ตอนที่ 451 การประลองอย่างยุติธรรม

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

อาถิงถลึงตาใส่บุรุษตรงหน้าที่งามเหมือนดั่งหยกเนื้อดี ภายนอกของเขานั้นดูไม่เลว และยังหาเงินทองเก่งอีกด้วย เขามีความรู้สึกชนิดหนึ่งกระตุ้นให้รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปซัดน่าหลานอวี้ผู้นี้หนัก ๆ สักยกหนึ่ง แต่เพื่อที่จะให้ปฏิบัติการในครั้งนี้สำเร็จ เขาต้องพยายามอดทนเอาไว้

อาถิงกล่าว “ต่อไปนี้เจ้าไม่ต้องมาปรากฏตัวให้ข้าเห็นแล้ว”

น่าหลานอวี้ตกตะลึงเล็กน้อยก่อนจะกล่าวถามขึ้น “ทำไมรึ ?”

“เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้ แต่เรื่องของเจ้านั้น ตัวเจ้าเองย่อมรู้ชัดเจนที่สุด  ข้ามีผู้ที่ชอบเป็นอย่างมากอยู่แล้ว ชีวิตนี้ของข้า ข้าจะไม่ยอมให้นางจากไปไหน” น่าหลานอวี้ถามขึ้น “คนผู้นั้น คือมู่เฉียนซีใช่หรือไม่ ?”

“ใช่ ทั้งใต้หล้านี้ นอกจากนางแล้วไม่มีผู้อื่นใดอีก”

ดวงตาอันชาญฉลาดของน่าหลานอวี้คู่นั้นจ้องมองอาถิง มุมปากของเขาค่อย ๆ ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม “เช่นนั้นก็ยินดีกับเจ้าด้วย เจ้ามีศัตรูหัวใจเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งแล้ว”

ดวงตาของอาถิงเบิกกว้าง เขากล่าวว่า “เจ้าว่าอย่างไรนะ ? เจ้า… เจ้าไม่ใช่ว่าชอบบุรุษหรอกรึ ?”

“เมื่อก่อนหน้านี้ข้าไม่รู้ จึงได้คิดว่าเป็นเช่นนั้น มาตอนนี้…”

ในทุกวันนี้ มนุษย์ทุกคนนั้นล้วนแต่เฉลียวฉลาดเหมือนดั่งปีศาจ  ดวงตาสีเขียวสุกใสคู่นั้นฉายเงามืดออกมา อาถิงกล่าวตักเตือน “ข้าขอห้ามมิให้เจ้าชอบสตรีบ้านั่น ห้ามอย่างเด็ดขาด!”

“ข้าจะชอบใครมันก็เป็นเรื่องของข้า ไปเกี่ยวอะไรกับเจ้า ?” น่าหลานอวี้ตอบโต้

อาถิง “สตรีผู้นั้นหลอกเจ้า เจ้าไม่โกรธนางหรืออย่างไร ?  เจ้าควรเกลียดนางเป็นอย่างมากมิใช่รึ ? ยังจะไปชอบนางอีกทำไม ?” อาถิงตัดสินใจใช้วิธีทางอ้อมแก้ปัญหา

น่ากลานอวี้ “ข้าจะไปโกรธซีเอ๋อร์ได้อย่างไรล่ะ ?”

สวรรค์! แม้แต่คำที่ใช้เรียกขานนางยังเปลี่ยนไปแล้ว อาถิงนั้นรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่ากลางวันแสก ๆ เรื่องทั้งหมดมันพังลงแล้ว  ส่วนมู่เฉียนซี… ทางฝั่งนางในเวลานี้ก็คงไม่ได้เรื่องได้ราวอะไรเช่นกันอย่างแน่นอน

“เจ้า… เจ้า…” ในตอนนี้อาถิงนั้นโกรธเสียจนพูดอะไรไม่ออก “สตรีบ้า เจ้ารีบจัดการสุนัขจิ้งจอกตัวนี้เร็วเข้า ข้าโกรธจะตายอยู่แล้ว” อาถิงกล่าวพร้อมหายใจฟึดฟัด

นี่เป็นเสียงที่ถูกส่งผ่านกระแสจิต มีเพียงแต่มู่เฉียนซีเท่านั้นที่ได้ยิน หนังตาของมู่เฉียนซีกระตุกอย่างรุนแรง นางมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเป็นอย่างมากผุดขึ้นในใจ จึงเดินเข้าไปและมองน่าหลานอวี้ ในขณะหนึ่งนางไม่รู้ว่าจะกล่าวอะไรดี

น่าหลานอวี้ยิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วกล่าวขึ้น “ซีเอ๋อร์เจ้าปิดบังเอาไว้ทำให้ข้าลำบากมาก ข้านั้นเกือบจะคิดว่าข้าเป็นพวกที่ชอบทั้งชายและหญิงเสียแล้ว และข้านั้นลังเลเป็นอย่างมาก ยังโชคดีที่…”

โชคดีที่ทั้งหมดนั้นล้วนเป็นนาง

อาถิงยืนขวางอยู่ที่ตรงหน้าของมู่เฉียนซีแล้วกล่าวขึ้น “เจ้าอย่าได้ใช้สายตาเช่นนี้มองนาง มู่เฉียนซีเป็นของข้า”

มู่เฉียนซีหยิกเอวอาถิงอย่างแรง เจ้าบ้านี่ทำเรื่องพังแล้วนางก็ยังไม่ว่า แต่ยังจะกล้ามาพูดจาใหญ่โตเช่นนี้อีก

น่าหลานอวี้กล่าว “เป็นของเจ้า เหอะ ๆ ขอแค่เพียงซีเอ๋อร์นั้นยังไม่ได้แต่งงาน ข้าเองก็มีสิทธิ์ที่จะประลองความสามารถกันอย่างยุติธรรม”

ทันใดนั้นเชียนอ้าวเซี่ยกระโดดออกมา ปากก็กล่าวว่า… “อวี้ การประลองอย่างยุติธรรมจะขาดข้าไปไม่ได้” ดวงตาของอาถิงฉายแววอันตรายออกมาวาบหนึ่ง “พวกเจ้าไม่กลัวว่าข้าจะฆ่าพวกเจ้าทั้งสองคนรึ ? ใครจะมีความอดทนนั้นที่จะไปประลองอย่างยุติธรรมกับพวกเจ้า”

มู่เฉียนซีมองไปยังคนทั้งสองที่ยืนอยู่ตรงหน้านาง คำพูดของอาถิงนั้นเป็นสิ่งที่ไร้สาระสิ้นดี แต่นางกลับจริงจังกับเรื่องนี้

สวะเซี่ยสร้างความน่ารำคาญไปทุกที่ อย่างไรเสียนางก็ไม่สนใจใยดีเขา ทว่ากับน่าหลานอวี้ไม่เหมือนกัน น่าหลานอวี้เป็นผู้ที่นางได้รู้จัก ได้เป็นมิตรสหายกันหลังจากที่มาอยู่ในโลกแห่งนี้ได้เพียงไม่นาน

มู่เฉียนซี “น่าหลานอวี้ ข้า…”

“ประลองกันอย่างยุติธรรม เจ้าคิดว่าข้าจะให้โอกาสนี้แก่เจ้าหรือ ?” เสียงแห่งการฆ่าฟันที่กระหายเลือดได้ระเบิดขึ้นมาในหัวของพวกเขาทั้งสาม

น่าหลานอวี้ เซียนอ้าวเซี่ย และอาถิง สีหน้าของทั้งสามพลันเปลี่ยนไปอย่างมาก

ในขณะเดียวกันอาถิงเองก็มีสีหน้ายินดีในความฉิ*หายของผู้อื่นด้วยเช่นกัน พวกเจ้าทั้งสองคนคิดว่าแค่เดาตัวตนของคนผู้นั้นออกก็จะทำตัวยโสได้แล้วหรือ ? ชายเยือกเย็นผู้นั้นรับมือยากกว่าเขาอีกตั้งมากโข

“นางเป็นของข้า พวกเจ้าจะตาย หรือว่าจะยอมแพ้ ?” เสียงดังขึ้นในหัวของพวกเขาอีกครั้ง

ในขณะนั้น สีหน้าของน่าหลานอวี้และเชียนอ้าวเซี่ยล้วนซีดขาว แรงกดดันที่น่ากลัวนั่น ทำให้จำต้องยอมจำนน  แต่ว่า… พวกเขาจะยอมแพ้ได้อย่างไร ?

มู่เฉียนซีพบว่าใบหน้าของพวกเขาทั้งสามนั้นมีอะไรผิดปกติไป นางจึงถามขึ้นด้วยความกังวลใจ “น่าหลานอวี้ เจ้าสวะเซี่ย อาถิง พวกเจ้าเป็นอะไรไป ?”

จิ่วเยี่ยนั้นทำการอย่างเทพไม่รู้ผีไม่เห็น ถึงแม้มู่เฉียนซีจะยืนอยู่ที่ตรงหน้าของพวกเขา แต่ก็ไม่สามารถรับรู้ได้

อาถิงกล่าวขึ้นอย่างเกียจคร้านว่า “หญิงอัปลักษณ์ ข้าอยู่ด้านนอกมานานมากแล้ว ข้าต้องกลับไปแล้ว ดังนั้น…” “อืม  เจ้ากลับไปเถอะ” มู่เฉียนซีกล่าวเรียบ ๆ แม้นางจะยังสงสัยเล็กน้อยแต่ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะรั้งอาถิงไว้

อาถิงนั้นส่งกระแสเสียงกล่าวออกมา “นางเป็นผู้ทำพันธสัญญากับข้า ข้าจะไม่มีทางแยกกับนางตลอดไป บัดซบ! เจ้าแน่จริงก็ฆ่าข้าซี่!”

น่าหลานอวี้ “ซีเอ๋อร์ ข้าไม่เป็นไร เจ้าไม่ต้องมากังวลกับข้า ข้านั้นสบายดี”

“แต่ว่าเจ้าเป็นสหายของข้า”

น่าหลานอวี้ “นี่ก็เพียงพอแล้ว ซีเอ๋อร์ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบอะไร อย่างไรเสียถึงแม้ว่าเจ้าจะโชคร้าย ก็คงไม่โชคร้ายเหมือนข้าที่ชอบบุรุษด้วยกันเองมิใช่หรือ ?”

เชียนอ้าวเซี่ยกัดฟันอย่างน่าสงสาร “ซีเอ๋อร์น้อย ไม่ทราบว่าเจ้าต้องการภรรยาน้อยหรือพวกบ้านเล็กหลังน้อยอะไรพวกนั้นหรือไม่ ?”

น่าหลานอวี้เบะปาก เขาเลือกที่จะเป็นสหายกับนาง แต่เหมือนว่าเชียนอ้าวเซี่ยนั้นจะยังไม่ยินยอม   องค์รัชทายาทแห่งแคว้นแคว้นหนึ่ง กลับอยากที่จะไปเป็นสามีน้อย เรื่องนี้ต้องทำให้คนในแคว้นเฉียนเซี่ยรู้สึกจิตใจแตกสลายอย่างแน่นอน

มู่เฉียนซีครุ่นคิดอย่างบ้าคลั่ง “ข้าไม่เอา เจ้าเลิกคิดเสียเถอะ” “ฮือ! ข้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว” เชียนอ้าวเซี่ยเริ่มโวยวายหมายจะเรียกร้องความสนใจจากมู่เฉียนซี

ทว่านาง… “เจ้าสวะเซี่ย ในเมื่อเจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว เช่นนั้นก็ไปกระโดดน้ำเสียสิ ข้าขอไม่ไปส่งเจ้า”

เชียนอ้าวเซี่ย “ฮือ! เจ้าไล่ข้า เช่นนั้นข้าไปแล้วจริง ๆ นะ”

เชียนอ้าวเซี่ยจากไปแล้ว มู่เฉียนซีไม่สนใจเขา  นางต้องเตรียมตัวสำหรับการประลองปรุงยาต่อไป ดังนั้นน่าหลานอวี้จึงมุ่งตามไปทางที่เชียนอ้าวเซี่ยไป  แม้ว่าใบหน้าของเขาจะเต็มไปด้วยรอยยิ้มโล่งใจ แต่ในใจของเขาเป็นทุกข์เหลือจะทน ถ้าหากว่าซีเอ๋อร์มีความรู้สึกต่อเขาละก็… ในตอนนั้นที่อยู่ในแคว้นชิง ตอนที่เขาได้สารภาพกับนาง นางก็คงจะแสดงเจตนาออกมาแล้ว แต่มันไม่มี…

เพราะกลัวว่าเขาจะได้รับความเจ็บปวดจึงได้ปิดบังไว้ตลอดมา จนกระทั่งวันนี้ เมื่อได้รู้ทุกอย่าง เขาก็ยังคงเจ็บปวดอยู่ดี

เชียนอ้าวเซี่ยถามขึ้น “อวี้ เจ้ารู้จักซีเอ๋อร์น้อยมาค่อนข้างนาน เจ้าของเสียงเยียบเย็นผู้นั้นคือใครรึ ?”

“ข้าคุ้นเคยกับเสียงนั้นมาก เป็นชายผู้นั้น”

“แล้วชายผู้นั้นเป็นใคร ?”

“เป็นชายที่พวกเราไม่สามารถไปล่วงเกินเขาได้ ?” น่าหลานอวี้กล่าวอย่างจนปัญญา

“ล่วงเกินไม่ได้ ก็ปล่อยความรู้สึกของตนเองให้สูญเปล่าไปอย่างนี้น่ะรึ ? อวี้ นี่ไม่เหมือนเจ้าเลย”

น่าหลานอวี้ยิ้มเจื่อนแล้วกล่าวขึ้น “เซี่ย เจ้าน่าจะรู้ว่านั่นไม่ใช่เหตุผลที่ข้ายอมแพ้ แต่เป็น…”

“ซีเอ๋อร์น้อยในตอนนี้ไม่ได้ชอบใครสักคนในบรรดาพวกเรา แล้วก็ไม่ได้หมายความว่านางชอบชายผู้นั้นด้วย ข้าว่าชายผู้นั้นนอกจากเรื่องพลังความสามารถแล้ว เรื่องรูปลักษณ์ต้องสู้ข้าไม่ได้อย่างแน่นอน”

น่าหลานอวี้ “แม้เขาจะใส่หน้ากากอยู่ตลอด และข้าไม่รู้ว่าเขานั้นหน้าตาเป็นเช่นไร แต่ข้าต้องบอกเลยว่าเจ้ามั่นใจในตัวเองมากเกินไปแล้วเซี่ย”

“ใส่หน้ากากไว้ ไม่กล้าเปิดเผยใบหน้า นั่นแน่นอนว่าเขาผู้นั้นรูปงามสู้ข้าไม่ได้ เจ้าดูสิข้ารูปงามเสียขนาดนี้ แทบจะอดไม่ได้ที่จะให้คนทั้งใต้หล้าได้เห็น”

สำหรับสหายที่จิตป่วยผู้นี้ น่าหลานอวี้รู้สึกอับอายอยู่บ้าง

น่าหลานอวี้กล่าวขึ้น “ชายผู้นั้นเป็นปีศาจโหดเหี้ยม เซี่ย เจ้าอาจจะตายจริง ๆ ก็ได้หากคิดที่จะเทียบกับเขา”

เขานั้นไม่เคยเจอชายผู้นั้นไว้ชีวิตผู้ใด แต่เมื่อครู่ตอนที่ซีเอ๋อร์น้อยเปิดปากกล่าว พลังกดดันที่น่ากลัวกลับหายไป เขารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่ออย่างแท้จริง

.