ภาค 4 กวาดล้างหมื่นลี้ บทที่ 322 การประลองแห่งจันทราครั้งที่ห้า

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ตอนที่ซือคงจิงอยู่ในระดับยุทธ์หลอมกาย นางก็มีพรสวรรค์ที่หาได้ยาก เป็นคนวัยหนุ่มสาวที่เหมาะสมกับการสืบทอดสายหลักเช่นกัน

ทว่านางในตอนนั้น พรสวรรค์ยังคงเป็นพรสวรรค์ ยังไม่น่าครั่นคร้ามอย่างเช่นในปัจจุบันนี้

หลังจากฝึกปราณจนกลายเป็นจิตรา ก้าวสู่ระดับปรมาจารย์แล้ว ความเร็วในการก้าวหน้าของนาง ก็เปลี่ยนเป็นน่าพรั่นพรึงอย่างยิ่ง

ในภาพจำของเยี่ยนจ้าวเกอ นางไม่ได้ด้อยไปกว่าพวกเยี่ยจิ่งกับจ้าวฮ่าวเลย

เยี่ยนจ้าวเกอคุ้นชินกับพรสวรรค์อันยอดเยี่ยมของซือคงจิงในตอนนี้บ้างแล้ว หากแต่พวกซ่งเฉาที่เพิ่งจะสัมผัสได้ถึงจุดนี้ ก็ยากจะมองนางได้อย่างสงบเงียบ

สำหรับพวกเขาซ่งเฉาแล้ว การที่เป็นทั้งพันธมิตร ทั้งยังสงบเย็น บัดนี้ก็รู้สึกถึงแรงกดดันเช่นกัน

เยี่ยนจ้าวเกอไม่ใช่แค่คำว่าฝีมือน่าทึ่งสี่พยางค์จะสามารถบรรยายได้แล้ว ซึ่งสำนักเขากว่างเฉิงนอกจากเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว คนรุ่นเยาว์คนอื่นๆ ก็ปรากฏให้เห็นระดับฝีมือที่ล้ำเหนือคนอายุเท่ากันอีกด้วย

คล้ายว่าผู้ที่มีพรสวรรค์ของเขากว่างเฉิง จะพุ่งพรวดดาหน้าออกมาในคราวเดียว

ถึงแม้อยากจะเปลี่ยนศักยภาพให้กลายเป็นพลังความสามารถที่แท้จริง และผู้มีพรสวรรค์เยาว์วัยอยากจะเติบโตเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่แท้จริง ต้องใช้เวลาในการสั่งสมตกตะกอนและพิสูจน์ยืนยัน

ทว่าขณะที่ใจลอยอยู่นั้น ซ่งเฉานึกคิดไปถึงคนรุ่นจ่านตงเก๋อ ผู้สะเทือนสวรรค์ และจ่านซีโหลว บุรุษเทียมฟ้าในสมัยก่อนนั้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสนามขณะนี้ การประมือของซือคงจิงกับหลี่จิ้งหว่านก็ค่อยๆ เริ่มแบ่งแพ้ชนะออกมาแล้วเช่นกัน

ทั้งสองหยุดยั้งทันทีเมื่อถลำลึก ต่อสู้กันโดยไม่มีโทสะแม้แต่น้อย แต่ทว่าซือคงจิงยิ่งทวีความได้เปรียบมากขึ้นเรื่อยๆ

เพียงแต่ว่าหลี่จิ้งหว่านมีความถึกทนเต็มสิบ สำแดงวิชาโขดหินไม่ขยับ อันเป็นวิชาลับสุดยอดของเมืองทะเลมรกต ปกป้องตนเองไว้ได้มั่น ราวกับไม่ว่าคลื่นคลั่งใดๆ กระหน่ำซัดสาดชายฝั่ง หินโสโครกที่ยังคงตระหง่านนิ่ง ตั้งตรงอย่างมั่นคงตั้งแต่แรกจนจบ ทำให้การที่ซือคงจิงอยากจะเปลี่ยนความได้เปรียบเป็นชัยชนะถึงที่สุด ก็ไม่ง่ายขนาดนั้นเช่นกัน

ในการประชุมฝ่านภา หลี่จิ้งหว่านไม่ได้ออกมือต่อสู้อะไรนัก เยี่ยนจ้าวเกอเองก็ไม่ได้เข้าใจนางดีสักเท่าไร

หลังจากนั้นหลี่จิ้งหว่านถูกพวกหลิวเซิ่งเฟิงจับตัวไว้ ยังโชคดีที่ได้เยี่ยนจ้าวเกอช่วยเอาไว้ถึงได้หลุดพ้น

ทว่านั่นเป็นเพราะพวกหลิวเซิ่งเฟิงล้วนเป็นยอดฝีมือระดับปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาระยะท้าย ระดับพลังฝึกปรือของทั้งสองฝ่ายห่างชั้นกันเกินไป แม้แต่หร่วนผิงกับเยี่ยฉงโจวยังหกคะเมน หลี่จิ้งหว่านก็ยากจะต้านทานเช่นกัน

การประลองกับซือคงจิงที่อยู่ในระดับปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกในตอนนี้ ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอมองแนวทางออกหลายส่วน

พรสวรรค์ในวิชาวรยุทธ์ของแม่นางผู้นี้ไม่ต่ำต้อยเช่นกัน ถึงแม้จะด้อยกว่าซือคงจิง กระนั้นก็โดดเด่นอย่างยิ่ง ไม่เสียชื่อการสืบทอดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เมืองทะเลมรกต

ขณะเดียวกับที่ท่าป้องกันของวิชาโขดหินไม่ขยับ ปกปักษ์สำนักอย่างแน่นหนาไปตามครรลอง ยังปะปนไปด้วยกระบวนท่าของวิชากระแสน้ำใต้สมุทร วิชาลับอีกวิชาหนึ่งของเมืองทะเลมรกต

ผู้ใช้วิชากระแสน้ำใต้สมุทร ประหนึ่งกับคลื่นใต้สมุทรก็ไม่ปาน แฝงไว้ด้วยพลังลับและพลังซ่อนเร้นที่แก่กล้าอย่างยิ่ง โจมตีและตั้งรับเป็นหนึ่งเดียว ทั้งหยุดการรุกโจมตีของศัตรู ทั้งทำร้ายศัตรูโดยที่มองไม่เห็น

การที่เมืองทะเลมรกตถูกกลุ่มอิทธิพลชั้นหนึ่งและชั้นสองจัดอันดับลับหลังว่า ‘เมืองทะเลมรกตโหดเหี้ยมอำมหิตไม่มีผู้ใดเกิน’ ก็เพราะวิชาวรยุทธ์เฉกเช่นวิชากระแสน้ำใต้สมุทรเช่นนี้เป็นสาเหตุ

นอกจากวิชาโขดหินไม่ขยับและวิชากระแสน้ำใต้สมุทรแล้ว หลี่จิ้งหว่านก็ไม่ได้เอาแต่เพียงตั้งรับไม่โจมตีเช่นกัน ขณะที่ปกป้องตนเองอย่างแน่นหนา ก็ใช้วิชาคมเชือกโดยไม่ให้ทันได้ตั้งตัว คล้ายกับในเส้นไหมซ่อนเข็มเอาไว้ ทำให้ซือคงจิงเองก็ต้องคอยระมัดระวัง ไม่กล้าวางมือบุกเข้าโจมตีเช่นกัน

เพียงแต่จากสถานการณ์โดยรวมแล้ว ยังคงเป็นซือคงจิงครองความได้เปรียบมากกว่า

ซึ่งตามความเข้าใจของเยี่ยนจ้าวเกอที่มีต่อท่วงทำนองของซือคงจิง นางมีกระบวนท่าวรยุทธ์ประเภทที่จัดว่าโอ่อ่าและยิ่งใหญ่เกรียงไกร คล้ายคลึงกับสือเถี่ยและสวีเฟย

เมื่อตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ก็ไม่สูญสิ้นสติ ระมัดระวังทุกย่างก้าว ยังไม่หมดโอกาสพลิกกลับคืน

กุมความได้เปรียบ หรืออาจจะเร่งรัดเอาชนะได้ยาก ทว่าความได้เปรียบจะยิ่งทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ ไม่ให้อีกฝ่ายมีหวังจะพลิกกลับมา

ดังคาด หลังจากต่อสู้กันอีกยกหนึ่ง แม้จะไม่ได้พ่ายแพ้โดยแท้จริง ทว่าหลี่จิ้งหว่านก็ถอนใจแผ่วเบาครั้งหนึ่ง “ศิษย์น้องซือคงฝีมือยอดเยี่ยม ข้าทอดถอนใจตัวเองไม่อาจสู้ได้”

ครั้นสิ้นวาจา นางผละกายถอยหลังออกไป กระโดดออกจากสนามประลอง ซือคงจิงเองก็ไม่ไล่ตามไปโจมตีเช่นกัน ยืนรวบกระบี่ ประสานมือคำนับทางหลี่จิ้งหว่าน “ศิษย์พี่หลี่ ท่านออมมือให้ข้าแล้ว”

เยี่ยนจ้าวเกออมยิ้มกล่าว “ข้าได้ยินว่าเจ้ารายงานทางสำนักอย่างเป็นทางการแล้ว ว่าจะออกจากสำนักเดินทางไกล เพื่อขัดเกลาวรยุทธ์ของตนเองอย่างนั้นหรือ?”

ซือคงจิงพยักหน้า “ใช่แล้ว ท่านพ่อเองก็เห็นด้วยแล้วเช่นกัน”

ชายหนุ่มกล่าวถาม “กำหนดเส้นทางแล้วหรือไม่ จุดมุ่งหมายแรกคือที่ใด?”

“ทะเลตะวันออก” ซือคงจิงพูดตอบ

บนทะเลตะวันออกเดิมทีก็ไม่ใช่พื้นที่คลื่นลมสงบนิ่ง มีสัตว์ประหลาดจำนวนมาก ขณะเดียวกันก็มีจอมยุทธ์เดินทางลำพังบนทะเลจำนวนมากที่ยอมเสี่ยงภัยเพราะเข้าตาจน ได้แต่เพียงล่องลอยตามคนอื่นไปเรื่อย

เหล่านั่นล้วนเป็นคนที่ร้ายกาจอยู่บ้าง ผ่านการใช้ชีวิตที่เหี้ยมโหดอย่างยิ่งยวดจนเคยชิน ไม่สนกฎหมายและศีลธรรม มีคนส่วนหนึ่งไม่ไว้หน้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ทั้งหก บุ่มบ่ามก่อความวุ่นวาย จึงมุ่งหน้าหลบซ่อนยังส่วนลึกในมหาสมุทร สามารถหลบได้ก็หลบไป หลบไม่พ้นก็ยอมรับชะตากรรม

สถานการณ์ในสมุทรซับซ้อน การที่คิดจะหาคน ไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร

ยอดฝีมือเมืองทะเลมรกตที่คุ้นเคยกับสถานการณ์ในทะเลเช่นกัน สามารถทำให้คนเหล่านี้พรั่นพรึงขึ้นอีกหลายส่วน

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปากทางเชื่อมสู่โลกปีศาจอัคคีก็ตั้งอยู่บนทะเลตะวันออก ซึ่งมักจะมีปีศาจอัคคีกระเจิดกระเจิงเข้ามาบ่อยๆ ทำให้ที่นั่นยิ่งเต็มไปด้วยภยันอันตราย

การที่ซือคงจิงไปทะเลตะวันออก แน่นอนไม่ใช่คิดจะตามติดอยู่ข้างกายฟู่เอินซูตลอดเวลา ฉะนั้นความปลอดภัยของนาง ยิ่งยากจะรับประกันอย่างมาก

กระนั้นก็ด้วยสาเหตุนี้เช่นกัน ซือคงจิงถึงได้วางแผนรุดหน้ายังทะเลตะวันออก

เยี่ยนจ้าวเกอหันศีรษะกลับมองยังซ่งเฉาและหลี่จิ้งหว่าน “ศิษย์น้องซือคง เช่นนั้นเจ้าก็ร่วมเดินทางไปกับพวกศิษย์พี่ซ่งและศิษย์น้องหลี่ก็ได้”

“ไม่ใช่ให้แสวงหาการคุ้มครองของเมืองทะเลมรกต แต่อย่างน้อยเจ้าสามารถทำความเข้าใจสถานการณ์ของวารีพิภพกับทะเลตะวันออกจากพวกศิษย์พี่ซ่ง จะได้ไม่ถึงกับไปทางนั้นโดยมืดแปดด้าน”

“หลายครั้งหลายครา ภัยพิบัติเหนือมหาสมุทร โหดร้ายเสียยิ่งกว่าคนอีก”

วารีพิภพหนึ่งในโลกแปดพิภพ มีเขตพื้นที่เกินกว่าครึ่งเป็นมหาสมุทร

ผืนแผ่นดินใหญ่สุดฝั่งตะวันออกส่วนหนึ่ง กอปรกับมหาสมุทรอีกส่วนหนึ่งที่อยู่ใกล้กับแผ่นดินใหญ่ รวมกันเป็นวารีพิภพ

ส่วนเมืองทะเลมรกต เป็นสิ่งปลูกสร้างตั้งอยู่บนหมู่เกาะขนาดมหึมาในทะเลตะวันออก

หมู่เกาะจำนวนมากที่กระจัดกระจายแน่นขนัดอยู่ในทะเล ก็ล้วนเป็นเขตแดนของวารีพิภพทั้งสิ้น

มหาสมุทรถูกแบ่งออกเป็นสามส่วนตามความเคยชิน ได้แก่ ทะเลเหนือ ทะเลตะวันออก ทะเลใต้ ส่วนที่อยู่ใกล้กับแผ่นดินใหญ่ถูกเรียกว่าทะเลส่วนในฝั่งเหนือ ทะเลส่วนในฝั่งตะวันออก และทะเลส่วนในฝั่งใต้

ทะเลส่วนในฝั่งตะวันออกเป็นของวารีพิภพทั้งหมด ส่วนทะเลส่วนในฝั่งเหนือกับทะเลส่วนในฝั่งใต้นอกจากจะถูกรวมอยู่ในวารีพิภพแล้ว ยังมีอีกแต่ละส่วน แบ่งออกเป็นของอัสนีพิภพและบึงพิภพอีกด้วย

นอกวารีพิภพก็เป็นสามมหาสมุทรนอก หากออกจากสามมหาสมุทรนอกไปทางตะวันออกอีก โดยทั่วไปเรียกว่ามันว่ามหาสมุทรไกล

ซือคงจิงได้ยินดังนั้นก็ผงกศีรษะ “เจ้าค่ะ ข้าเข้าใจ หลังจากนี้อาจจะต้องลำบากศิษย์พี่ซ่งและศิษย์พี่หลี่แล้ว”

ซ่งเฉาและหลี่จิ้งหว่านต่างเอ่ยว่าไม่เป็นไร

หลี่จิ้งหว่านระบายยิ้มน้อยๆ แล้วจูงมือของซือคงจิงขึ้น “จิ้งหว่านไม่มีความสามารถ หากแต่นำทางให้กับศิษย์น้องซือคง ยังคงทำได้”

แต่ไรเขากว่างเฉิงกับเมืองทะเลมรกตก็ปรองดองกันฉันท์มิตร ในเหตุอลหม่านแดนมารที่ทะเลสาบปิดนภา นางยังได้รับความช่วยเหลือจากเยี่ยนจ้าวเกออีก ดังนั้นในใจจึงมีความรู้สึกที่ดีกับเขากว่างเฉิงอย่างยิ่ง

อุปนิสัยซือคงจิงแม้จะเย็นเยียบ ทว่ามีใจฝักใฝ่วรยุทธ์ และจิตใจใสบริสุทธิ์ ก็ทำให้หลี่จิ้งหว่านรู้สึกว่าน่าใกล้ชิดอย่างยิ่งเช่นกัน

ในอีกทางหนึ่ง ถึงแม้ว่าซือคงจิงจะไม่ชอบคบค้าสมาคมกับคนอื่น แต่ก็สามารถสัมผัสได้ถึงเจตนาดีของหลี่จิ่งหว่านที่หาได้คิดไม่ซื่อไม่ ขณะนี้ถูกหลี่อีกฝ่ายจูงมือ ก็ไม่ต่อต้านแต่อย่างใด

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มเอ่ย “เช่นนี้ก็รบกวนศิษย์พี่ซ่งกับศิษย์น้องหลี่แล้ว”

ครั้นซือคงจิงเตรียมสัมภาระเรียบร้อย ก็เดินทางไปกับคณะเมืองทะเลมรกต มุ่งหน้าไปยังวารีพิภพ

ทันทีที่ส่งพวกซ่งเฉาและซือคงจิงออกไปแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็จดจ่ออยู่กับเรื่องของตนเอง อยู่ภายในสำนักเขากว่างเฉิง

ข้อสันนิษฐานมากมายในใจเยี่ยนจ้าวเกอ กำลังค่อยๆ สมบูรณ์ ตามกาลเวลาที่เคลื่อนคล้อยผ่านไปแต่ละวันเช่นกัน

ระหว่างที่กาลเวลาหมุนเวียนไป เมื่อเยี่ยนจ้าวเกอหลุดออกจากห้วงความคิด การประลองแห่งจันทราที่หนึ่งปีมีหนึ่งหนก็มาถึงอีกครั้งในที่สุด

………….