ตอนที่ 528 บ้านเกิดของหมู่เฟย

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 528 บ้านเกิดของหมู่เฟย

“ชิงเฟิง จงพาพระชายาเจียงกลับไป! ครานี้มิจำเป็นต้องเอาชนะ!”

อันหลิงเกอรู้อยู่แล้วว่านี่คือกับดักของฮ่องเต้ที่วางแผนให้พวกนางมาอยู่ตรงนี้และปิดบังสถานะให้จ้าวหลานหยู่เท่านั้น สิ่งที่พระองค์ต้องการโดยแท้จริงก็น่าจะเป็นเรื่องที่จ้าวหลานหยู่กำลังสืบหาอยู่มากกว่า

ทันใดนั้นอันหลิงเกอก็นึกถึงขลุ่ยไม้ไผ่ที่ไป๋หลี่เฉินให้ไว้ก่อนหน้า แค่เป่าขลุ่ยไม้นี้ก็สามารถออกคำสั่งม้าศึกได้

นางทำการเป่าขลุ่ยไม้ไผ่เบาๆ เพื่อให้ม้าของพวกเผ่าปิงชวนเกิดอาการคลุ้มคลั่งแล้ววิ่งไปยังทิศทางชนเผ่าปิงชวนทันที มิว่าคนที่ควบอยู่บนม้าดึงเชือกหยุดยั้งเช่นไรก็มิอาจบังคับทิศทางได้เลย

“พวกเจ้า ! ”

องค์ชายน้อยกำลังเหนื่อยหอบอยู่บนหลังม้า มิว่าเยี่ยงไรก็หยุดม้ามิสำเร็จ

“บัดซบ ! ” พระองค์แค่จ้องไปยังม้าที่นำพาอีกฝ่ายไปยังทิศทางอื่น

“พวกเขามิไล่ตามแล้ว”

อันหลิงเกอทอดถอนใจ จากนั้นก็มองตามหลังคนของชนเผ่าปิงชวนที่หายลับไปและอีกฝ่ายน่าจะหาร่องรอยของพวกนางมิเจอแล้ว

“เมื่อครู่เจียงอ๋องมิได้มีม้า น่าจะยังไปได้มิไกล”

เมื่อมู่จวินฮานกล่าวออกมาเยี่ยงนี้ อันหลิงเกอก็ฉุกคิดได้ว่าสถานที่ตั้งกระโจมนี้จ้าวหลานหยู่เป็นผู้เลือก ดังนั้นเขาต้องการไปยังจุดที่อยู่มิไกลแน่นอน

น่าจะอยู่ในละแวกใกล้เคียง

“นี่คือรอยเท้า”

มู่จวินฮานคุกเข่าลงแล้วมองรอยเท้าบนโคลนที่ยังไม่เลือนหาย

“ไปกันเถิด” เดินตามรอยเท้านั้นมาจนถึงหุบเขาตรงหน้าแต่เป็นทางตัน ดูเหมือนด้านหน้าไร้ทางไปแล้ว

ในขณะเดียวกันอันหลิงเกอก็ได้ยินเสียงดังกรอบแกรบขึ้นอย่างฉับพลันจึงใช้กระบี่กวาดต้นหญ้าด้านข้าง ที่นี่มีถ้ำตั้งอยู่!

“จวินฮาน ตรงนี้เจ้าค่ะ”

ครั้นลงไปในถ้ำก็ดูเหมือนเป็นถ้ำที่อยู่หลังภูเขา ในตอนที่พวกเขาปีนออกมานั้นก็เข้ากับหมู่บ้าน

ทิวทัศน์ที่อยู่ตรงหน้ามู่จวินฮาน เหมือนเคยเห็นจากในภาพวาดของมู่เหล่าหวางเฟย ดูท่าแล้วที่นี่เป็นบ้านเกิดของหมู่เฟยเมื่อครั้นอดีตแน่นอน

เหตุใดจ้าวหลานหยู่ต้องมาที่นี่ ?

ในตอนที่ทั้งสองคนกำลังมิเข้าใจอยู่นั้น สายตาก็เห็นจ้าวหลานหยู่กำลังสนทนากับแม่เฒ่าผู้หนึ่งอยู่มิไกล

“เจียงอ๋อง!”

มู่จวินฮานถือกระบี่เข้าไปใกล้ จ้าวหลานหยู่ก็มีปฏิกิริยาตอบสนองทันใด แต่การปัดป้องของเขากลับไปโดนหมวกทรงสูงของอันหลิงเกอร่วงหล่นโดยมิตั้งใจ

เมื่อเห็นเยี่ยงนั้นเขาก็ขมวดคิ้วราวกับลังเลบางอย่าง

“ที่แท้ก็เป็นเจ้า”

หลังจ้าวหลานหยู่กล่าวออกมาก็แสยะยิ้มอย่างชั่วร้ายพลางลากแม่เฒ่าที่อยู่ข้างกายเข้าหาตัว

“มู่จวินฮาน คนผู้นี้เจ้ารู้จักใช่หรือไม่ ? ”

นี่คือ…

ดูเหมือนมู่จวินฮานนึกขึ้นได้ คล้ายว่าจักเป็นแม่นมของหมู่เฟย

“เฮอะ มารดาของเจ้ามิเหมาะสมกับตำแหน่งมู่เหล่าหวางเฟยสักนิด ! ”

ในขณะที่กล่าวจ้าวหลานหยู่ก็ย้อนไปยังถ้ำเมื่อครู่และพาทั้งสองคนกลับมายังหุบเขา

เวลานี้มิมีผู้ใดกล้าเอ่ยปาก ในใจของมู่จวินฮานยังเกิดความสงสัยอยู่มิน้อยว่าเหตุใดฮ่องเต้และจ้าวหลานหยู่ต้องสืบหาพื้นเพของหมู่เฟยด้วย

“มู่จวินฮาน วันหนึ่งเจ้าจะเข้าใจ”

จ้าวหลานหยู่ยังมิยอมกล่าวอันใด อีกทั้งพวกเขาล้วนมิได้รับอันตรายซึ่งการเดินทางนี้เป็นแผนการของฮ่องเต้ มู่จวินฮานย่อมมิมีทางทำอันใดจ้าวหลานหยู่อย่างแน่นอน

หลังจากนั้นพวกเขาก็เดินทางกลับเมืองหลวงและพบว่าได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้น

ผู้ใดจักคิดว่าฮ่องเต้เลือกปลดตำแหน่งฮองเฮาในระหว่างที่พระนางกำลังประชวรหนักและรีบแต่งตั้งเฉินเจียอวี๋ขึ้นเป็นฮองเฮาแทน

อันหลิงเกอและมู่จวินฮานเข้าใจในทันทีว่าเหตุการณ์ครานี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน

อันหลิงเกอมักรู้สึกว่าตอนที่จ้าวหลานหยู่กล่าวนั้นสายตาของเขาจับจ้องมาที่นางตลอดเวลา ราวกับเรื่องทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกับนาง

“ท่านพี่ให้เชิญเจ้าไปนั่งเล่นที่โรงน้ำชาเปิดใหม่ จักไปด้วยกันหรือไม่ ? ”

หนานกงหลิงเยว่มักทำตัวลึกลับเยี่ยงนี้เสมอ อันหลิงเกอจึงมิได้ปฏิเสธ

ทั้งสามคนไปทานของอร่อยด้วยกันและใช้เวลาอยู่ในโรงน้ำชาพักใหญ่ก่อนแยกย้ายกันกลับ ในตอนนี้ก็ใกล้พลบค่ำแล้วขณะเดียวกันอันหลิงเกอก็ได้พบไป๋หลี่เฉินระหว่างทาง นางจึงพูดคุยกับเขามิกี่ประโยคแล้วเดินทางกลับจวนพร้อมปี้จู

ตอนนี้ราชวงศ์ต้าโจวเกิดภัยน้ำท่วมบ่อยครั้ง อันหลิงเกอก็เพิ่งคิดได้มินานว่าปีนี้ฝนตกค่อนข้างบ่อย แปลงนาของชาวบ้านล้วนถูกทำลายเพราะน้ำท่วมและทำให้มู่จวินฮานต้องทำงานอย่างหนักเพื่อจัดการกับภัยพิบัติที่เจียงหนาน

ในขณะที่เป็นกังวลอยู่นั้นอันหลิงเกอก็ได้ยินเสียงดังที่หน้าประตูจึงหันไปมองก็พบว่าเป็นมู่จวินฮาน แม้เหนื่อยล้ามากก็ยังฝืนกายมาหานางทุกวัน นี่จึงเป็นเรื่องที่ทำให้อันหลิงเกอโกรธเขามิลงและรีบเข้าไปประคองเขาเข้ามา

“เจ้ายังมินอนอีกหรือ” มู่จวินฮานโบกมือไปมาเพื่อส่งสัญญาณให้อันหลิงเกอนั่งลงข้างกาย

“แม้ท่านต้องจัดการงานแต่ก็ต้องดูแลสุขภาพด้วย เหตุใดต้องทำงานดึกดื่นเพียงนี้ ระวังเหนื่อยจนล้มป่วยนะเจ้าคะ” อันหลิงเกอตำหนิเขาออกมา

“ภัยน้ำท่วมค่อนข้างรุนแรง” มู่จวินฮานถอนหายใจ

“ข้ารู้ว่าท่านเป็นห่วงราษฎรจึงช่วยร่างสิ่งนี้ให้เจ้าค่ะ” หลังอันหลิงเกอกล่าวจบก็หยิบกระดาษที่ตนขีดเขียนตลอดทั้งคืนขึ้นมา จากนั้นก็ยื่นให้มู่จวินฮาน

เช้าวันรุ่งขึ้น อันหลิงเกอก็ช่วยมู่จวินฮานเก็บข้าวของแต่เช้า และท้ายที่สุดเขาก็หยิบแผนงานของอันหลิงเกอแล้วเตรียมออกเดินทาง จากนั้นทั้งสองคนก็ยังได้สนทนากันอีกสองสามประโยค ทว่าทันใดนั้นก็มีสาวใช้ผู้หนึ่งเดินเข้ามา “คารวะท่านอ๋องและพระชายา บัดนี้พระชายารองมิสบาย ท่านอ๋องได้โปรดไปดูนางหน่อยเถิดเจ้าค่ะ”

เมื่ออันหลิงเกอได้ฟังก็คิดในใจว่าเช่อเฟยผู้นี้มิเกรงกลัวสิ่งใดจริง ๆ จากนั้นนางก็ลอบยิ้มอย่างเย็นชา ตั้งแต่กลับมาถึงจวนเมื่อวานนี้ก็มิได้พบหน้าทัวป๋าหลิวลี่เลยจึงมิรู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับอีกฝ่าย

อย่างไรก็ตามการที่พวกนางถูกเผ่าปิงชวนลอบจับได้ระหว่างทางนั้นอาจเกี่ยวข้องกับเช่อเฟยผู้นี้ก็ได้ ถึงตอนนี้อันหลิงเกอก็พอคาดเดาเรื่องได้บ้างแต่ก็มิทั้งหมด

เช่นนั้นคงมิมีทางโดนเผ่าปิงชวนหวังจับไปเป็นเชลย

มู่จวินฮานเพิ่งให้สัญญากับอันหลิงเกอว่ามีนางเพียงคนเดียวในใจ แต่แล้วจู่ ๆ ก็มีชายารองเรียกหา เขาจึงรู้สึกลำบากใจมิน้อย ทว่างานปกครองก็ยังบีบรัดไม่ปล่อย “ชายารองป่วย แล้วเหตุใดพวกเจ้ามิไปเชิญหมอ มาเรียกข้าด้วยเหตุผลใด ? ”

หลังมู่จวินฮานกล่าวจบ เขาก็เดินจากไป

ด้านทัวป๋าหลิวลี่โอบเตาอุ่น ๆ ไว้ในอุ้งมือและนอนหนาวสะท้านอยู่บนเตียง สาวใช้เปลี่ยนเวรเข้ามาดูแลนางมิขาดสาย

ส่วนภายในใจของนางได้แต่ครุ่นคิดว่าอันหลิงเกอมีดีอันใดจึงทำให้ท่านอ๋องปกป้องเยี่ยงนี้ นางมัวแต่คิดเรื่องนี้จนมิได้สนใจว่ามีผู้ใดเปิดประตูเรือนเข้ามา

“เช่อเฟยแค่คิดมากเกินไปจึงเกิดอาการเยี่ยงนี้ ขอเพียงสงบจิตสงบใจก็มิมีอันใดแล้วขอรับ” หมอหลวงรายงานอาการของทัวป๋าหลิวลี่อย่างละเอียด จากนั้นก็สั่งยาระงับประสาท

ตอนนี้ทัวป๋าหลิวลี่มิได้สนใจท่านหมอแต่อย่างใด เขาจึงทำได้เพียงทอดถอนใจ อายุก็ยังน้อยรู้จักเข้าหาผู้มีอำนาจ อนาคตจักเป็นเยี่ยงไรก็มิอาจรู้ได้

“แล้วบุตรในครรภ์ของข้าเป็นเยี่ยงไร ? ” ทัวป๋าหลิวลี่แสดงท่าทางหยิ่งผยอง

“แข็งแรงดีขอรับ” ท่านหมอปาดเหงื่อ

นางมิรู้แต่มู่จวินฮานรู้อย่างชัดเจนว่าบุตรในครรภ์ของนางมีผู้ใดเป็นบิดา ?

เพราะคืนนั้นมู่จวินฮานและอันหลิงเกอต่างรู้ดีว่าเขากับทัวป๋าหลิวลี่มิเคยมีอันใดกัน

“ได้ยินว่าสุขภาพของเช่อเฟยมิค่อยดี มู่เหล่าหวางเฟยจึงเมตตา คิดว่าภายในจวนอ๋องคงดูแลมิทั่วถึงจึงเชิญเช่อเฟยย้ายเไปอยู่ภายในวังหลวงร่วมตำหนักเดียวกับมู่เหล่าหวางเฟยเพื่อจะได้ดูแลบุตรในครรภ์อย่างเต็มที่ขอรับ”

ในขณะเดียวกันก็มีขันทีตัวน้อยนำประสงค์ของมู่เหล่าหวางเฟยมาให้ทัวป๋าหลิวลี่ เรื่องนี้ทำให้นางตกตะลึงเป็นอย่างมากจนมิรู้จะทำเยี่ยงไร

ทัวป๋าหลิวลี่มิกล้าคิดว่ามู่เหล่าหวางเฟยจะกักขังตน ! นี่มู่เหล่าหวางเฟยปกป้องอันหลิงเกอเพียงนี้เชียวหรือ