลงไปบนพื้นจากความกดดัน คลื่นพลังกระแสหนึ่งพลันกวาดผ่านสถานที่นั้น นำพาเสียงอันลึกล้ำที่ดูเหมือนว่าเป็นของพระเจ้า

 

“ผู้ “แข็งแกร่ง” ใช้ข้ออ้างข่มเหงผู้อ่อนแอ กี่ครั้งแล้วที่ข้าได้ประจักษ์กับฉากแบบนี้มาก่อนหน้านี้…”

 

ผู้อาวุโสวันขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงและเห็นริ้วคลื่น

 

“ใครอยู่ที่นั่น จงแสดงตนออกมา”

 

“แสดงตัวของข้ารึ เจ้าเป็นใครจึงมาสั่งข้า”

 

เสียงนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกของความมีอำนาจเหนือกว่าอย่างแท้จริงราวกับว่าเป็นเสียงของผู้ปกครองสถานที่

 

“เจ้ามิมีค่าพอที่จะมาอยู่ต่อหน้าข้า อย่าว่าแต่จะขอพบข้า เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกันวะ”

 

เสียงนั้นพลันระเบิดความโกรธออกมา ดุจดังฟ้าคำรามระหว่างพายุหนัก

 

ครั้นเมื่อเสียงนั้นเพิ่มความดัง ริ้วคลื่นก็เพิ่มขึ้นด้วย จนทำให้กลิ่นอายอันลึกล้ำน่าหวาดหวั่นปกคลุมไปทั่วนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย

 

เมื่อผู้อาวุโสวันและคนอื่นๆจากนิกายล้านอสรพิษรับรู้ถึงแรงกดดันนี้ ใบหน้าของพวกเขาพลันซีดเผือด เมื่อสุดท้ายพวกเขาตระหนักว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเสียงนี้เหนือกว่าที่ตนเองคาดคิดไว้มาก

 

สำหรับโหลวหลานจี เธอจ้องมองไปยังท้องฟ้าด้วยท่าทางตื่นตะลึง

 

“เสียงนี้…ผู้อาวุโสรึ”

 

ดวงตาของโหลวหลานจีเริ่มมีประกายความหวัง

 

“ก-เกิดอะไรขึ้น เสียงนี้เป็นใครกัน”

 

จอมยุทธนิกายล้านอสรพิษต่างพากันถอยกลับยังข้างตัวผู้อาวุโสวันทันที ท่าทางของพวกเขาเต็มไปด้วยความตระหนกและหวาดกลัว

 

“นรก ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่ามีตัวตนเช่นนี้ดำรงอยู่ในนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยด้วย”

 

ผู้อาวุโสวันรู้สึกอยากจะตะโกนร้องเสียงดัง

 

ถ้าจะกล่าวไปแล้ว เขาไม่เชื่อว่าคนเพียงคนเดียวจะสามารถสั่นคลอนนิกายล้านอสรพิษทั้งนิกายได้ ดังนั้นเขาจึงพูดขึ้นว่า “ข้ามิรู้ว่าท่านผู้อาวุโสท่านใดที่พูดอยู่ แต่พวกเรามาจากนิกายล้านอสรพิษจากแดนตะวันตก”

 

ผู้อาวุโสวันเชื่อว่าไม่มีทางที่ตัวตนอันทรงพลังนั้นจะไม่รู้จักนิกายล้านอสรพิษ

 

อย่างไรก็ตามเสียงนั้นเพียงแค่เย้ยหยันอย่างเยือกเย็นกับชื่อนั้น “เจ้าพยายามที่จะทำให้ข้ากลัวหรืออะไรประเภทนั้นกับสถานที่ที่เต็มไปด้วยมดเช่นเจ้านะรึ”

 

“ม-ม-มด… ท่านกล้าสบถใส่นิกายล้านอสรพิษรึ”

 

ผู้อาวุโสวันพึมพัมด้วยเสียงงงงัน

 

ไม่กี่วินาทีถัดไป ผู้อาวุโสวันก็ระเบิดความโกรธออกมา เขาตะโกนขึ้นไปบนท้องฟ้า

 

“ข้ามิสนใจว่าเจ้าเป็นใคร ความจริงที่เจ้ามิกล้าเสนอหน้าหมายความว่าเจ้ากลัวที่จะเผยตัวตนให้กับพวกเรา”

 

เขาพลันหันไปยังจอมยุทธที่อยู่ข้างกายและตะโกนว่า “อย่าไปสนใจเขา เขามิสามารถทำอะไรพวกเราได้ถ้าเขามิสามารถกระทั่งแสดงตัว ฆ่าทุกคนที่นี่และบีบเขาออกมาจากรูอะไรที่เขาซ่อนอยู่”

 

จอมยุทธรู้สึกลังเลในตอนแรก แต่เมื่อครั้นพวกเขานึกขึ้นได้ว่าพวกเขามีมากถึงสามสิบคนขณะที่อีกฝ่ายมีเพียงคนเดียว ความกระหายเลือดของพวกเขาก็ฟื้นคืนและเข้มข้นยิ่งกว่าเดิม

 

“เช่นนั้นรึ…ช่างน่าเสียดาย”

 

เสียงนั้นก้องดังขึ้นมาอีกครั้ง แต่คราวนี้กลับเปี่ยมไปด้วยความสงบนิ่ง ก่อนที่จะเงียบไป

 

ไม่นานนักหลังจากความเงียบ เสียงนั้นก็กลับมาอีกอย่างราบเรียบไร้อารมณ์

 

“ฆ่ามันให้หมด”

 

เสียงนั้นพูดเพียงสี่คำ แต่ยามเมื่อเสียงนั้นดังขึ้น บรรยากาศทั้งหมดพลันเปลี่ยนแปลง

 

จิตสังหารพลันครอบคลุมไปทั้งทั่วทั้งบริเวณนั้นในทันที พร้อมกับแรงกดดันอันทรงพลังที่ไม่มีคนไหนจากนิกายล้านอสรพิษได้ประสบมาก่อน

 

แรงกดดันนี้พลันทำให้จอมยุทธจากนิกายล้านอสรพิษพากันหยุดชะงัก อีกทั้งยังบีบพวกเขาให้ล้มลงบนพื้นจากแรงกดดันอันบ้าคลั่งที่ทะลักทะลวงเข้าใส่พวกเขาดุจขุนเขา

 

ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น ร่างเล็กๆก็ปรากฏให้เห็นจากเหนือเมฆบนฟ้า

 

นั่นเป็นเด็กหญิงที่สวยที่สุดด้วยรูปร่างกระทัดรัดและผมสีเงินดวงตาสีเงินประดุจเทพธิดาตัวจริงที่เสด็จลงมาจากสวรรค์

 

ความสวยของเธอพลันทำให้เหล่าจอมยุทธจากนิกายล้านอสรพิษพากันตะลึงงันจนทำให้พวกเขาลืมจุดประสงค์ของตนเอง เนื่องจากพวกเขาไม่เคยเห็นสิ่งมีชีวิตที่สวยงามไร้ที่ติเช่นนี้มาก่อน

 

“น-นั่นเป็นใคร”

 

กระทั่งโหลวหลานจีก็ยังตะลึงงันกับหน้าตาของเธอ