เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ซารางเอ่ยขึ้น : “คุณอาเคยเห็นแกะน้อยสุดป่วนไหมคะ?”
เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยอย่างงุนงง ส่วนซารางก็อธิบายให้เขาฟังอย่างละเอียด : “ก็คือว่าแกะน้อยเหล่านั้นที่เห็นตามถนน เด็กๆสามารถนั่งข้างในได้ หลังจากนั้นโยกขึ้นลง”
ดูเหมือนกับว่าจะมีของแบบนั้นจริงๆ ออกัสพยักหน้าลง : “แล้วยังไงต่อครับ?”
“คุณอาก็เป็นแกะน้อย นอนคว่ำอยู่บนพื้น หนูนั่งบนหลังของคุณอา แล้วคุณอาก็โยกขึ้นลง!”
ใบหน้าที่เหล่าเหลาของออกัสนั้นแข็งทื่อไปเล็กน้อย บนหน้าผากอดที่จะมีเส้นดำๆสามเส้นผุดขึ้นมาอย่างพูดไม่ออกไม่ได้
“คุณอาพูดแล้วต้องให้เป็นคำพูดนะคะ! ไม่อย่างนั้นคุณอาก็เป็นผู้ใหญ่ที่ใช้ไม่ได้เลย แล้วก็ต่อไปหนูจะไม่เล่นเกมกับคุณอาอีกแล้ว!” น้ำเสียงที่ไร้เดียงสาของเธอนั้นมีความจริงจังเป็นอย่างมาก
มาถึงขึ้นนี้แล้ว เขายังสามารถกลับคำได้อย่างนั้นหรือ?
ใบหน้าที่มืดมนนั้นก็เลยเอาร่างสูงที่มีกล้ามเนื้อนอนคว่ำลงที่พื้นในท่าวิดพื้น ซารางก็ยิ่งยิ้มออกมาด้วยความดีใจแล้ววิ่งมาข้างๆเชอร์รีน : “หม่ามี๊! เหรียญค่ะ! หนูอยากหยอดเหรียญ!”
มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย เชอร์รีนก็หาเงินเหรียญให้ซาราง
หลังจากนั้น ซารางก็ปีนขึ้นไปอย่างรวดเร็ว นั่งอยู่บนหลังของเขา แล้วหยอดเอาเหรียญเข้าไปในปากเขา!
ใบหน้าของเขามืดมนลงอีกครั้ง ออกัสไม่ยอม บอกกับเธอตลอดว่าเหรียญนั้นสกปรก ใส่เข้าไปในปากจะทำให้เป็นโรคได้
แต่ซารางก็ยังสามารถพลิกแพลงได้ ใส่เข้าไปในปากจะทำให้เป็นโรค ถ้าอย่างนั้นวางเอาไว้ในหูจะต้องไม่เป็นโรคอย่างแน่นอน!
หลังจากที่ทำเสร็จแล้วนั้น เธอยังรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง กอดคอเขาเอาไว้ : “คุณอา ไม่มีเพลงค่ะ”
“เพลงอะไร?”
“คุณอาจะต้องโยกแล้วก็ร้องเพลงไปด้วย แกะน้อยของเขาเป็นแบบนั้น คุณอาต้องร้องเพลง ใต้สะพานใหญ่หน้าประตูมีฝูงเป็นผ่าน เพลงนั้นไงคะ!”
“ร้องไม่เป็นหรอก…..”
“ถ้าอย่างนั้นก็เปลี่ยนเป็น รักฉันก็จูบฉัน รักฉันก็กอดฉัน…..”
“ไม่เป็น…..”
เด็กน้อยรู้สึกเมินเฉยอยู่บ้างแล้ว : “ทำไมอะไรๆคุณอาก็ไม่เป็นเลยล่ะคะ! เปลี่ยนอีกเป็น เจ้าแกะฉลาด เจ้าแกะขี้เกียจ เจ้าแกะตัวสวย เจ้าแกะแข็งแกร่ง…..”
ลูกกระเดือกที่เซ็กซี่นั้นกลิ้งไปมา น้ำเสียงที่ทุ้มต่ำและจนปัญญาเอ่อล้นออกมาจากริมฝีปากบาง : “ร้องเพลงนั้นแล้วกัน เพลง ใต้สะพานใหญ่หน้าประตูมีฝูงเป็นผ่าน ทุกคนมาดู……”
เชอร์รีนสะกดความรู้เอาไว้แล้ว แต่กลับอดที่จะอยากหัวเราะออกมาไม่ได้ เสียงหัวเราะดังลอดออกมาจากมุมปาก แม้กระทั่งจนรู้สึกเจ็บท้องขึ้นมาบ้างแล้ว
เสียงหัวเราะเล็กๆนั้นไม่รอดจากหูของออกัสอยู่แล้ว เขาเงยหน้าขึ้นมา ดวงตาที่ลึกซึ้งนั้นเหลือบมองไปที่เธอ : “ตลกมากไหม? ถ้าไม่อย่างนั้นคุณก็มาลองดูบ้างสิ?”
“คนที่แพ้คือคุณนะ กล้าท้าก็ต้องรู้จักยอมแพ้สิคะ ในเมื่อคุณแพ้แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีอะไรให้ต้องมาบ่นเลย เป็นเจ้าแกะน้อยของคุณไปนั่นแหล่ะ” เชอร์รีนโต้กลับไป ด้วยคำพูดนิ่งๆแต่รอยยิ้มที่มุมปากนั้นกลับไม่ได้หายไปเลย
“รอบต่อไป คนที่จะเป็นเจ้าแกะน้อยนี่จะต้องเป็นคุณ”ออกัสมองไปที่เธออีกครั้ง น้ำเสียงหนักแน่นแต่กลับมีความนุ่มนวล
เชอร์รีนยังไม่ได้เอ่ยพูด ซารางก็แย่งพูดขึ้นมาก่อนแล้ว : “ถ้าหากครั้งต่อไปคุณอายังแพ้อีก จะต้องยอมทั้งหนูกับหม่ามี้ทั้งสองคนเลยนะคะ! แล้วก็ตอนนี้เจ้าแกะน้อยไม่สามารถจะพูดได้นะคะ ร้องเพลงได้อย่างเดียว!”
ดังนั้นออกัสจึงไม่สามารถพูดออกมาได้อีก ร้องเพลงเป็ดไปพลางวิดพื้นไปโดยมีซารางอยู่บนหลังของเขา
ตั้งแต่เกิดมาจนถึงตอนนี้ เขาเคยตกอยู่ในที่นั่งลำบากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
เพียงแต่ ทั้งๆที่ฉากนี้ไม่ได้ดูดีนัก แต่ในใจกลับรู้สึกมีความสุขอย่างไม่เคยมีมาก่อน……
สามนาทีหลังจากนั้น ซารางถึงได้ลื่นลงมาจากหลังของเขา แล้วเริ่มรอบที่สอง เชอร์รีนนั่งอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ ไม่ได้จะเข้ามาด้วย
แต่ซารางกลับไม่ยอม ดึงมือบังคับให้เธอมา!
และในรอบนี้คนที่แพ้ก็ยังคงเป็นออกัสอยู่เช่นเดิม สองแม่ลูกอยู่ฝั่งเดียวกัน ไม่ว่าทั้งสองคนใครจะชนะ ก็ถือว่าชนะทั้งสองคน
ซารางดึงเธอมา ต้องการจะให้เธอขึ้นไปนั่ง เชอร์รีนยืนไม่ขยับ เด็กน้อยกำลังก่อกวน แต่เธอก็ไม่สามารถก่อกวนไปด้วยกันกับเด็กน้อยได้
นั่งบนหลังของเขา ทำแบบนี้เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว!
น้ำตาคลออยู่ในขอบตา ซารางมีใบหน้าที่รู้สึกน้อยใจ : “หม่ามี๊ไม่ชอบ! หม่ามี๊โกหก! เกลียดหม่ามี๊แล้ว!”
ในใจของเธอนั้นไม่ได้มีความรู้สึกเคอะเขินมากมายขนาดนั้น แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าผู้ใหญ่อย่างพวกเขานั้นในใจกำลังคิดอะไรอยู่ เธอเพียงแค่รู้สึกว่าหม่ามี๊ไม่เคารพกฎกติกาของเกมเพียงเท่านั้น!
น้ำตาคลอในดวงตา ออกัสมองไปยังซารางก่อน หลังจากนั้นค่อยมองไปที่เธอ ริมฝีปากกระตุกขึ้น : “ในเมื่อรับปากเธอแล้วก็ต้องทำให้ได้สิ ไม่อย่างนั้นเมื่อกี้ก็ไม่ควรจะเข้ามาร่วมด้วย…..”
ได้ยินแล้วเชอร์รีนก็ไม่ได้เอ่ยพูดออกมา ครั้งนี้เธอผิดจริงๆ เมื่อครู่นี้ไม่ว่าซารางจะดึงเธออย่างไร เธอก็ไม่ควรจะมาเล่นอะไรไปทั่วแบบนี้!
เลี่ยงไม่ได้ เธอถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วอุ้มซารางขึ้นมา วางตัวซารางลงก่อน หลังจากนั้นตัวเองก็ขึ้นไปนั่ง
เห็นสถานการณ์แล้ว ซารางก็เช็ดน้ำตา แล้วเพียงชั่วพริบตาเดียวเธอก็ยิ้มตาหยีขึ้นมีอีกครั้ง
“เจ้าเด็กน่ารำคาญ!”เชอร์รีนจิ้มหน้าผากของเธอเบาๆ
“ถ้าหนูเป็นเจ้าเด็กน่ารำคาญ ถ้าอย่างนั้นหม่ามี๊ก็เป็นผู้ใหญ่น่ารำคาญด้วย! หม่ามี๊ ครั้งนี้เปลี่ยนให้หม่ามี๊เลือกเพลงนะคะ!”
ถึงอย่างไรก็ขึ้นมานั่งแล้ว เชอร์รีนก็ไม่ได้หาเรื่องอีก ในใจอยากจะให้เสร็จสิ้นเร็วๆ : “ฉันเป็นช่างทางสี…..”
ร่างกายที่แข็งแรง ลายเส้นง่ายๆที่งดงาม ออกัสออกกำลังกายทุกวัน ดังนั้นรับน้ำหนักทั้งสองคนก็ไม่ได้รู้สึกอะไรอยู่แล้ว
ดวงตาไหวติงเล็กน้อย ริมฝีกปากของเขายกขึ้นน้ำเสียงทุ้มต่ำนั้นแสดงถึงความหมายที่มีเจตนาออกมา : “คุณเชอร์รีนคงจะหนักประมาณ130ปอนด์…..”
“อืม ฉัน150ค่ะ” เชอร์รีนตอบเขาไปตรงๆ น้ำเสียงมีความเย็นชาและขุ่นเคืองเล็กน้อย เธอหนักเพียง108ปอนด์เท่านั้น ผลปรากฏว่าไปถึงเขาแล้วกลายเป็น130ไปแล้วเสียอย่างนั้น
มุมปากที่เป็นเส้นโค้งอยู่นั้นก็ยกขึ้นอีกครั้ง ดวงตาของออกัสเป็นรอยยิ้มที่สว่างไสวอย่างไม่สนใจ
หลังจากเสร็จสิ้นแล้วนั้น เชอร์รีนก็รีบผละออกมาอย่างรวดเร็ว ส่วนซารางก็เอะอะโวยวายร้องจะเล่นอีกไม่ยอมนอน
มองดูเวลาแล้ว ใกล้จะสี่ทุ่มแล้ว ไม่สนใจการโวยวายงอแงของเธอ เชอร์รีนก็อุ้มเธอเข้าห้องนอนไปเลย : “นอนได้แล้ว!”
ซารางเองก็สามารถมองสีหน้าออกเช่นกัน เห็นว่าหม่ามี๊โมโหจริงแล้ว เธอก็ไม่กล้าก่อนกวนอีก จึงขึ้นไปนอนบนเตียงแล้วหลับตาลงอย่างว่าง่าย เชอร์รีนเองก็นอนอยู่ตรงนั้น ไม่รู้ทำไมรู้สึกนอนไม่หลับ เธอรู้สึกกลุ้มใจมาก ลุกขึ้นมานั่ง ถอดเสื้อสเวตเตอร์ถักออกมา ใส่เพียงแค่เสื้อสายเดี่ยวลูกไม้ คอเสื้อต่ำอยู่เล็กน้อย แต่ใส่แล้วกลับรู้สึกสบายมาก ดังนั้น เธอจึงชอบใส่มาตลอด
ส่วนอีกทางด้านหนึ่งนั้น
เดินมาถึงห้องล้มตัวลงนอนบนเตียง ออกัสกลับไม่รู้สึกง่วงเลยแม้แต่นิดเดียว โดยเฉพาะนึกถึงเธอที่นอนอยู่ห้องข้างๆ ก็ยิ่งรู้สึกตื่น
เธอก็นอนอยู่ห้องข้างๆ โดยเฉพาะเตียงของห้องนั้นกับเตียงนี้มีเพียงกำแพงกั้น จะให้นอนหลับได้อย่างไร?
เขาใส่ชุดนอนแล้วลุกขึ้นเดินไปห้องรับแขกอย่างเลี่ยงไม่ได้
แต่ไม่ได้เปิดไฟในห้องรับแขก เขาเอนตัวนั่งลงตรงมุมมืดข้างๆหน้าต่าง ในมือถือแก้วไวน์เอาไว้หนึ่งใบ
ไม่สามารถคิดถึงต่อไปได้แล้ว ถ้าหากคิดว่าเธอยังอยู่ข้างๆอีก ร่างกายที่ตึงเครียดของเขาก็คงจะระเบิดออกมา
หลังจากนั้นพักหนึ่ง ประตูห้องข้างๆก็เปิดออก เชอร์รีนถือโทรศัพท์มือถืออยู่ในมือ นาโนโทรมาหาเธอ
เธอรู้สึกเหนื่อยอยู่บ้างแล้ว อยากจะนอน แต่นาโนโทรมาพอดี กลัวว่าจะกวนซาราง เธอจึงเดินมารับที่ห้องรับแขก