ถังเจิ้นหวาชอบชายหนุ่มคนนั้น แม้ภูมิหลังของเขาจะไม่ยิ่งใหญ่พอ แต่ท่านชื่นชมความสามารถของเขาอย่างแท้จริง ท่านจึงไม่ต่อต้านเมื่อซีซีคบเขา ชายหนุ่มผู้โดดเด่นอย่างเฉียวเหลียงคู่ควรกับหลานสาวผู้เลอเลิศของท่าน ทั้งคู่คบกันอยู่หลายปี ท่านเองยังวางแผนที่จะไปพบพ่อแม่เฉียวเหลียง และจัดเตรียมพิธีหมั้นที่ยิ่งใหญ่สำหรับเด็กทั้งคู่ อย่างไรก็ตามจู่ๆ ท่านก็ได้ทราบว่าทั้งสองเลิกคบกัน
ยิ่งไปกว่านั้น เป็นเรื่องน่าโมโหที่เฉียวเหลียงเป็นฝ่ายขอเลิกหลานสาวท่าน! เขากล้าดียังไงถึงได้ทิ้งหลานสาวผู้เพียบพร้อมของท่าน! ท่านต้องทำให้ชายหนุ่มคนนี้รู้ถึงผลที่จะตามมา จากการที่เขาทำให้ท่านโกรธ! อย่างไรก็ตามเมื่อท่านได้ทราบถึงเหตุผลที่แท้จริง เบื้องหลังของการที่เฉียวเหลียงขอเลิกกับหลานสาวท่าน ท่านก็รู้สึกประทับใจมาก ชายหนุ่มรู้ว่าตนเองเป็นมะเร็ง และยิ่งไปกว่านั้น มีเรื่องร้ายแรงบางอย่างเกิดขึ้นกับครอบครัวเขา ซึ่งเป็นสาเหตุให้เขาขอเลิกกับซีซี เพื่อไม่ให้เรื่องเลวร้ายทั้งหมดนั้นเชื่อมโยงมาถึงเธอ
ชายหนุ่มที่ดีเช่นนี้หายากมากในสังคมทุกปัจจุบัน ท่านจึงไม่ใจแคบพอที่จะลงโทษชายหนุ่มคนนั้น
นี่ก็ผ่านมาหลายปีมากแล้ว และทั้งสอง…
ทันใดนั้นถังเจิ้นหวาก็ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา และเอ่ยเสียงแหบพร่า “ในความเป็นจริง ฉันเองเป็นคนฆ่าซีซี ถ้าฉันไม่รับคนตระกูลถังเข้ามาทำงานในเอ็มไพร์กรุป… ถ้าฉันบอกซีซีว่าเฉียวเหลียงรักเธออย่างแท้จริง เธอก็จะไม่ออกเดินทางท่องเที่ยวทุกๆ ปีเพื่อให้คลายความเจ็บปวด คนพวกนั้นก็จะไม่มีโอกาสฆ่าเธอ”
“นายท่าน โทษตัวเองอย่างนั้นได้อย่างไรครับ” ถังจงมองหน้าถังเจิ้นหวา “เท่าที่ผมรู้จักคุณหนูมา ถึงแม้ท่านจะบอกเธอในเวลานั้น คนรักศักดิ์ศรีอย่างคุณหนูก็จะไม่ยอมให้อภัยคุณเฉียวเหลียงอยู่ดี”
ถังเจิ้นหวาถอนหายใจ หันไปดูข่าวโทรทัศน์และไม่พูดอะไรอีก ถังจงดูนาฬิกาที่ข้อมือแล้วก้มลงตรวจอุณหภูมิน้ำในแก้วที่สาวใช้ยกมา หลังจากนั้นประมาณสิบนาทีถังจงก็หยิบยาออกมาส่งให้ถังเจิ้นหวา พร้อมกับกล่าวว่า “นายท่านครับ ได้เวลาทานยาแล้วครับ”
ถังเจิ้นหวามองถังจง เม้มริมฝีปากแล้วถามว่า “ฉันไม่ทานยานี้ได้ไหม”
ถังจงไม่ยอมสบสายตาและตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย “นายท่าน สุขภาพของท่านเป็นสิ่งสำคัญนะครับ”
ถังเจิ้นหวารู้สึกโกรธ “ไม่มีอะไรจะพูดนอกจากนี้แล้วใช่ไหม!”
…
ในตอนเย็นถังซีขอให้หยางจิ้งเสียนกลับไปหลังทานอาหารเย็น เพราะมารดาอยู่ก็ช่วยเหลือเธอได้เพียงเล็กน้อย เธอต้องการใครสักคนที่จะอุ้มเธอไปห้องน้ำ แต่หยางจิ้งเสียนไม่สามารถทำได้ เธอจึงขอให้มารดากลับบ้าน
หยางจิ้งเสียนเป็นห่วงเธอ บอกให้เธอโทรเรียกพี่ๆ มาอยู่เฝ้าเธอที่นี่ แต่ถังซีปฏิเสธ จากที่เธอรู้จักเฉียวเหลียง เธอรู้ว่าเขาจะมาดูแลเธอในตอนค่ำ ถ้าเขามาถึงและเจอเซียวส่ากับเซียวจิ่งที่นี่ พี่ๆ ที่น่าสงสารของเธออาจถูกเขาแกล้งอีก หยางจิ้งเสียนเป็นห่วงเธอมากจนยืนกรานว่าจะอยู่ ถังซีต้องพยายามโน้มน้าวอย่างหนักที่สุดที่จะให้มารดากลับไป
อย่างไรก็ตาม หลังจากหยางจิ้งเสียนกลับไปแล้ว ถังซีรออยู่พักใหญ่เฉียวเหลียงก็ยังไม่มาสักที จนกระทั่งเธอเผลอหลับไปโดยไม่ได้ตั้งใจ
ในความฝัน เธอไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน เธอเห็นทุ่งหญ้าซึ่งมีคนสามคนนั่งสนทนากันอยู่บนผืนหญ้า และดูมีความสุขมาก ทั้งสามยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว เธอเดินเข้าไปหาพวกเขาด้วยความอยากรู้ ทันใดนั้นทั้งสามก็หันมามองและเรียกชื่อเธอ เธอเห็นชัดว่าทั้งสามคนเป็นใคร ถังซีตกตะลึงตัวแข็งทื่อ พวกเขาคือหลินหรูกับคุณพ่อคุณแม่ของเธอใช่ไหม ทำไมพวกเขาถึงมานั่งอยู่ที่นี่
ทั้งสามมองมาที่เธอ และโบกมือให้พร้อมกับพูดว่า “ซีซี มานี่สิ มานี่เร็ว”
ถังซีก้าวไปข้างหน้า แต่ทันใดนั้นเธอก็เห็นชายชราผมขาวยืนอยู่ตรงนั้น ดวงตาเขาเต็มไปด้วยน้ำตา เขาดูโศกเศร้าและสิ้นหวัง ถังซีจำได้ทันทีว่าชายชราผู้นี้คือคุณปู่ของเธอ เธอหยุดนิ่ง น้ำตาไหลพราก เธอเช็ดน้ำตาก่อนจะวิ่งไปกอดถังเจิ้นหวา พร้อมกับร้องไห้ออกมาดังๆ “คุณปู่!”
เมื่อเห็นว่าเป็นเธอ ถังเจิ้นหวาก็ยิ้ม “ซีซี หนูออกมาเล่นนอกบ้านนานแล้วนะ ถึงเวลากลับบ้านแล้ว ปู่คิดถึงหนูจริงๆ”
ถังซีพยักหน้าอย่างหนักแน่น กล่าวกับถังเจิ้นหวาว่า “คุณปู่ดูสิคะ นั่นคุณพ่อ…” เธอชี้ไปที่คนสามคนนั้น แต่ทว่าในวินาทีต่อมาเธอก็ต้องตกตะลึง คนสามคนที่นั่งอยู่บนทุ่งหญ้าหายไปแล้ว
เมื่อเธอหันกลับมา ถังเจิ้นหวาที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอก็หายไปเช่นกัน ถังซีวิ่งเร็วสุดฝีเท้าบนทุ่งหญ้า และร้องเรียกพวกเขา เธอร้องเรียกคุณปู่ คุณพ่อ คุณแม่ แต่ไม่มีใครตอบเธอเลย เธอร้องไห้อย่างหนักที่สุดในชีวิต แต่ไม่มีใครปรากฏตัวอีกเลย ไม่มีใครมาปลอบเธอ…
เมื่อเฉียวเหลียงเดินเข้ามาในห้องพักคนไข้ เขาเห็นถังซีซึ่งหลับอยู่กำลังร้องไห้ และร้องเรียก ‘คุณปู่’ ‘คุณพ่อ’ ‘คุณแม่’ เธอส่ายศีรษะพร้อมกับร้องออกมาว่า ‘อย่าทิ้งหนูไป’ เธอดูโดดเดี่ยว และสิ้นหวัง…
เฉียวเหลียงเดินเข้าไปนอนลงข้างๆ เธอ เช็ดน้ำตาให้เธอ โอบกอดเธออย่างอ่อนโยน และปลอบเธอเบาๆ “อย่าร้องไห้เลยนะ ที่รักของผม ผมอยู่กับคุณตรงนี้แล้ว อย่าร้องไห้ ผมจะอยู่เคียงข้างคุณเสมอ ได้โปรดอย่าร้องไห้ ไม่อย่างนั้นผมจะเศร้า…”
เขาปลอบเธอเสียงนุ่มอย่างอ่อนโยน จนกระทั่งถังซีลืมตามองเขา เขาตบไหล่เธอเบาๆ ก้มลงมองถังซีที่เพิ่งตื่นขึ้นมา น้ำตายังเปียกชุ่มขนตา เธอดูบอบบางและน่าสงสาร เขาก้มศีรษะลงจูบเธอที่หน้าผากและกระซิบ “คุณฝันถึงคุณปู่ คุณพ่อ คุณแม่หรือ”
ถังซีอยากเข้าไปซุกอกเฉียวเหลียง แต่แล้วก็พบว่าเธอขยับเอวไม่ได้จึงเลิกพยายาม เธอเงยหน้าขึ้นมองเฉียวเหลียงและพยักหน้า “ฉันไม่เคยฝันถึงพวกท่านมาก่อนเลย แต่คืนนี้ฉันฝันว่าคุณพ่อคุณแม่นั่งอยู่ด้วยกันกับแม่ของเซียวโหรว พูดคุยกันอย่างมีความสุข แล้วฉันก็เห็นคุณปู่ ท่านเศร้ามาก ท่านบอกว่าฉันออกมาเล่นข้างนอกนานแล้ว ถึงเวลาที่ฉันต้องกลับบ้านแล้ว ท่านคิดถึงฉันจริงๆ …”
เฉียวเหลียงมองเธอด้วยสายตาลึกซึ้ง โน้มลงจูบถังซีบนหน้าผาก “คุณจะได้กลับไป” เขาพึมพำ
ถังซียิ้มอย่างขมขื่น “น่าเสียดาย ถึงฉันจะสามารถกลับไปเมืองหลวง เข้าไปในเอ็มไพร์กรุป ได้พบคุณปู่ แต่ฉันไม่ได้เป็นหลานสาวของท่านอีกต่อไปแล้ว ฉันไม่ได้เป็นถังซีอีกต่อไป ฉันไม่สามารถกลับไปเป็นถังซีได้อีกแล้ว ฉันไม่สามารถเยียวยารักษาคุณปู่”
เฉียวเหลียงขมวดคิ้ว เมื่อนึกถึงโทรศัพท์ที่เขาได้รับที่ประตูโรงพยาบาล แล้วก้มลงมองถังซี
“ซีซี คุณปู่ของคุณดูเหมือนจะรู้เรื่องการเสียชีวิตของคุณแล้วนะ แต่ท่านแกล้งทำเหมือนว่าท่านไม่รู้ บางทีท่านอาจจะ…”