ตอนที่ 515 - ความสามารถมิติ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】

Ep.515 – ความสามารถมิติ 

 

 

 

 

 

ช่วงขอบอาณาเขตของป่าหยวน มันไม่ใหญ่เท่ากับหุบเหวตอนเหนือ แต่มีความไม่เสถียรมากเกินไป 

 

 

 

 

 

เพราะตลอดทั้งการเดินทาง มันไม่ราบรื่นอย่างที่ซางฮันคิด มีสัตว์ร้ายโผล่ออกมามากขึ้นเรื่อยๆ เพียงแต่ยังไม่ปรากฏในรูปแบบกองทัพก็เท่านั้นเอง 

 

 

 

 

 

แต่สิ่งที่โชคดีก็คือ คราวนี้เธอมากับฉินเฟิง ฉินเฟิงราวกับเครื่องบดเนื้อ ไปที่ไหนฆ่าที่นั่น  

 

 

 

 

 

“ครั้งนี้ต้องขอบคุณผู้การฉิน ไม่อย่างนั้นการสำรวจในครั้งนี้ น่ากลัวว่าต่อให้ใช้เวลาถึง 3 วันโดยไม่หยุดพัก ก็ยังไม่สามารถมาถึงตำแหน่งนี้ได้” 

 

 

 

 

 

“ถูกต้อง เมื่ออยู่ต่อหน้าความแข็งแกร่งของผู้การฉิน กระทั่งตัวฉันในฐานะเลเวล B ก็ยังรู้สึกละอายใจ” 

 

 

 

 

 

“ตอนนี้เพิ่งผ่านมาได้แค่ 8 ชั่วโมงเท่านั้น พวกเราน่าจะใกล้ไปถึงแล้ว” 

 

 

 

 

 

ฝูงชนต่างมองโลกในแง่ดี หากเป็นในอดีตที่ผ่านมา เมื่อต้องเผชิญกับสัตว์ร้ายระดับสูงในที่นี้ ทั้งหมดคงเหน็ดเหนื่อยกับการสังหาร แต่คราวนี้ ต้องขอบคุณการล่าของฉินเฟิง ที่ง่ายดายและรวดเร็ว แม้จะทำให้ไม่ได้รับวัตถุดิบของสัตว์ร้าย หรือแต้มผลงาน แต่สามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้ ถือว่าดีกว่า 

 

 

 

 

 

แน่นอน คนเดียวที่รู้สึกเจ็บปวดราวกับเรื่องนี้ คงไม่พ้นซางฮัน 

 

 

 

 

 

“เกือบจะถึงแล้ว” 

 

 

 

 

 

ซางฮันเมื่อได้ยินคำนี้ ก็อดรู้สึกโล่งใจไม่ได้ หลังจากผ่านพ้นการต่อสู้มาอย่างยาวนานกว่า 8 ชั่วโมง กองทัพศพของฉินเฟิงก็ขยายตัวไปถึงจุดหนึ่ง เป็นจุดที่ฉินเฟิงแทบไม่ต้องเคลื่อนไหว แค่คอยสั่งการให้พวกมันสังหารหมู่ก็พอ ยิ่งไปกว่านั้นสัตว์ร้ายช่วงหลังๆที่พวกเขาล่า ทั้งหมดล้วนเป็นเลเวล B 

 

 

 

 

 

ด้วยเหตุนี้ ส่งผลให้แต้มสงครามของฉินเฟิงเพิ่มพูนขึ้นอย่างรวดเร็ว ประจวบกับรางวัลคูณสอง ทำให้เขาได้รับแต้มสงครามมามากถึง 40,00 แต้มในวันเดียว 

 

 

 

 

 

ยิ่งถ้าซางฮันรู้ ว่าไม่กี่วันก่อนฉินเฟิงก็เคยล่าสัตว์ร้ายได้แต้มสงครามมากยิ่งกว่านี้ เธอคงอดกังวลเกี่ยวกับคลังสินค้าในเมืองเป่ยหัวไม่ได้ 

 

 

 

 

 

“ที่นี่แหละ” มือปืนเลเวล B ตะโกนขึ้นอย่างกะทันหัน พร้อมกับเครื่องมือของเขาที่ส่งเสียง ติ๊ด ติ๊ด 

 

 

 

 

 

จากนั้น ซางฮันก็ก้าวนำหน้าทุกๆคน และหยิบอุปกรณ์ที่ส่องแสงสว่างออกมา 

 

 

 

 

 

ในพริบตา พื้นที่โดยรอบก็สว่างขึ้น 

 

 

 

 

 

อุปกรณ์สื่อสารของฉินเฟิง มีสัญญาณเตือนดังขึ้นเช่นกัน และการแจ้งเตือนนี้ เทียบกับการได้มาเห็นด้วยตาตัวเองแล้ว มันน่าตกใจกว่ามาก 

 

 

 

 

 

ในถ้ำใต้ดินตรงจุดนี้ ปรากฏรอยแยกมิติขนาดใหญ่บนพื้นดิน กินพื้นที่ยาวกว่าหลายร้อยเมตร มิต่างไม่จากหุบเหวอันมืดมิด หากซางฮันมิได้เปิดไฟ และก้าวไปอีกสักหน่อย ก็อาจร่วงตกลงไปในนั้นไปแล้ว 

 

 

 

 

 

ช่วงเวลานั้นเอง ตรงขอบรอยแยกมิติ จู่ๆก็ปรากฏแสงสีเงินสว่างวาบขึ้นอย่างกะทันหัน จากนั้น หัวสีแดงเพลิงของสิ่งมีชีวิตก็ผุดออกมา 

 

 

 

 

 

“นั่นมันสัตว์ร้ายมังกรไฟ!” 

 

 

 

 

 

กลิ่นอายของสัตว์ร้ายตัวนี้แข็งแกร่งมาก ไม่เพียงเป็นเลเวล B แต่มันยังเป็นสัตว์ร้ายระดับราชันย์ ที่สามารถใช้งานอบิลิตี้! 

 

 

 

 

 

“ทุกคนระวัง!” ซางฮันตื่นตัวทันใด 

 

 

 

 

 

แม้ศัตรูเพิ่งจะโผล่พ้นออกมาแค่ช่วงศีรษะ แต่หลังจากที่เห็นซางฮันและคนอื่นๆ มันก็พลันอ้าปากกว้าง และพ่นเปลวไฟอันน่าสะพรึงออกมาทันที 

 

 

 

 

 

บรรยากาศร้อนลวก ทำลายหลายร้อยศพหุ่นเชิดของฉินเฟิงในพริบตาเดียว 

 

 

 

 

 

อย่างไรก็ตาม การตายของศพเหล่านี้นับว่าคุ้มค่าแล้ว เพราะอย่างน้อยมันก็ช่วยถ่วงเวลาให้ซางฮันและผู้ใช้พลังคนอื่นๆ ถอนตัวออกมาได้ทัน 

 

 

 

 

 

หัวมังกรไฟโผล่ออกมาอีกเล็กน้อย เพียงสังเกตจากลำคอของมัน ก็สามารถจินตนาการได้ว่าช่วงลำตัวใหญ่โตขนาดไหน 

 

 

 

 

 

“พวกเราจะปล่อยให้มันหลุดออกมาไม่ได้!” น้ำเสียงของซางฮันไม่เหมือนกับทุกคราว หลังสามารถหลบเลี่ยงลมหายใจมังกรไฟมาได้ เธอก็กระโจนไปเบื้องหน้าอย่างรวดเร็ว 

 

 

 

 

 

—หมายมั่นจักตัดสะบั้นศีรษะของราชันย์สัตว์ร้ายตนนี้ลง 

 

 

 

 

 

แต่ทำแบบนั้นมันจะไม่อันตรายไปหน่อยหรือ? หากพลาดตกลงไปในรอยแยกมิติเล่า? รอยแยกนี้ ใครจะรู้ว่ามันจะนำไปสู่ที่ไหน? 

 

 

 

 

 

แต่ในเวลานั้นเอง กลับมีบุคคลหนึ่ง ที่ดูเหมือนจะตัดสินใจได้ก่อนเธอ พุ่งฉีกนำซางฮันไป 

 

 

 

 

 

เพี๊ยะ! 

 

 

 

 

 

เสียงกระทบของแส้ดังสะท้อน แสงสีเงินปรากฏขึ้น ตกลงบนรอยแยกขนาดใหญ่นั้น 

 

 

 

 

 

ต่อมา อักษรรูนมิติทยอยกันปรากฏขึ้น พวกมันราวกับคมมีดแหลม ค่อยๆตัดเฉือนทำลายรอยแยกมิติรอบลำคอของมังกร 

 

 

 

 

 

หัวมังกรยังคงอวดโอ้พลัง พ่นไฟออกมา ราวกับศัตรูมิอาจทำอันตรายใดๆต่อมัน 

 

 

 

 

 

โดยไม่ทันให้มันได้ตั้งตัว หัวมังกรไฟที่อยู่เหนือรอยแยกมิติ ถูกตัดขาดโดยอบิลิตี้มิติของไป๋หลี สะบั้นจากกันในทันที! 

 

 

 

 

 

ไม่ว่ารอยแยกมิติใด เมื่ออยู่ต่อหน้าไป๋หลี มันต้องยอมสยบให้เธอ หากเป็นในเรื่องมิติแล้วล่ะก็ –ไป๋หลีไม่ต่างไปจากพระเจ้า! 

 

 

 

 

 

ขนาดในช่วงแรกที่ไป๋หลียังคงอ่อนแอ เธอยังสามารถปิดรอยแยกมิติ สะบั้นมือของตัวตนทรงอำนาจเลเวล S เจ้าของศิลานรกได้เลย ฉะนั้นตอนนี้ไม่ต้องกล่าวถึง 

 

 

 

 

 

จ๋อม …  

 

 

 

 

 

หัวของมังกรเริ่มจมลง สีหน้าดุร้ายของมันแข็งค้าง 

 

 

 

 

 

“รีบไปจับไว้เร็ว!” ฉินเฟิงเร่งเร้าพลังสมาธิ ศพคิงคองวัชระก้าวไปข้างหน้าทันที คว้าเขายาวของมังกรสัตว์ร้าย 

 

 

 

 

 

โดยไร้ซึ่งการต่อต้านใดๆ หัวมังกรเริ่มถูกดึงกลับขึ้นมา เมื่อถึงระดับหนึ่ง ทุกสายตาพบว่าลำคอเบื้องล่างของมัน กลายเป็นว่างเปล่า –ถูกตัดขาดจากลำตัวไปเรียบร้อยแล้ว 

 

 

 

 

 

พรวด … 

 

 

 

 

 

พอหลุดจากรอยแยกมิติ เลือดช่วงลำคอที่ถูกตัดของมังกร ทะลักออกมาอย่างบ้าคลั่ง 

 

 

 

 

 

ฉินเฟิงหยิบถังใหญ่ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางขนาดสองเมตรออกมาทันที ขนาดของมันไม่ต่างจากอ่างอาบน้ำใบใหญ่ กักเก็บเลือดมังกรที่ทะลักออกมาไว้ในนั้น 

 

 

 

 

 

ระหว่างเลือดหลั่งริน พลังงานอันน่าตื่นตะลึงของมัน ก็แพร่กระจายออกมา 

 

 

 

 

 

“นี่มันเลือดมังกรไฟ!” กระทั่งซางฮันในเวลานี้ ในแววตายังเกิดไอร้อนผ่าว 

 

 

 

 

 

เพราะเจ้าสิ่งนี้มีค่ามาก! 

 

 

 

 

 

แม้แต่ฉินเฟิงก็ไม่คาดหวังเช่นกัน ว่าจะสามารถเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่ได้เช่นนี้ จู่ๆก็สามารถสังหารราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล B ได้อย่างกะทันหัน 

 

 

 

 

 

ยังไม่พอ ฉินเฟิงยังรู้สึกได้ ว่าภายในกะโหลกของสัตว์ร้ายเลเวล B ตัวนี้ มีแก่นสัตว์ร้ายอยู่ 

 

 

 

 

 

และแก่นอบิลิตี้ของราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล B มีมูลค่ามากถึง 2 ล้านล้าน! 

 

 

 

 

 

ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมดวงตาของผู้ใช้พลังเลเวล B คนอื่นๆ ถึงสาดประกายด้วยความโลภ 

 

 

 

 

 

แต่แน่นอน ว่าแก่นอบิลิตี้และวัตถุดิบเหล่านี้ พวกเขาไม่ได้รับส่วนแบ่งแต่อย่างใด 

 

 

 

 

 

เพราะท้ายที่สุดแล้ว คนที่ลงมือทั้งหมด มีเพียงไป๋หลี 

 

 

 

 

 

“ผู้การฉิน ฉันต้องการเลือดมังกรนี้ คุณพอจะแบ่งขายให้ฉันได้บ้างไหม ฉันเพิ่งมาถึงคอขวดของวรยุทธโบราณพอดี กำลังต้องการชำระกายเนื้อของตัวเอง และขออย่าได้กังวล เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาอย่างแน่นอน!” 

 

 

 

 

 

“ถูกต้อง ผู้การฉิน ฉันก็จะขอซื้อมันเหมือนกัน” 

 

 

 

 

 

“ฉันด้วย ฉันก็ต้องการ ขอฉันซื้อด้วย” 

 

 

 

 

 

สองผู้ใช้วรยุทธโบราณ กับอีกหนึ่งมือปืน กล่าวด้วยความตื่นเต้น 

 

 

 

 

 

ฉินเฟิงเปิดปาก “ผมขายได้แค่คนละ 2,000 มิลลิลิตร ส่วนอื่นๆที่เหลือ ผมจำเป็นต้องใช้มันอยู่” 

 

 

 

 

 

จำนวนที่กล่าวไปข้างต้น มีปริมาณพอๆกับเหยือกน้ำก็จริง แต่สำหรับบุคคลทั่วไป นั่นถือว่าเพียงพอแล้ว  

 

 

 

 

 

เพราะนี่คือเลือดมังกรเลเวล B พลังงานของมันไม่ได้สามารถดูดซับได้มากเกินไป และฉินเฟิงก็ไม่ต้องการให้คนเหล่านี้ มาวนเวียนขอซื้อกับตน จนสร้างปัญหาตามมาในภายหลัง 

 

 

 

 

 

เพราะใครจะรู้ มันอาจเกิดเหตุการณ์เดียวกันกับในตอนที่เขาสังหารจักรพรรดิเต่าหมื่นปี แล้วสุดท้ายถูกตามล่าเพราะเลือดของมันอีกก็ได้ 

 

 

 

 

 

“แค่นั้นก็พอแล้ว” 

 

 

 

 

 

“ใช่ พวกเราเข้าใจกฏดี แค่นี้ก็พอ” 

 

 

 

 

 

ฉินเฟิงขายเลือดมังกรให้กับพวกเขาทันที หนึ่งคนต่อราคา 1 แสนล้าน หากเลือดมังกรเหล่านี้ขายหมด คงได้เงินเป็นจำนวน 1 ล้านล้านพอดี 

 

 

 

 

 

เพราะวัตถุดิบของราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล B มูลค่าของมันเป็นอะไรที่น่าหวาดกลัวมากอยู่แล้ว 

 

 

 

 

 

ช่างน่าเสียดาย ที่ได้มาเพียงส่วนศีรษะเท่านั้น 

 

 

 

 

 

เมื่อความกระตือรือร้นในการซื้อขายเลือดมังกรของฝูงชนลดลง ฉินเฟิงก็ขอให้ไป๋หลีเก็บเลือดมังกรและหัวของมันลงในพื้นที่มิติ 

 

 

 

 

 

ช่วงเวลานี้ สมาชิกทีมที่เหลือต่างมองไปทางไป๋หลีอย่างระมัดระวัง 

 

 

 

 

 

“ไม่คาดคิดเลย ว่ามิสไป๋จะแข็งแกร่งถึงขนาดนี้” ซางฮันกล่าว แต่ในแววตาคล้ายกำลังสำรวจไป๋หลีอยู่ เธอกลับมาสนใจไป๋หลีอีกครั้ง 

 

 

 

 

 

ไป๋หลีเผยสีหน้ายิ้มแย้มอันสมบูรณ์แบบออกมา 

 

 

 

 

 

“ไม่ใช่หรอก เป็นเพราะอาวุธเทวะชิ้นนี้ต่างหาก ก่อนหน้านี้กวงเว่ยก็เคยจะขโมยมันไป ฉันกับฉินเฟิงเลยถูกขับไล่ ต้องหลบหนีไปด้วยกัน” 

 

 

 

 

 

ไป๋หลียื่นแขน เผยโฉมแส้ที่สาดประกายสีเงินในมือเธอ 

 

 

 

 

 

นี่คืออาวุธเทวะประเภทมิติ 

 

 

 

 

 

แม้ว่าหยวนห่าวจะเคยส่งข้อมูลของมันมาแล้วก็ตาม แต่นี่เป็นครั้งแรกเลย ที่ซางฮันได้เห็นอานุภาพของอาวุธเทวะชิ้นนี้ด้วยตาตัวเอง 

 

 

 

 

 

และเธอชักจะเข้าใจแล้วสิ ว่าทำไมก่อนหน้านี้ กวงเว่ยถึงตัดสินใจทำแบบนั้น 

 

 

 

 

 

อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้ ไป๋หลีเอ่ยปากออกมาด้วยตัวเอง แม้จะฟังดูเป็นคำอธิบาย แต่มันคือคำเตือนเช่นกัน 

 

 

 

 

 

ดูเหมือนว่าเธอคิดจะทดสอบทัศนคติของซางฮัน 

 

 

 

 

 

ทว่าแท้จริงแล้ว ความตั้งใจของไป๋หลีก็คือ ‘เบี่ยงเบน’ ความสนใจของซางฮันต่างหาก ล่อลวงให้อีกฝ่ายสนใจอาวุธเทวะ และไม่จมอยู่กับตนเอง 

 

 

 

 

 

และต้องขอบอกว่า กลยุทธ์นี้ ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง!