จ้าวเฟิง!
“เป็นความจริงท่านอาวุโส! เรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนกล่าวกับศิษย์ที่มาจากเมืองชงซันด้วยตัวเอง!”
ศิษย์ฝ่ายในคนนั้นพยักหน้ากล่าวย้ำ
“ดี! ดี! ดี!!”
หลิวฮ่วนถึงกับระเบิดคำดีออกมา 3 ครั้งติดโดยไม่สนใจศิษย์ฝ่ายใน ค่อยกล่าวสืบต่อ “เจ้าไปลอบติดตามความเคลื่อนไหวต้วนหลิงเทียนเอาไว้ แล้วรีบมารายงานข้าทันทีหากมีใดเปลี่ยนแปลง!”
“ได้”
ถึงแม้ศิษย์ฝ่ายในคนนี้จะไม่ใช่ศิษย์ของหลิวฮ่วน แต่มันก็จงรักภัคดีกับหลิวฮ่วนไม่น้อย เพราะมันเป็นคนที่หลิวฮ่วนชุบเลี้ยงไว้ใช้งาน
ด้วยศิษย์พวกนี้ ทำให้หลิวฮ่วนได้รับทราบความเป็นไปของศิษย์ทั้งหลายในฝ่ายในอยู่เสมอ
ต้วนหลิงเทียนคิดเดินทางออกจากสำนักกลับบ้านเกิดเพียงลำพัง..!
“หากมันไปคนเดียว ก็นับว่าเป็นโอกาสทองของข้า…”
หลิวฮ่วนกล่าวพึมพำ ลูกตาทอแสงสว่างโรจน์!
“ท่านผู้อาวุโสหลิวฮ่วน”
ตอนนี้เองคนศิษย์รับใช้อีกคนของหลิวฮ่วนก็เร่งรุดเข้ามารายงาน “ท่านผู้อาวุโสจ้าวเฟิงออกจากการปิดด่านบ่มเพาะแล้วขอรับ!”
อาวุโสจ้าวเฟิง!
หลังได้ยินคำรายงานของศิษย์ฝ่ายในคนนี้สองตาหลิวฮ่วนทอประกายวูบวาบขึ้นมาอีกครั้งทันที มันไล่ศิษย์ฝ่ายในคนนั้นให้ออกไป ค่อยเผยรอยยิ้มแสยะ “อาวุโสจ้าวเฟิงกลับออกมาได้พอเหมาะพอเจาะนัก…หรือสวรรค์จักเป็นใจให้ข้าฆ่าต้วนหลิงเทียนแล้วจริงๆ!”
จ้าวเฟิงนั้นเป็นอาวุโสฝ่ายในคนหนึ่งของสำนักจันทร์จรัสแสง
อย่างไรก็ตามหากเทียบกับมันแล้ว อาวุโสจ้าวเฟิงยังแข็งแกร่งกว่ามันมาก!
พลังฝีมือของอาวุโสจ้าวเฟิงนั้น ติด 1 ใน 3 ของอาวุโสฝ่ายในที่แข็งแกร่งที่สุด!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตอนนี้อีกฝ่ายออกจากการปิดด่านบ่มเพาะมา มิพ้นต้องบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนแล้วแน่แท้!
ถึงจะไม่บรรลุถึงขอบเขตดังกล่าว แต่พลังฝีมือก็ต้องก้าวหน้าขึ้นไม่เบา!
นอกจากอาวุโสฝ่ายในแล้วจ้าวเฟิงยังมีอีกฐานะหนึ่ง!
มันเป็นอาจารย์ของศิษย์ฝ่ายนอก เฝิงฟ่าน ผู้ที่เคยอยู่ในอันดับ 99 ของรายนามปฐพี!
เฝิงฟ่านนั้นด้วยวาจายุยงของโจวฉี ทำให้อีกฝ่ายส่งสารท้าประลองเป็นตายถึงต้วนหลิงเทียน สุดท้ายก็ตกตายคามือต้วนหลิงเทียนในการประลอง!
อย่างไรก็ตามเพราะโจวฉีตกตายไป เรื่องนี้จึงกลายเป็นเรื่องราวลึกลับยากที่ใครจะล่วงรู้
ทว่าการที่เฝิงฟ่านตกตายด้วยน้ำมือของต้วนหลิงเทียนก็เป็นความจริงที่ไม่อาจหลบเลี่ยง!
และก็เป็นความจริงที่ไม่อาจโต้แย้ง เรื่องที่เฝิงฟ่านเป็นศิษย์รักของอาวุโสจ้าวเฟิง!
ดังนั้นหลังจากที่หลิวฮ่วนรู้ว่าจ้าวเฟิงออกจากการปิดด่าน มันก็รีบไปหาอีกฝ่ายทันที
“ขอแสดงความยินดีด้วยอาวุโสจ้าวเฟิง…ครั้งนี้ท่านคงก้าวหน้าขึ้นมิน้อยใช่หรือไม่?”
หลิวฮ่วนที่มาถึงคฤหาสน์ของอาวุโสจ้าวเฟิง ก็เร่งรุดเข้ามาแสดงความยินดีอย่างกระตือรือร้น
จ้าวเฟิงนั้นเป็นชายชราที่ใบหน้ายังแลดูอ่อนวัย ผมขาวแก้มแดง กลิ่นอายทั่วกายแลดูไม่ธรรมดา
อย่างไรก็ตามเทียบกับอาการกระตือรือร้นของหลิวฮ่วน อาวุโสจ้าวเฟิงกลับสงบกว่ามาก ทีท่าเย็นชาห่างเหินพาลให้ผู้คนอยากออกห่างนับพันลี้ “อาวุโสหลิวฮ่วน เร่งรุดมาหาข้าทันทีที่ออกด่านแบบนี้…ข่าวสารท่านนับว่าไม่เลวเลย”
“มิกล้าๆ”
หลังจากได้ยินคำนี้ของจ้าวเฟิง หลิวฮ่วนก็ค่อยๆลดสีหน้ายินดีเป็นเคร่งขรึม สุดท้ายค่อยกล่าวด้วยความทอดถอนใจ “อาวุโสจ้าวเฟิงข้ามิได้มาหาท่านก็นับเป็นปีได้แล้ว…แต่ที่ข้ามาคราวนี้เพราะข้ามิอาจไม่มา”
“หืม? เจ้ามีธุระอะไรกับข้างั้นหรือ?”
จ้าวเฟิงมองถามหลิวฮ่วน แม้น้ำเสียงจะยังคงเรียบเฉย แต่เผยให้เห็นความสนใจใคร่รู้ไม่น้อย
“อาวุโสจ้าวเฟิงท่านพึ่งออกจากการปิดด่าน…คงยังมิทราบเรื่องที่เฝิงฟ่านถูกผู้คนสังหารตกตายแล้วใช่หรือไม่?”
หลิวฮ่วนกล่าว ค่อยระบายลมหายใจออกมาอีกรอบ
“เจ้าว่าอะไร?!”
วาจานี้ของหลิวฮ่วนทำให้สีหน้าท่าทางจ้าวเฟิงเปลี่ยนไปทันใดไม่อาจคงความสงบอยู่ได้ “เจ้าบอกว่า…เฝิงฟ่านถูกฆ่าตายแล้ว?”
“ใช่”
หลิวฮ่วนพยักหน้า
“ใคร! มันเป็นใคร! มันเป็นใคร!?”
จ้าวเฟิงฟล่าวถามซ้ำหลายครั้งหลายครา น้ำเสียงเยียบเย็นปานหล่มน้ำแข็ง กลิ่นอายอำมหิตเริ่มแผ่ออกมาทั่วกาย
เมื่อแลเห็นถึงโทสะอารมณ์ที่ลุกโหมของจ้าวเฟิง หลิวฮ่วนลอบยิ้มยินดีในใจ
ยิ่งจ้าวเฟิงให้ความสำคัญเฝิงฟ่านมากเท่าไหร่ มันยิ่งพึงใจมากเท่านั้น!
“เฝิงฟ่านนั้นถูกสังหารด้วยน้ำมือศิษย์ฝ่ายนอกนามว่าต้วนหลิงเทียน ที่พึ่งเข้าสำนักมาเมื่อเกือบปีที่แล้ว!”
หลิวฮ่วนตอบ
“พึ่งเข้าร่วมสำนัก?”
ได้ยินวาจานี้ของหลิวฮ่วน สีหน้าจ้าวเฟิงมืดลงทันใด มองถามหลิวฮ่วนเสียงเย็นทันที “เจ้ากล่าวเล่าเรื่องราวให้ข้าฟังโดยละเอียด ข้าอยากรู้เรื่องราวทั้งหมด!”
หลิวฮ่วนพยักหน้ารับคำ ก่อนที่จะเริ่มเล่าเรื่องราวการท้าประลองเป็นตายระหว่างต้วนหลิงเทียนกับเฝิงฟ่าน
……
สุดท้ายก็เล่าถึงเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนฆ่าเฝิงฟ่านตายกับมือ
ในระหว่างที่เล่าหลิวฮ่วนสังเกตเห็นได้ชัดถึงโทสะอารมณ์ที่เพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆของจ้าวเฟิง
“มันมีความเป็นมาอย่างไร?”
อย่างไรก็ตามจ้าวเฟิงเองก็เป็นผู้อาวุโสฝ่ายในของสำนักจันทร์จรัสแสงมานาน มันจึงกล่าวถามเรื่องสำคัญออกมาเสียงเย็น ทว่าวาจานี้กลับดังเสมือนฟ้าร้องในหูหลิวฮ่วน
“มันมาจากจวนเจ้าเมืองชงซัน และเป็นศิษย์ของฟางฮุ่ยเจ้าเมืองชงซัน”
หลิวฮ่วนกล่าว
“จวนเจ้าเมืองชงซัน? ศิษย์ฟางฮุ่ย?”
จ้าวเฟิงได้ยินคำนี้ก็มองเพ่งหลิวฮ่วนด้วยทันที “หลิวฮ่วนหากข้าจำมิผิด…ฟางฮุ่ยเจ้าเมืองชงซันนั่น ดูเหมือนจักเป็นศัตรูของเจ้าใช่หรือไม่?”
“ใช่”
หลิวฮ่วนพยักหน้า ค่อยกล่าวออกด้วยความรู้สึกผิด “อาวุโสจ้าวเฟิง เรื่องนี้กล่าวไปแล้วข้าก็มีส่วนผิด…หากข้าไม่ปล่อยให้ฟางฮุ่ยมีชีวิตอยู่ มันคงไม่มีวันได้รับศิษย์อย่างต้วนหลิงเทียน…และคงมิแนะนำต้วนหลิงเทียนให้มาเข้าร่วมสำนักจันทร์จรัสแสง”
“หากต้วนหลิงเทียนไม่มาสำนักจันทร์จรัสแสง…เฝิงฟ่านคงไม่ต้องตาย”
วาจาหลิวฮ่วนนี้แม้จะเป็นดั่ง ‘ม้าล่าช้า’ แต่มันก็หมายความตามนั้นจริงๆ
(*มาสายเกินไป ทุกอย่างจบไปแล้ว…)
“เรื่องเก่าไม่ต้องกล่าวถึงแล้ว…”
ลูกตาจ้าวเฟิงเปี่ยมล้นไปด้วยเจตนาฆ่าฟัน คล้ายจะฉีกร่างต้วนหลิงเทียนให้เป็นชิ้นๆหากอีกฝ่ายอยู่ต่อหน้ามันตอนนี้
ฉากนี้ทำให้หลิวฮ่วนโล่งใจไม่น้อย
มันกังวลอยู่มากว่าหลังจากจ้าวเฟิงฟังเรื่องแล้วแล้วจะถูกใจอัจฉริยะภาพของต้วนหลิงเทียน จนคิดรับต้วนหลิงเทียนเป็นศิษย์ ล้มเลิกความแค้นที่อีกฝ่ายฆ่าเฝิงฟ่าน
ทว่าตอนนี้คล้ายมันจะกังวลไปเองอย่างเสียเปล่า
“อาวุโสจ้าวเฟิงถึงแม้ท่านจะร้อนใจอยากล้างแค้นให้เฝิงฟ่าน…อย่างไรก็ตามตอนนี้ ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นมันไม่ได้เหมือนตอนเข้าร่วมสำนักใหม่ๆแล้ว ข้ากลัวว่าต่อให้เป็นเจ้าสำนักเอง ตอนนี้หากพบมันก็จำต้องเกรงใจมันไม่น้อย”
หลิวฮ่วนกล่าว
“ท่านเจ้าสำนักยังต้องเกรงใจเมื่อพบมัน?”
จ้าวเฟิงชักสีหน้าสงสัย กล่าวถามออกไปเสียงเข้มทันที “ท่านผู้เฒ่าคนใดคนหนึ่งรับมันเป็นศิษย์ปิดสำนักงั้นเหรอ?”
(ศิษย์ปิดด่าน,ศิษย์ปิดสำนัก = ศิษย์คนสุดท้ายที่จะถ่ายทอดทุกสิ่งและมอบทุกอย่างให้)
นี่เป็นความคิดแรกที่แว่บขึ้นมาในหัวของจ้าวเฟิง
“มิใช่เช่นนั้น”
หลิวฮ่วนส่ายหัวไปมา
“หากมิใช่เช่นนั้น ใยท่านเจ้าสำนักต้องเกรงใจมัน?”
จ้าวเฟิงขมวดคิ้ว
“ข้าเองก็มิรู้ว่าต้วนหลิงเทียนมันไปทำอีท่าไหน ถึงกลายเป็นที่ถูกใจของอาวุโสป๋ายลี่ได้…”
หลิวฮ่วนถอนหายใจ “หาไม่แล้วข้าคงลงมือสังหารมันเพื่อล้างแค้นให้เฝิงฟ่าน โดยที่มิต้องรอให้อาวุโสจ้าวเฟิงออกจากการปิดด่านบ่มเพาะ”
“ล้างแค้นให้เฝิงฟ่าน?”
จ้าวเฟิงมองลึกไปยังหลิวฮ่วน “ข้าคิดว่าเจ้ากลัวว่ามันจักเติบโตขึ้น จนกลับกลายเป็นยอดฝีมืออันแข็งแกร่งและช่วยฟางฮุ่ยเล่นงานเจ้าเสียมากกว่า เจ้าถึงได้ร้อนใจอยากฆ่ามันเพื่อตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม”
มันเองก็รู้เรื่องระหว่างฟางฮุ่ยกับหลิวฮ่วนดี
หลิวฮ่วนเผยยิ้มแหยๆออกมา แต่มันรู้ดีว่าไร้ประโยชน์ที่จะไม่ยอมรับ
“เช่นนั้นแล้วตอนนี้อาวุโสป๋ายลี่รับมันเป็นศิษย์ไปแล้วงั้นหรือ…ดูเหมือนว่ามันจะน่าประทับใจมิใช่น้อยถึงได้รับความโปรดปรานจากอาวุโสป๋ายลี่ขนาดนี้”
ในบรรดาอาวุโสฝ่ายในของสำนักจันทร์จรัสแสง มีป๋ายลี่หงคนเดียวที่แซ่ป๋ายลี่
ดังนั้นพอได้ฟังคำของหลิวฮ่วน จ้าวเฟิงจึงตระหนักได้ทันทีว่าต้วนหลิงเทียนมีสัมพันธ์กับป๋ายลี่หง
แน่นอนว่าที่มันนึกได้ก็คือเรื่องที่ป๋ายลี่หงรับต้วนหลิงเทียนเป็นศิษย์เท่านั้น
สำหรับป๋ายลี่หงแล้ว มันก็ยำเกรงคนผู้นี้ไม่น้อย
“มันมิได้ถูกอาวุโสป๋ายลี่ยอมรับเป็นศิษย์”
หลิวฮ่วนส่ายหัว
“มิได้รับเป็นศิษย์?”
จ้าวเฟิงได้ยินเรื่องนี้ก็อดไม่ได้ที่จะโล่งใจ เพราะมันเองก็ไร้ความกล้าจะต่อกรกับป๋ายลี่หง
พลังฝีมือของมันแม้จะจัดอยู่ใน 3 อันดับแรกของอาวุโสฝ่ายใน แต่ป๋ายลี่หงนั้นคืออันดับ 1 มาโดยตลอด!
ถึงแม้ตอนนี้พลังฝีมือมันจะก้าวหน้าไม่น้อย แต่น่ากลัวว่าหากให้ท้า มันก็กล้าท้าสู้ได้แต่อันดับที่ 2 เท่านั้น!
สำหรับป๋ายลี่หงนั้นมันไม่กล้าท้าเลย
หากไม่ใช้ศาสตราเซียนอะไรเพียงประลองกันมือเปล่า มันก็มั่นใจว่าสามารถรับมือป๋ายลี่หงได้
แต่หากใช้ศาสตราเซียนล่ะก็ มันรู้ตัวว่าไม่ใช่คู่มือป๋ายลี่หงแม้แต่น้อย!
นั่นเพราะศาสตราเซียนของป๋ายลี่หงนั้น มีอาคมเซียนระดับ 3 ดาวจารึกไว้ถึง 3 อาคม! ยามอีกฝ่ายใช้ศาสตราพร้อมเปล่งอานุภาพอาคมเซียน มันไม่อาจต้านทานได้!
เห็นจ้าวเฟิงโล่งใจ หลิวฮ่วนพลันยิ้มออกมาอย่างขื่นขม “ถึงอาวุโสป๋ายลี่จะมิได้รับมันเป็นศิษย์ แต่อาวุโสป๋ายลี่ก็รับมันเป็นศิษย์ในนามอาจารย์…เช่นนั้นต้วนหลิงเทียนจึงกลายเป็นศิษย์น้องของอาวุโสป๋ายลี่”
ต้องกล่าวเลยว่าวาจาดั่งระเบิดลงครั้งนี้ของหลิวฮ่วน ทำให้จ้าวเฟิงถึงกับตกใจไม่น้อย สักพักกว่าจะฟื้นคืนความรู้สึก
ต้วนหลิงเทียนที่ฆ่าศิษย์มันอย่างเฝิงฟ่าน…เป็นศิษย์น้องป๋ายลี่หง?
…
ต้วนหลิงเทียนย่อมไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตอนนี้หลิวฮ่วนมาหารือกับอาวุโสฝ่ายในอีกคนเผื่อวางแผนฆ่าเขา
หากเขารู้คงได้ปลื้มใจไม่น้อย
ศิษย์ฝ่ายในที่ทำให้อาวุโสฝ่ายใน 2 คนร้อนรนหาหนทางฆ่า เรื่องพรรค์นี้ไหนเลยยังเคยเกิดขึ้นมนสำนักจันทร์จรัสแสง? ถึงแม้เขาอาจไม่ได้เป็นคนสุดท้าย แต่ก็นับเป็นคนแรกตลอดทั้งประวัติศาตร์ของสำนักจันทร์จรัสแสง
ไม่กี่วันก่อนออกเดินทาง ต้วนหลิงเทียนก็ออกไปยังฝ่ายนอกเพื่อบอกหลิงอวิ๋นกับฉงหู่ นอกจากนั้นยังไปบอกกล่าวกับอาวุโสฟ่านเฉียน แจ้งทั้งหมดให้รู้ว่าเขากำลังจะเดินทางกลับบ้านเกิดเพื่อจัดการธุระบางอย่าง
อาวุโสฟ่านเฉียนนั้น เป็นอาวุโสฝ่ายในที่ต้วนหลิงเทียนพบในศาลาอุทิศ
หลังจากนั้นก็เป็นอาวุโสฟ่านเฉียนที่พาเขาไปพบป๋ายลี่หง
อาวุโสฟ่านเฉียน ก็นับว่าเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ต้วนหลิงเทียนรู้จักในสำนักจันทร์จรัสแสง
“ศิษย์น้อง ให้ข้ากลับไปกับเจ้าด้วยเถอะ”
ป๋ายลี่หงกลับเป็นคนสุดท้ายที่รู้เรื่องนี้ในบรรดาคนที่เขารู้จักทั้งหมด
หลังจากทราบแผนการเดินทางกลับบ้านเกิดของต้วนหลิงเทียน ป๋ายลี่หงก็กังวลไม่น้อยเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนจะเดินทางกลับไปเพียงลำพัง
“ศิษย์พี่ไม่ต้องลำบากแล้ว ข้ากลับคนเดียวได้”
ต้วนหลิงเทียนหัวเราะ
“มิได้! มันอันตรายเกินไป! ข้าจะไปกับเจ้าด้วย!!”
ป๋ายลี่หงส่ายหัว ยืนกรานจะตามไปด้วยให้ได้!
อย่างไรก็ตามแม้ป๋ายลี่หงจะยืนกรานเพียงใด สุดท้ายก็ถูกต้วนหลิงเทียนเกลี้ยกล่อมได้สำเร็จ
นั่นเพราะต้วนหลิงเทียนแสดงด่านพลังฝึกปรือสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบให้ป๋ายลี่หงรู้ กระทั่งเผยปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์ให้อีกฝ่ายชมดู!!