บทที่ 182 นี่ก็คือวิธีของผู้ชาย

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

จากความสัมพันธ์แบบนี้ระหว่างสองคนในตอนนี้ เธอไม่เหมาะที่จะอยู่ค้างคืนนอนที่นี่อยู่แล้ว

ยังมีคำพูดของเขาเมื่อครู่นี้อีก สรุปแล้วสภาพจิตใจเป็นแบบไหนกันแน่ พูดออกมาด้วยอารมณ์แบบไหน เธอ ไม่เข้าใจเลยแม้แต่นิดเดียว

บางทีคำพูดนั้นที่ดูคลุมเครือของเขาอยากจะสื่ออะไรออกมา เธอก็ยิ่งไม่เข้าใจ

นอกจากนี้ จากความสัมพันธ์แบบนี้ระหว่างพวกเขาสองคนในตอนนี้ เธออยู่ที่นี่ก็ไม่เหมาะสม ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะนอนค้างที่นี่เลย

“ไม่ต้องดีกว่าค่ะ ระยะห่างจากโรงแรมกับที่นี่ไม่ไกลมาก” ละจากการสบตาจากเขาแล้วเธอจึงปฏิเสธขึ้น

เผชิญหน้ากับคำตอบแบบนี้ ออกัสไม่ได้ประหลาดใจนัก ดวงตาปรากฏแสงสลัวๆออกมา แล้วหรี่ลงเล็กน้อย

นิสัยของเธอยังคงเหมือนกับเมื่อสี่ปีก่อน ทั้งแข็งทั้งดื้อ…..

เพียงแต่ นับตั้งแต่หลังจากที่เขายื่นข้อตกลงการสงบศึกในวันนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนนั้นก็ผ่อนคลายลงมาไม่น้อย ไม่ได้เป็นศัตรูกัน แข็งทื่อ และอยู่ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดพร้อมที่จะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อขนาดนั้นอีกแล้ว

การเปลี่ยนแปลงแบบนี้ทำให้เขารู้สึกยินดีที่ดำเนินไปได้ด้วยดี อีกทั้งยังมีความสุขอีกด้วย…..

“ทำไมครับ คุณเชอร์รีนกลัวว่าผมจะทำอะไรคุณอย่างนั้นหรอ? ดูเหมือนกับว่าความกล้าของคุณนับวันจะยิ่งลดลงแล้ว…..”

น้ำเสียงที่ทุ้มต่ำของเขาประโยคนี้ ปะปนกับความยั่วยุอยู่ด้วย

คิ้วของเชอร์รีนขมวดเข้าหากัน ไม่ได้สนใจเขา ขยับเท้าก้าวไปเพื่อจะเดินไปข้างหน้า

เมื่อร่างสูงของเธอขยับ ขาซ้ายของออกัสก็ก้าวออกไปแล้วขวางทางเธอเอาไว้ ดวงตาเรียวเลิกขึ้น : “คืนนี้จะไม่อยู่ที่นี่จริงๆหรอครับ?”

“ฉันตอบคำถามไปแล้วนะคะ”

มือใหญ่ที่เห็นข้อกระดูกอย่างชัดเจนนวดลงบนหน้าผากเบาๆ ดวงตาของออกัสยังคงมองอยู่ที่เธอ แล้วเอ่ยพูดออกมาอย่างดูเหมือนไม่ได้ตั้งใจ : “ถ้าอย่างนั้นก็แล้วแต่คุณเลย เพียงแต่สองสามคืนมานี้ซารางร้องไห้งอแงหนักอยู่เหมือนกัน…..”

ได้ยินแล้ว คิ้วของเชอร์รีนก็ขยับเล็กน้อย แต่กลับไม่เชื่อคำพูดของเขา ถ้าหากซารางร้องไห้งอแงหนักขนาดนั้นจริงๆ ก็จะต้องโทรหาเธออย่างแน่นอน

สองสามคืนมานี้ เธอไม่ได้รับแม้แต่สายโทรเข้าของซารางซักสายเดียวเลยด้วยซ้ำ!

“แต่เลี้ยงทิเบตัน มาสทิฟฟ์เอาไว้ก็ไม่ได้เลี้ยงเสียเปล่า ยังมีประโยชน์อยู่บ้างนิดหน่อย อย่างน้อยก็สามารถทำให้เด็กตกใจได้…….”เขายักไหล่ขึ้นแล้วหันหลังไป ราวกับว่าเขากำลังบ่นพึมพำกับตัวเอง แบบไม่ได้ใส่ใจนัก

จ้องมองไปยังเบื้องหลังของเขา น้ำเสียงของเชอร์รีนอดที่จะสูงขึ้นมาไม่ได้ : “คุณใช้ทิเบตัน มาสทิฟฟ์มาทำให้เธอตกใจอย่างนั้นหรอคะ?”

ซารางกลัวสุนัขมากที่สุด ส่วนมากแล้ว เพียงแค่เห็นสุนัข ก็จะให้เธออุ้ม และยิ่งทิเบตัน มาสทิฟฟ์ที่ตัวใหญ่ขนาดนั้น เธอจะต้องกลัวอย่างแน่นอน!

เท้ายืนนิ่งแล้ว ใบหน้าของออกัสก็เบี่ยงไปเล็กน้อย น้ำเสียงหนักแน่น เอ่ยพูดขึ้นเหมือนกับเหตุผลย่อมเป็นเช่นนั้น : “กลอุบายในการเกลี้ยกล่อมเด็กมีจำกัด ในเมื่อหมาป่าตัวใหญ่ใช้ไม่ได้ผล ถ้าอย่างนั้นผมก็เลยคิดว่าสำหรับเธอแล้วทิเบตัน มาสทิฟฟ์สามารถสยบได้ พิสูจน์ความจริงแล้ว และการคาดเดาของผมถูกต้อง……”

เว้นวรรคไปพักหนึ่ง เขาจึงเอ่ยพูดต่อ : “ดูแล้ว คืนนี้คงจะต้องพาทิเบตัน มาสทิฟฟ์มาอีกแล้ว ถ้าหากตอนกลางคืนยังร้องไห้ไม่หยุด พาทิเบตันมาสองตัวจะต้องได้ผลดียิ่งขึ้นแน่ๆ ลองดูได้นะครับ…..”

สิ้นเสียงแล้ว ออกัสก็ไม่ได้หันกลับมา แต่เดินไปด้านหน้า เพียงแต่ดวงตานั้นหรี่ลง แล้วคอยจับตาดูอากัปกิริยาที่อยู่ทางด้านหลัง

จากนั้นเขาก็เข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ

พาพาทิเบตัน มาสทิฟฟ์มาสองตัว นี่คือวิธีที่ทำให้เด็กไม่ร้องไห้ของเขาอย่างนั้นหรือ?

เชอร์รีนขมวดคิ้วแน่น ผู้ชายดูแลเด็กไม่เป็น ในใจของเธอนั้นก็พอจะคาดการณ์ได้ แต่เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะใช้วิธีที่เหลวไหลไม่ถูกต้องแบบนี้!

เดินกลับมาที่ห้องรับแขก ซารางกำลังนั่งดูการ์ตูนบูนี่แบร์อยู่บนโซฟา สองมือจับเท้าเล็กๆเอาไว้ แล้วหัวเราะคิกคักออกมาเป็นครั้งคราว

ได้ยินเสียงฝีเท้าแล้วเธอจึงหันศีรษะเล็กๆมา ดวงตาเป็นประกายมองอย่างเต็มไปด้วยความรอคอย : “คืนนี้หม่ามี๊อยู่ที่นี่เป็นเพื่อนหนูไหมคะ?”

หลังจากที่ลังเลอยู่พักหนึ่ง เชอร์รีนจึงพยักหน้าลง : “อยู่ค่ะ”

เธอไม่วางใจที่จะมอบลูกให้เขาไว้….

“ดีจังเลยค่ะ!”ร่างเล็กลุกขึ้นยืนบนโซฟา ซารางกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ

เชอร์รีนมองดูเธอกระโดดไปมาไม่หยุดอยู่บนโซฟา มีสองสามครั้งที่เท้าของเธอเหยียบอากาศจนเกือบจะล้ม

ไม่มีทางเลี่ยง แม้กระทั่งทำเธอตกใจเสียจนร้อนวูบที่หลัง มือลูบลงบนหน้าผากเบาๆ มองซาราง : “ซาราง เราจะสุภาพและมีมารยาทกันกว่านี้หน่อยดีไหมลูก?”

ดวงตาของเธอหมุนติ้ว ซารางรู้สึกงุนงง อดที่จะเอ่ยถามขึ้นมาไม่ได้ : “หม่ามี๊ สุภาพมีมารยาทหมายความว่าอะไรคะ?”

“ก็คืออยู่นิ่งๆเงียบๆน่ารักน่าเอ็นดูหน่อยไงคะ หนูเคยเห็นเจ้าหญิงตัวน้อยๆในทีวีหรือเปล่า ใส่กระโปรงบานๆ นั่งอยู่ตรงนั้นอย่างว่าง่ายน่ะ”

ได้ยินแล้ว ซารางก็มองไปยังชุดที่ตัวเองใส่อยู่ : “แต่หม่ามี๊ หนูไม่ได้ใส่กระโปรงบานๆนี่คะ หนูใส่กางเกง หม่ามี๊ดูสิ!”

เชอร์รีนรู้สึกว่าหน้าผากของเธอนั้นกระตุกเล็กน้อย : “ซาราง ที่สำคัญคือไม่ใช่ว่าจะใส่กางเกงหรือกระโปรงนะคะ แต่คือจะต้องนั่งให้เรียบร้อย ไม่ใช่กระโดดไปกระโดดมาแบบนี้ต่างหาก”

แต่ซารางก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี : “หม่ามี๊ แต่ว่าทำไมถึงกระโดดไปมาไม่ได้ล่ะคะ?”

เจ้าเด็กไร้เดียงสาคนนี้นี่ ดึงดันเสียจริงๆ คิดอยู่พักหนึ่งนั้น ในที่สุดเชอร์รีนก็หาการใช้ถ้อยคำได้ : “เพราะว่าแบบนั้นไม่สวยไงคะ”

“หม่ามี๊หมายถึงว่าหนูหน้าตาไม่สวยหรอคะ?” ซารางทำปากมุ่ยอย่างหงอยเหงา

เธอก็ไม่เข้าใจประเด็นสำคัญตลอด อีกทั้งยังสามารถพูดไปเรื่อยโดยจับประเด็นไม่ได้เลยอีกด้วย เชอร์รีนก็จนปัญญากับเธอแล้ว

เวลานี้ ออกัสเดินออกมาจากห้อง ดวงตาเหลือบไปมองยังร่างบางที่อยู่บนโซฟา ริมฝีปากอดที่จะยกขึ้นไม่ได้

ตีงูก็ต้องจับจุดอ่อนให้ได้ เห็นได้ชัดว่าเขาสามารถจับจุดอ่อนของเธอได้แล้ว…..

“คุณอา หนูไม่สวยหรอคะ?” ซารางเงยหน้าขึ้นมอง

“ไหนให้อาดูละเอียดๆซิ…..”ระหว่างนั้น ร่างสูงของออกัสก็เดินเข้าไป มือใหญ่จับคางของซารางเอาไว้อย่างเบามือ มองซ้าย มองขวา : “สวยสิ สวยมากเลย…..”

ซารางร่าเริงใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แล้วมองเชอร์รีนอย่างภูมิใจ : “หม่ามี๊ได้ยินไหมคะ คุณอาบอกว่าหนูสวยมากด้วย!”

“หลงตัวเอง” เชอร์รีนหยิกแก้มของเธอ เด็กขนาดนี้ ก็รู้จักความสวยความงามแล้ว เธอสบตาเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ แล้วรีบละสายตาออกอย่างรวดเร็ว

ยิ้มตาหยีแล้วความสนใจของซารางก็ตกอยู่ร่างของออกัส : “คุณอา เรามาเล่นเกมกันดีไหมคะ?”

“เกมอะไรครับ?”ดวงตาของเขาเงยขึ้นมอง แล้วดูเหมือนจะเหลือบไปมองผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ

“เล่ามาเล่นเกมเป่ายิงชุบกันก่อนดีกว่าค่ะ ถ้าหากคุณอาแพ้ จะต้องเชื่อฟังหนูนะ!”

“แล้วถ้าหากหนูแพ้ล่ะ?”

“อืม….” ซารางคิดอยู่พักหนึ่ง : “ถ้าอย่างนั้นหนูก็จะเชื่อฟังคุณอาเหมือนกันค่ะ!”

เลิกคิ้วขึ้นแล้วแขนยาวของออกัสก็อุ้มซารางเข้ามาในอ้อมแขน แล้ววางเธอลงบนตักของเขา น้ำเสียงมีความหนักแน่นและอ่อนโยน : “ได้สิ เริ่มเลยนะ”

มือเล็กๆที่ขาวเนียนนั้นซ่อนอยู่ทางด้านหลัง เสียงที่ไร้เดียงสาและดังก้องของซารางลากยาว : “เป่า ยิง ชุบ – -”

ปากร้องตะโกนออกมาว่ากระดาษ แต่เธอกลับออกกรรไกร ส่วนออกัสนั้นเห็นว่าเธอจะออกกรรไกรตั้งแต่แรกแล้ว ก็เลยรีบเปลี่ยนจากค้อนเป็นกระดาษแทน ดังนั้นเห็นได้ชัดว่าเขาแพ้แล้ว

มือเล็กปรบมือด้วยความดีใจ ซารางกระพริบตา : “ตอนนี้คุณอาต้องฟังหนูนะคะ!”

ไม่รู้ทำไม ออกัสรู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดี เชอร์รีนที่รู้นิสัยของซารางดีมาโดยตลอดเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แล้วมองอย่างเงียบๆ ดูมีความสงบนิ่ง เกมที่เจ้าปิศาจน้อยคิดไม่ใช่เกมที่ดีอะไรอยู่แล้ว