คนที่ลอบตามมา
มังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บที่บังเกิดจากปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์ของต้วนหลิงเทียน กลับระเบิดทำลายสัตว์ที่เกิดจากปราณแท้ของป๋ายลี่หงได้ในการลงมือครั้งเดียว!
เรื่องนี้ย่อมทำให้ป๋ายลี่หงตกตะลึงเป็นธรรมดา!
แต่เดิมความก้าวหน้าของต้วนหลิงเทียนที่ทะลวงมาถึงสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบก็ทำให้มันตกตะลึงมากแล้ว
ตอนนี้พอเห็นสัตว์ปราณของมันกลับถูกสัตว์ปราณของต้วนหลิงเทียนระเบิดทำลายได้ง่ายดาย มันยิ่งหน้าเหวอไปกันใหญ่
หากสัตว์ปราณของมันก่อเกิดจากจินตนาการก็แล้วไป…ทว่าสัตว์ปราณที่เกิดจากปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์ของมัน ก็มีรากฐานเสมือนของต้วนหลิงเทียน…แก่นแท้โลหิต!
ในฐานะที่มันเป็นถึงปรมาจารย์จารึกเซียน ย่อมมีช่องทางรับแก่นแท้โลหิตของสัตว์เซียนอยู่บ้าง!
“ศิษย์น้องสัตว์ปราณของเจ้าใช่มังกรเทพยาดาในตำนานหรือไม่?”
ป๋ายลี่หงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ค่อยกล่าวถามออกมาด้วยความตื่นตระหนก!
มันเคยได้ยินเรื่องมังกรเทพยาดามาบ้าง แต่ไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนเลย!
ตอนแรกทันทีที่ต้วนหลิงเทียนใช้ปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์ สร้างมังกรปราณมีสภาพขึ้นมามันก็ตกใจนัก
และพริบตาแรกที่เห็นร่างสัตว์ปราณตัวเขื่อง ในหัวมันก็ทอประกายวาบด้วยความคิดหนึ่ง ว่าสิ่งมีชีวิตนี้กลับละม้ายคล้ายลักษณะของสัตว์เซียนชนิดหนึ่งที่มันเคยอ่านพบในบันทึก!
มังกรพลังมีสภาพที่ควบรวมจากปราณแท้ของต้วนหลิงเทียน กลับมีลักษณะเหมือนมังกรเทพยาดาที่มันอ่านเจอแทบทุกประการ! ไม่ว่าจะเป็นส่วนไหนก็ตาม!!
“ใช่”
ต้วนหลิงเทียนยิ้มรับพร้อมพยักหน้า
“ศิษย์น้อง นั่นหมายความว่าเจ้าเคยได้รับแก่นแท้โลหิตของมังกรเทพยาดามางั้นเหรอ?”
ในสายตาของป๋ายลี่หงย่อมเผยประกายอิจฉาขึ้นมาเป็นธรรมดา แน่นอนว่ามันไม่ได้อิจฉาริษยาแต่อย่างไร เพียงอยากได้บ้างก็เท่านั้น และมันยังเต็มไปด้วยความยินดีต่อต้วนหลิงเทียนจากใจ “ศิษย์น้องนับว่าเจ้ายอดเยี่ยมนัก! กลับได้รับแก่นแท้โลหิตของมังกรเทพยาดามาเช่นนี้…ข้าได้ยินมาว่ามันเป็นถึงจ้าวแห่งสัตว์เซียนทั้งปวง!”
ถึงแม้มันจะสงสัยถึงขั้นคันหัวใจยากจะเกาว่าต้วนหลิงเทียนไปทำอีท่าไหนถึงได้รับแก่นแท้โลหิตมังกรมา แต่มันก็ระงับเอาไว้ไม่ถาม
ทุกคนล้วนมีความลับเป็นของตัวเอง
ได้ยินคำของป๋ายลี่หง ต้วนหลิงเทียนเพียงยิ้มบางๆ ไม่ได้พูดอะไร
ตอนนี้เขาตระหนักว่าป๋ายลี่หงยังไม่ล่วงรู้อีกเรื่อง ว่ามังกรที่เขาสร้างขึ้นมาจากปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์นั้น…มันเป็นมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บ!
‘ดูเหมือนศิษย์พี่จะยังไม่รู้ว่ามังกรเทพยาดาเองก็มีแบ่งระดับชั้นสูงต่ำด้วย’
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าว
ผู้ที่ควรกล่าวคำอำลาก็ไปกล่าวคำลามาหมดแล้ว เขาจึงออกเดินทางจากสำนักจันทร์จรัสแสงทันทีหลังผ่านไปอีก 2 วัน เริ่มออกเดินทางมุ่งหน้ากลับไปยังเกาะป้านเยว่
ป๋ายลี่หงออกมาสงต้วนหลิงเทียนที่ประตูหน้าสำนัก “ศิษย์น้องข้าจักเฝ้ารอการกลับมาของเจ้า…ถึงตอนนั้นเจ้าก็นำคู่หมั้นทั้งสองของเจ้ากลับมาให้ข้ารู้จักด้วยเลย สตรีที่เป็นคู่หมั้นของเจ้าได้ข้าเชื่อว่ามิได้ธรรมดาเป็นแน่!”
“เช่นนั้นศิษย์พี่ต้องเตรียมของขวัญไว้รอต้อนรับแล้ว”
ต้วนหลิงเทียนหัวเราะ
“ไม่ใช่แค่ของขวัญ 2 ชิ้นรึไร ยังจะนับเป็นอะไรได้?”
ป๋ายลี่หงกล่าวอย่างไม่สะทกสะท้าน
“ศิษย์พี่ข้ากลัวว่าจะไม่ใช่แค่ 2 แต่ต้องเป็น 4”
ต้วนหลิงเทียนยิ้ม
“หืม? 4 ชิ้นรึ?”
ป๋ายลี่หงมองถามด้วยความแปลกใจ “มิเจ้ามีคู่หมั้น 2 คนรึไร?”
“ข้าลืมบอกท่านไปว่าคู่หมั้นทั้ง 2 ของข้าล้วนตังครรภ์แล้ว กลับไปครานี้ลูกข้าน่าจะคลอดพอดี”
ต้วนหลิงเทียนหัวเราะ
“เพ่ย! เรื่องสำคัญถึงเพียงนี้ไฉนเจ้าพึ่งบอกข้าเล่า!”
ป๋ายลี่หงกล่าวออกมาด้วยความไม่พอใจ “เช่นนั้นเอาอย่างนี้เถอะ…ให้ข้ากลับไปพร้อมกับเจ้าเลยดีกว่า ไม่เพียงแต่จะช่วยปกป้องเจ้าระหว่างทาง ข้ายังจะได้เห็นหน้าหลานทั้ง 2 เร็วๆ!”
“ศิษย์พี่ท่านไม่ต้องรีบขนาดนั้น เดี๋ยวข้ากลับมาก็พาพวกนางพร้อมลูกมาให้ท่านเจออยู่ดี”
ต้วนหลิงเทียนหัวเราะ
ในอดีตที่เขาไม่ได้พาคู่หมั้นอย่างเค่อเอ๋อกับลี่เฟยมาด้วยนั้น เพราะเขาไม่มีที่พักเป็นหลักแหล่งในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า เขาจึงไม่อาจกระเตงพวกนางมาเผชิญความลำบากได้
ทว่าตอนนี้เขามีสำนักจันทร์จรัสแสงแล้ว ย่อมมีที่ให้สาวน้อยทั้งสองอยู่ได้อย่างปลอดภัย
ด้วยมีป๋ายลี่หงอยู่ด้วย ทั้งหมดสมควรปลอดภัยไร้เรื่องราวในสำนักจันทร์จรัสแสง
“เช่นนั้นเจ้าก็ต้องรีบกลับมาโดยเร็ว ข้ากังวลอยากเห็นหน้าหลานทั้ง 2 ที่กำลังจะเกิดแทบตายแล้ว!”
ป๋ายลี่หงกล่าว
“ขอศิษย์พี่โปรดวางใจ ข้าต้องพาพวกนางพร้อมลูกมาหาท่านแน่”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าให้ป๋ายลี่หง ก่อนที่จะพุ่งร่างเหินขึ้นฟ้าไปทันที
เมื่อเห็นแผ่นหลังของต้วนหลิงเทียนหายลับไปจากสายตา ป๋ายลี่หงก็มองขอบฟ้าไกลตาต่ออีกพักหนึ่ง สุดท้ายค่อยเดินกลับเข้าสำนักจันทร์จรัสแสงด้วยประกายตาวูบวาบ
มันไม่ได้เดินกลับคฤหาสน์ที่พักของมันแต่อย่างไร แต่มาถึงคฤหาสน์หลังหนึ่ง
ถึงแม้คฤหาสน์หลังนี้จะไม่ใช่ของมัน แต่ยามมันเดินเข้ามาก็ไม่มีใครกล้าหยุดขวางแม้แต่คนเดียว
ข้ารับใช้ในคฤหาสน์นี้ไหนเลยจะมีความกล้าขวางทางมัน!
“อาวุโสป๋ายลี่ มิทราบลมอันใดหอบท่านมาหาข้าถึงที่นี่ได้?”
ทันใดนั้นเองมีร่างหนึ่งก้าวออกมาต้อนรับป๋ายลี่หงด้วยรอยยิ้มพร้อมประสานมือคารวะอย่างมากมารยาท
คนผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นหลิวฮ่วน!
หลิวฮ่วนนั้นแม้มีท่าทียินดีที่ได้ต้อนรับ ทว่าลึกลงไปในแววตากลับเผย ‘ประกาย’ เย็นเยือกออกมาวูบหนึ่ง คล้ายไม่แปลกใจถึงการมาเยือนของป๋ายลี่หง
“มาหาเจ้ามิได้มีใด เพียงมาเยี่ยมเยียนเท่านั้น”
ป๋ายลี่หงกล่าวอ้างออกไปอย่างไร้เรื่องราว
แน่นอนว่าเป้าหมายหลักในการมาหาหลิวฮ่วนครั้งนี้ เพื่อจับตามองอีกฝ่ายไม่ให้คลาดสายตาไปไหนในช่วงนี้
ทำให้มันคลายกังวลเรื่องหลิวฮ่วนจะไปลงมือกับต้วนหลิงเทียน
อย่างไรก็ตามกลับมีเรื่องหนึ่งที่ป๋ายลี่หงคาดไม่ถึง
ตอนนี้ไม่ใช่แค่หลิวฮ่วนคนเดียวที่ต้องการชีวิตของต้วนหลิงเทียน
ถึงแม้ตลาดมืดหยินชานจะเพิกถอนภารกิจสังหารต้วนหลิงเทียนไปแล้ว แต่กลับมีอีกผู้หนึ่งที่ต้องการฆ่าต้วนหลิงเทียนให้ตาย!
ด้านต้วนหลิงเทียน หลังจากอำลาป๋ายลี่หง เขาก็เหินร่างดิ่งลงใต้ทันที
ด้วยพลังฝึกปรือในปัจจุบันของเขาไม่จำเป็นต้องหลบซ่อนอะไร เพียงเหาะเหินไปตรงๆอย่างไร้ความหวาดกลัว
แน่นอนเพราะทิศทางมุ่งลงใต้นี้ เป็นทิศทางไปยังชายฝั่งทะเลตอนใต้ของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า กล่าวไปก็เป็นพื้นที่ชายขอบที่ไร้สลักสำคัญ กระทั่งยอดฝีมือขอบเขตสู่เซียนยังแทบไม่มี
แน่นอนว่าแทบจะไม่มี แต่ก็พบได้บ้างประปราย
ทว่าตอนนี้ขอบเขตสู่เซียนที่คุกคามเขาได้ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแถวชายขอบแบบนี้เกรงว่าจะมีน้อยคนนัก เขาจึงไม่ต้องกลัวอะไรให้มากเรื่อง
ฟุ่บ!
ต้วนหลิงเทียนที่เหินร่างเดินทางด้วยความเร็วธรรมดาช่วงแรก ยิ่งมาก็ยิ่งความเร็วสูงขึ้นเรื่อยๆ
ไม่นานก็มาถึงชายหาดอันกว้างใหญ่ไพศาล
ชายหาดนี้นับว่าเป็นสุดขอบชายฝั่งของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าตอนใต้แล้ว โผล่พ้นออกทะเลไปสักพัก ก็นับว่าออกจากดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าทันที
อย่างไรก็ตามเมื่อเหาะมาถึงชายหาด ต้วนหลิงเทียนก็หยุดลอยร่างค้างกลางหาว ก่อนที่จะหันหลังกลับมาช้าๆ
“ลอบตามข้ามาตั้งนานจนมาถึงนี่แล้ว เจ้ายังไม่คิดจะออกมาอีกหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวขณะมองไปยังสุดฟ้าไกล เสียงของเขาไม่ได้ดังอะไรมากมาย แต่ก็ชัดเจนนักยังกลบเสียงคลื่นที่ซัดสาดเบื้องล่างได้หมดจด
อย่างไรก็ตามไม่มีใครปรากฏตัวออกมา ราวกับไม่มีผู้ใดอยู่ที่นั่น
ทว่าต้วนหลิงเทียนยังคงเฝ้ารออย่างอดทน ก่อนที่จะหันมองจับจ้องไปยังทิศทางหนึ่ง กล่าวให้ชัดก็จับจ้องไปยังเมฆก้อนหนึ่งที่ลอยเอื่อยๆบนฟ้า
ในที่สุดหลังผ่านไปเค่อนึง ก็ปรากฏร่างค่อยๆเผยตัวออกมาจากด้านหลังก้อนเมฆ
“เจ้ารู้ได้อย่างไร?”
ผู้ที่ออกมาจากด้านหลังก้อนเมฆเป็นชายชราผมขาวแก้มแดง แลไปคล้ายหน้าตาเยาว์วัยไม่สมอายุ กลิ่นอายทั่วกายสงบ บรรยากาศโดยรอบเสมือนเซียนวิเศษผู้หนึ่ง
มันมองถามต้วนหลิงเทียนด้วยสงสัย แววตายังเผยความประหลาดใจไม่น้อย
“เจ้าคิดว่ามันยากนักหรือที่จะพบตัวเจ้า?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกไปเสียงเย็น “แล้วนี่เจ้าเป็นใคร ถึงได้ลอบตามข้ามาแบบนี้?”
หากคนที่ติดตามเขามาเป็นหลิวฮ่วนเขาจะไม่แปลกใจอะไรเลย เพราะก่อนที่จะออกเดินทาง เขาก็ได้จงใจปล่อยข่าวเรื่องการเดินทางกลับบ้านเกิด ให้คนในสำนักจันทร์จรัสแสงล่วงรู้กันไปทั่วแต่แรก
เขาทำอย่างนี้ก็เพื่อล่อเหยื่อ!
จุดประสงค์ของการใช้เหยื่อล่อแบบนี้ก็เพื่อที่เขาจะได้ตก ‘ปลาใหญ่’ อย่างหลิวฮ่วน!
เขาตั้งใจจะล่อให้หลิวฮ่วนตามมา แล้วฆ่ามันทิ้งเสียตรงนี้ ให้มันมาได้แต่ไม่มีวันกลับสำนักจันทร์จรัสแสงได้!
ด้วยพลังฝีมือของเขาในปัจจุบัน คิดฆ่าหลิวฮ่วนเป็นอะไรที่เขามั่นใจนัก!
หลิวฮ่วนมันเป็นแค่ผู้ฝึกยุทธ์ที่บรรลุถึงขอบเขตสู่เวียนขั้นยิ่งใหญ่ทั่วๆไป ไม่ได้บรรลุถึงสูงสุดด่านพลังด้วยซ้ำ ยังห่างจากครึ่งก้าวเซียนลิบลับ เขาจึงมั่นใจกว่า 9 ส่วนว่าจะฆ่ามันได้!
เขาคิดฉวยโอกาสกำจัดหลิวฮ่วนให้พ้นทาง ล้างแค้นให้ครูเขาฟางฮุ่ย!
อย่างไรก็ตามเรื่องราวกลับผิดแปลกจนเขาประหลาดใจอยู่บ้าง เพราะหลิวฮ่วนไม่ได้ตามมา
และถึงแม้จะมีคนลอบตามเขามาจริงๆ แต่มันกลับไม่ใช่หลิวฮ่วนเสียอย่างนั้น!
ทว่าคนผู้นี้ไม่น่าจะอ่อนด้อยกว่าหลิวฮ่วน!
“เจ้าฆ่าศิษย์ของข้าไปทั้งคน ยังจะมีหน้ามาถามว่าข้าเป็นใคร?”
ชายชราจับจ้องมองต้วนหลิงเทียนด้วยแววตาเย็นเยือกกล่าวถามเสียงเย้ย
“ฆ่าศิษย์เจ้า?”
ต้วนหลิงเทียนประหลาดใจเล็กน้อย หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งเขาก็นึกออก
ศิษย์สำนักจันทร์จรัสแสงที่เขาฆ่าไป…ดูเหมือนจะมีแค่เฝิงฟ่านคนเดียว
เท่าที่เขารู้เฝิงฟ่านผู้นี้ก็มีอาจารย์เป็นอาวุโสฝ่ายในของสำนักจันทร์จรัสแสงเช่นกัน เห็นว่าอีกฝ่าบชื่อจ้าวเฟิงทั้งยังเป็นอาวุโสฝ่ายในที่ร้ายกาจติดอันดับ 1 ใน 3 ของอาวุโสฝ่ายในสำนักจันทร์จรัสแสง!
“เจ้าคือจ้าวเฟิงงั้นเหรอ?”
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนแทบจะมั่นใจได้ว่า ชายชราหน้าอ่อนสมควรเป็นจ้าวเฟิงคนนั้น
“มิผิดข้าคือจ้าวเฟิง”
จ้าวเฟิงกล่าวตอบเสียงเย็น
“อาวุโสจ้าวเฟิงลำบากติดตามข้ามาไกลถึงนี่ คงไม่ได้คิดมาเพื่อสนทนากับข้าหรอกนะ?”
ต้วนหลิงเทียนมองถามจ้าวเฟิงด้วยรอยยิ้ม
ถึงแม้จะไม่ทราบว่าไฉนต้วนหลิงเทียนถึงยังยิ้มร่าสงบใจอยู่ได้ แต่จ้าวเฟิงงก็ไม่หวั่นไหวอะไร
แน่นอนว่ามันไม่ได้กังวลเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนมียอดฝีมือลอบคุ้มครองแม้แต่น้อย
ด้วยพลังฝีมือของมันๆเชื่อมั่นนักว่าหากไม่ใช่ยอดฝีมือครึ่งก้าวเซียนหรือขอบเขตเซียนมาเอง มันย่อมเอาชนะได้!
และต่อให้เป็นป๋ายลี่หงลอบคุ้มครองอย่างลับๆ มันก็ต้องพบเจอตัวอีกฝ่ายแต่แรก
“จะตายอยู่แล้วมิคาดเจ้ายังทำใจเย็นอยู่ได้…อาศัยความกล้านี้ของเจ้าก็นับว่าเหนือกว่ารุ่นเยาว์คนอื่นไปมาก น่าเสียดายที่ข้ามิอาจปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอยู่ได้ หลังจากที่เจ้าฆ่าศิษย์รักของข้า!!”
จ้าวเฟิงกล่าววาจาออกมาฉะฉานนัก
“อาวุโสจ้าวเฟิง…”
ต้วนหลิงเทียนหัวเราะเบาๆค่อยกล่าว “เป็นศิษย์เจ้าเฝิงฟ่านส่งสารท้าประลองเป็นตายถึงข้าเอง มันคิดฆ่าข้า…หรือเจ้าคิดว่าข้าสมควรยืนนิ่งๆให้มันฆ่า…”
“แค่เพราะมันเป็นศิษย์ของเจ้างั้นเหรอจ้าวเฟิง?”