พวกเขาทะเลาะกันอย่างไร้เหตุผลเช่นนี้ ทำให้ท่านผู้นำกลุ่มนักปรุงยาพันธมิตรลำบากใจเป็นอย่างมาก และอันที่จริง พวกเขาก็ไม่ได้เชิญพวกนั้นมาเสียด้วย มาตอนนี้แทบจะทนไม่ไหวแล้ว ในเมื่อระยะเวลาที่โกรธเกรี้ยวต่อพวกเขายาวนานกว่าการประลองเช่นนี้
แต่ทว่าพวกเขานั้นเป็นคนของสำนักนิกายระดับสอง สำนักนิกายระดับสองสำนักหนึ่ง… เพียงส่งคนไปคนเดียว พวกเขาก็สามารถทำลายสำนักอวิ๋นเยียนแห่งทวีปเซี่ยโจวลงได้ ด้วยความยิ่งใหญ่นี้ พวกเขาจึงมิอาจล่วงเกินได้
ผู้นำกลุ่มนักปรุงยาพันธมิตรกล่าวขึ้น “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เอาอย่างนี้แล้วกัน พักผ่อนก่อนสักหนึ่งชั่วยาม หลังจากหนึ่งชั่วยามแล้วค่อยเริ่มการประลองรอบที่สองขึ้น”
ในเมื่อล่วงเกินพวกเขาไม่ได้ ก็ได้แต่ทำตามพวกเขาไป
มู่เฉียนซีเดินออกจากพื้นที่การประลองปรุงยาไปยังพื้นที่พักผ่อน ในตอนนี้เอง มีเสียงลึกลับเสียงหนึ่งลอยมา
“ยังจะเรียกว่าเป็นอัจฉริยะอะไรอีก ข้าว่าก็ไม่เท่าไรหรอก ในเมื่อร้อยอันดับยังเข้าไปไม่ได้ เช่นนี้เจ้าจะคู่ควรกับท่านพี่เซี่ยรึ ?”
มู่เฉียนซีอึ้งงัน นางกล่าว “เป็นเช่นนี้ดูเหมือนว่าบนร่างของเจ้าสวะเซี่ยจะมีกล้ามเนื้อเพียงไม่กี่ก้อน เพราะเจ้านั้นไม่ได้โดนกระแทกจนสลบไป”
“ซีเอ๋อร์ เจ้ากล่าวเช่นนี้ทำให้ข้าช้ำใจเสียจริง ร่างกายของข้ามันเป็นเช่นไร ยังจะมีใครรู้ดีไปกว่าเจ้าอีก ?” เสียงแหลมเสียดจนไปถึงกระดูกเสียงหนึ่งลอยมา ใบหน้าที่มีเสน่ห์ยิ่งกว่าปีศาจหิมะเผยรอยยิ้มอันน่าดึงดูดให้เห็น
“เจ้า… พวกเจ้าทั้งสองคน…” เมื่อท่านหญิงอวี้ได้ยินเข้า นางรู้สึกคับข้องใจอย่างอดไม่ได้ ราวกับว่าหัวใจจะแตกสลายแล้วตายไปเสียเดี๋ยวนี้ “ท่านพี่เซี่ย ท่านโกหกใช่หรือไม่ ?”
เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวขึ้น “เจ้าคิดว่าข้าจะเอาชื่อเสียงของตนเองมาล้อเล่นเช่นนั้นหรือ ?”
มู่เฉียนซีกลอกตา “หืม ?”
น่าหลานอวี้เองก็ถามขึ้นด้วยความร้อนรน “เซี่ย เจ้ากับนางสรุปแล้วอย่างไรกันแน่ ? เจ้า…”
เชียนอ้าวเซี่ยยิ้มเจ้าเล่ห์ “อวี้ เจ้าคิดว่าเช่นไรก็เป็นเช่นนั้นแหละ”
เมื่อเชียนอ้าวเซี่ยกับน่าหลานอวี้มาถึง ก็ได้ผลักดันเอาท่านหญิงอวี้ที่กล่าวาจาอย่างเผ็ดร้อนออกไปอยู่อีกฟากหนึ่ง
ท่านหญิงอวี้กล่าวอย่างไม่เต็มใจว่า “เสียดายที่พี่เซี่ยมั่นใจในตัวของเจ้าเช่นนั้น จนคิดว่าเจ้าจะสามารถคว้าที่หนึ่งมาได้ ปรากฏว่าเพิ่งรอบแรก แม้แต่ในหนึ่งร้อยรายชื่อก็ยังไม่ได้เข้ารอบ เจ้าคิดว่าเจ้าจะสู้หน้าท่านพี่เซี่ยได้รึ ?”
น้ำเสียงของเชียนอ้าวเซี่ยเย็นชา “เจ้าพูดมากเกินไปแล้ว วันนี้เจ้าจงอย่าได้มาปรากฏตัวต่อหน้าของซีเอ๋อร์น้อยจะดีกว่า”
“แต่ว่า…”
“ไม่ว่าซีเอ๋อร์น้อยจะได้อันดับที่เท่าไรก็ตาม ในใจของข้านั้น ความสามารถการปรุงยาของนางถือว่าเยี่ยมยอดอย่างที่สุด”
นี่ไม่ใช่การยกยอคนที่ตนเองชอบอย่างไร้เหตุผลแน่นอน แต่มันคือเรื่องจริงเรื่องหนึ่ง ส่วนเรื่องที่วันนี้ซีเอ๋อร์น้อยแสดงความสามารถออกมาได้อย่างผิดปกติ คงเป็นเพราะ…”
สายตาของเขาเหลือบมองไปทางเหล่าบรรดาศิษย์ที่ใจร้อนของหุบเขาหมอเทวดา …เป็นเพราะคนเหล่านั้น
มู่เฉียนซี “ไม่ว่าข้านั้นจะได้อันดับหนึ่ง หรือได้อันดับที่หนึ่งแบบนับถอยหลังก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า ตอนนี้อารมณ์ของข้านั้นไม่ค่อยดีนัก หากเจ้ายังกล่าววาจาไร้สาระต่อหน้าข้าอีก ต่อไปนี้เจ้าอย่าได้คิดว่าจะได้พูดอีกเลย”
“จงอย่าลืมว่าข้านั้นเป็นนักปรุงยาผู้หนึ่ง”
“เจ้า… เจ้ากล้าข่มขู่ข้า ข้านั้นเป็นถึง…”
“ทหาร! ส่งท่านหญิงอวี้กลับจวน” เชียนอ้าวเซี่ยในเวลานี้หมดความอดทนแล้ว เขาเรียกทหารองครักษ์ของเขาออกมาเพื่อให้พาตัวท่านหญิงอวี้ออกไป
“ท่านหญิงอวี้ เชิญขอรับ” องครักษ์ผู้หนึ่งกล่าวขึ้น
ท่านหญิงอวี้กล่าวขึ้นอย่างโศกเศร้าเสียใจ “ท่านพี่เซี่ย เหตุใดจึงทำกับข้าเช่นนี้ ? เห็นกันอยู่ว่าก่อนหน้านี้ท่านไปยังที่ราบน้ำแข็ง เสี่ยงชีวิตไปจับจิ้งจอกหิมะมาให้ข้า แต่หลังจากที่กลับมาท่านกลับเฉยเมยต่อข้า เฉยเมยต่อทุกคน มาวันนี้ท่านก็ยังจะไปปกป้องแต่หญิงผู้นี้อีก ท่านช่างทำให้ข้าช้ำใจเสียจริง ฮือ ๆ ๆ”
“เอาตัวนางไป!” เชียนอ้าวเซี่ยหาได้สนใจนางไม่ เขาสั่งองครักษ์ด้วยเสียงแข็งกร้าว
“ขอรับ!”
องครักษ์ขององค์รัชทายาทเซี่ย ไม่ใช่ผู้ที่หญิงแรงน้อยอย่างท่านหญิงอวี้จะสามารถต่อต้านได้ จึงทำได้เพียงยอมแต่โดยดี นางจากไปอย่างไม่เต็มใจ ทั้งยังถลึงตาใส่มู่เฉียนซีอย่างดุดันครั้งหนึ่งก่อนไป
“ซีเอ๋อร์น้อย!” ทันใดนั้นเชียนอ้าวเซี่ยก็เข้ามาใกล้มู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีถอยหลังไปหลายก้าวแล้วกล่าวถามขึ้น “เจ้ามีธุระอะไรหรือไม่ ?”
ขนตาที่เหมือนปีกนกของเฉียนอ้าวเซี่ยขยับ เขากะพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะเอ่ยปาก “ซีเอ๋อร์น้อย ข้านั้นสงสัยนัก เจ้ามู่ซีนั่นเป็นอะไรกับเจ้ากันแน่ ?”
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “ไม่ต้องสงสัยแล้ว แน่นอนว่าเขาเป็นคนของข้า”
“แล้วเป็นอะไรกับเจ้ากันแน่เล่า ? เป็นชายของเจ้า หรือว่า…”
มู่เฉียนซี “เป็นคนของข้าทั้งภายในและภายนอก นับว่าเป็นคนของข้า”
“แล้วซีเอ๋อร์น้อยล่ะ เจ้านับเป็นอะไรกับเขา ?”
“แน่นอนว่าก็เช่นกัน ข้าเป็นคนของเขา”
เชียนอ้าวเซี่ยลูบคางอันประณีตของเขาแล้วกล่าวว่า “แต่ซีเอ๋อร์น้อย ข้าสงสัยว่าเขาก็คือเจ้า เจ้าก็คือเขา เจ้าทั้งสองคือคนคนเดียวกัน”
— ปัง! —
ทันใดนั้นมีการจู่โจมอย่างกะทันหัน ชายหนุ่มนัยน์ตาเขียวสุกใสพลันปรากฏกาย เขากล่าวขึ้นอย่างโอหัง “เจ้าปีศาจจิ้งจอกเซี่ย อย่าได้มาทำให้ผู้คนสับสนมั่วซั่ว ไปให้ห่างจากนางซะ ไป!”
เชียนอ้าวเซี่ยมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างพิจารณาแล้วกล่าวขึ้น “หมอปีศาจมู่ซี”
“หึ! ใช่ ข้าเอง”
“มู่ซี เจ้าเดินทางออกนอกเมืองไปแล้วมิใช่หรือ ?” น่าหลานอวี้กล่าวถามออกมา แววตาเขาแฝงไปด้วยความปีติยินดีแต่เขามองไปทางอาถิงอย่างสงสัย
สายตาเช่นนั้นทำให้อาถิงแทบสะดุ้งโหยง แต่เพื่อที่จะให้ความร่วมมือกับมู่เฉียนซี เขาจึงทำได้เพียงอดทนเอาไว้ ทว่าถึงอย่างไรเขาก็ยังอยากจะจกลูกตามู่เฉียนซีแรง ๆ สักหนึ่งที
มู่เฉียนซีและหมอปีศาจมู่ซีปรากฏตัวขึ้นในเวลาเดียวกัน เมื่อเป็นเช่นนี้เจ้าปีศาจหิมะเซี่ยนั่นก็จะไม่สงสัยแล้วว่าพวกเขาเป็นคนคนเดียวกัน
อาถิงชี้ไปที่น่าหลานอวี้แล้วกล่าวขึ้นว่า “เจ้าตามข้ามานี่เลย ข้ามีเรื่องที่จะพูดกับเจ้า”
อาถิงมีเรื่องที่จะต้องคุยกับเขาตามลำพัง แน่นอนว่าน่าหลานอวี้ไม่ปฏิเสธ เขาผงกหัวพร้อมกล่าวว่า “ได้”
แต่ทว่าในใจของเขานั้นกลับรู้สึกประหลาดอย่างที่สุด เห็นกันอยู่ว่ามู่ซีอยู่ตรงหน้าของเขา แต่เขากลับรู้สึกว่าอยู่ห่างไกลออกไปนัก
ผู้ที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ ไม่ได้ให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยแก่เขา แต่กลับเป็นความรู้สึกของคนแปลกหน้า
เมื่อน่าหลานอวี้และอาถิงเดินออกไป เชียนอ้าวเซี่ยก็ยิ้มตาหยีแล้วกล่าวขึ้น “ซีเอ๋อร์น้อย เจ้านี่ยิ่งปิดบังยิ่งโจ่งแจ้ง ช่างน่ารักเสียจริง”
เมื่อมองใบหน้างดงามนี้ เชียนอ้าวเซี่ยอดไม่ได้ที่จะเข้าไปหอมนางสักหนึ่งฟอด ทว่าน่าเศร้าที่เขาทำได้แค่คิด มิอาจทำจริงได้
มู่เฉียนซี “เชียนอ้าวเซี่ย เจ้ากำลังจะพูดอะไรกันแน่ ?”
เชียนอ้าวเซี่ยยิ้ม “ซีเอ๋อร์น้อย ข้ากำลังพูดอะไรเจ้ายังไม่รู้อีกหรือ ? เมื่อครู่ชายผู้นั้นไม่ใช่มู่ซีที่เราเคยเจอเมื่อก่อนหน้านี้ใช่หรือไม่ ? มู่ซีคนก่อนหน้านี้คือซีเอ๋อร์น้อยปลอมตัวมา”
“ถึงแม้ข้าจะไม่รู้ว่าเจ้าใช้วิธีการอะไรจึงทำได้อย่างร้ายกาจเช่นนั้น แต่ข้าเชื่อในสัญชาตญาณของตัวข้าเอง”
ดวงตาที่แจ่มใสราวกับหิมะสะท้อนเงาของมู่เฉียนซี เขาใช้ทุกสิ่งทุกอย่างของตัวเองรับรู้ทุกสิ่งเกี่ยวกับนาง
เป็นตัวจริงหรือปลอมนั้น ถามใจดูก็รู้แล้ว
ใจขององค์รัชทายาทเซี่ยนั้นละเอียดอ่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่เขาสนใจในตัวใครสักคน มิอาจดูถูกเขาได้เลย
มู่เฉียนซีเองก็ตะลึงตาค้าง เจ้าบ้าผู้นี้มีความรู้สึกที่ไวยิ่งนัก นางจึงไม่ได้กล่าวอะไรอีก
เชียนอ้าวเซี่ยกล่าว “ซีเอ๋อร์น้อย ข้าเดาว่าตอนนี้บุรุษผู้นั้นคงจะไปทำให้อวี้เลิกล้มความตั้งใจ เจ้าว่าอวี้จะติดกับเขาหรือไม่ ?”
มู่เฉียนซีกล่าว “น่าจะไม่”
ถึงแม้ว่าทักษะในการแสดงละครของอาถิงนั้นจะไม่แย่ก็ตามที แต่ก็ยังถูกเชียนอ้าวเซี่ยมองออกได้ในคราวเดียว อย่างไรก็ตาม น่าหลานอวี้คงจะมองไม่ออก
เชียนอ้าวเซี่ยกล่าว “เช่นนั้นเจ้าก็เดาผิดแล้วซีเอ๋อร์น้อย เจ้าดูแคลนอวี้เกินไป อวี้ผู้นี้เป็นนายน้อยของบ้านประมูลอันดับหนึ่ง ทั้งยังเป็นผู้มีอำนาจในหอการค้าอันดับหนึ่ง ชื่อเขานั้นมิใช่ว่าได้มาเปล่า ๆ”
ในใจของมู่เฉียนซีเองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน ดูเหมือนว่าการให้อาถิงออกมาแสดงละครตบตาในครั้งนี้ เป็นหมากที่นางวางผิดพลาดอย่างที่สุด ดูเหมือนว่านางจะประเมินชายทั้งสองคนนี้ต่ำไปเสียแล้ว
เชียนอ้าวเซี่ยยิ้ม “ซีเอ๋อร์น้อย พวกเรามาคอยดูกัน”