ถังจงติดตามเจ้านายมาเกือบหกสิบปี ได้เห็นมาตลอดว่าผู้ชายคนนี้ผ่านอะไรมาบ้าง เขาเผชิญทุกสิ่งทุกอย่างร่วมกับเจ้านาย แต่เจ้านายไม่เคยแสดงให้เห็นด้านที่โศกเศร้าและอ่อนแอของท่านเลย ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาเกือบลืมไปแล้วว่าเจ้านายก็เป็นมนุษย์ที่มีอารมณ์และความต้องการ เมื่อจู่ๆ ได้ยินคำพูดถึงความจริงในชีวิตท่าน เขาก็อดรู้สึกเศร้าไม่ได้
ใช่ ถึงแม้เจ้านายจะไม่เคยมีท่าทางโศกเศร้าให้เห็น แต่จริงๆ แล้วในใจท่านนั้นเศร้ามาก เมื่อครั้งที่คุณหนูถังหยาหายตัวไป จากนั้นพวกเขาก็ได้ยินว่าเธอเสียชีวิต ผมของนายท่านเปลี่ยนเป็นสีขาวในชั่วข้ามคืน ต่อมาภรรยาท่านก็เสียชีวิต หลังจากนั้นเขาแทบไม่เคยเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าท่านอีกเลย แต่นายท่านของเขาก็ยังสามารถเลี้ยงดูนายน้อยขึ้นมาได้โดยลำพัง
เขายังจำได้ว่าครั้งแรกที่นายท่านยิ้มหลังจากภรรยาเสียชีวิต ก็คือตอนที่คุณหนูถังซีเกิด ทันทีที่นายท่านเห็นทารกน้อย ใบหน้าท่านก็สดใสด้วยรอยยิ้ม ในตอนนั้นท่านกล่าวว่า “เด็กหญิงน้อยๆ คนนี้คือความหวังของตระกูลถังของเรา เราจะเรียกเธอว่าถังซี”
อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณหนูถังซีอายุยังไม่ถึงสองขวบ นายน้อยกับภรรยาก็ประสบอุบัติเหตุขณะออกไปข้างนอก นายท่านต้องเผชิญกับเคราะห์กรรมอย่างกล้าหาญ ท่านพาคุณหนูถังซีตามติดท่านไปตลอดเวลา และเลี้ยงดูเธอด้วยตัวเอง ไม่ว่าคุณหนูถังซีจะต้องการอะไร นายท่านจะหามาให้เธอ…
ในขณะที่ถังจงค่อยๆ ย้อนรำลึกถึงชีวิตของถังเจิ้นหวา บุคคลในความคิดของเขากำลังเดินไปที่ตัวคฤหาสน์ด้วยไม้เท้า เมื่อมาถึงหน้าประตูท่านก็หยุด หันกลับไปมองท้องฟ้าแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ พึมพำเบาๆ “ซีซี ให้อภัยปู่ด้วย ที่ปู่ไม่กล้าเผชิญหน้ากับความจริง แม้จะรู้ว่าหนูตายไปแล้ว ให้อภัยปู่ด้วยที่ไม่ได้พาหนูกลับบ้าน แม้จะรู้ว่าหนูอยากกลับบ้าน โปรดให้เวลาปู่ รอก่อน ปู่จะพาหนูกลับบ้านเร็วๆ นี้”
เมื่อถังจงได้ยินคำพูดของถังเจิ้นหวา ดวงตาเขาก็แดงก่ำและถามออกมา “นายท่าน ทำไมท่านต้องทรมานตัวเองอย่างนี้”
ถังเจิ้นหวาหันไปมองถังจง แล้วถอนหายใจ “นั่นสิ ทำไม”
ทำไมเขาต้องชนะ ทำไมเขาถึงไม่ยอมจำนนต่อโชคชะตา ทำไมเขาต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้อะไรเลยเมื่อหลานสาวเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ อย่างไรก็ตามหากเขาไม่ทำเช่นนี้ เอ็มไพร์กรุปที่เขาสร้างขึ้นเพื่อลูกหลานผู้สืบสกุลก็จะกลายเป็นของคนอื่น เขาจะไม่ยอมให้คนพวกนั้น คนที่ฆ่าหลานสาวเขา ได้เงินจากทรัพย์สินของเขาไปแม้แต่สตางค์เดียว เพราะฉะนั้นเขายังคงต้องรอ จนกว่าเขาจะสามารถนำร่างหลานสาวจากมหาสมุทรแปซิฟิกกลับมาบ้านได้
ถังเจิ้นหวาเดินเข้าไปในบ้าน ขณะที่ถังจงเรียกแม่บ้านให้ยกอาหารอ่อนๆ ที่เตรียมไว้มา ถังเจิ้นหวามองดูอาหารอ่อนที่ยกมาและขมวดคิ้ว “อาจง ใครจะนึกภาพออกว่า ถังเจิ้นหวาแห่งเอ็มไพร์กรุป จะทานได้แค่อาหารแบบนี้เท่านั้น”
ถังจงหยิบช้อนคันหนึ่งขึ้นมาส่งให้ถังเจิ้นหวา โดยไม่สนใจคำพูดของเจ้านาย เขากล่าวอย่างสุภาพว่า “นายท่านครับ ท่านยังมีความดันโลหิตสูงและคอเลสเตอรอลสูงอยู่นะครับ อาหารพวกนี้เราปรุงขึ้นตาม… สูตรที่คุณหนูคิดขึ้นมาสำหรับท่านนะครับ ท่านต้องดูแลตัวเองให้ดีเพื่อคุณหนูด้วยนะครับ”
“ฉันก็คงเถียงไม่ได้สินะ” ถังเจิ้นหวาตอบอย่างสิ้นหวัง ขณะหยิบช้อนขึ้นมาเริ่มตักข้าวต้มรับประทาน หลังจากทานไปสองคำ ท่านก็หยิบตะเกียบขึ้นมาคีบอาหารจากจานอื่น แล้วมองหน้าถังจง พร้อมกับกล่าวว่า “นั่งลง แล้วทานเป็นเพื่อนฉัน”
“เอ้อ…” ถังจงชะงัก มองหน้าถังเจิ้นหวาด้วยความประหลาดใจ ถังเจิ้นหวาชี้ไปที่เก้าอี้ทางซ้ายท่านแล้วกล่าวซ้ำด้วยสีหน้าเรียบเฉย “นั่งลง แล้วทานเป็นเพื่อนฉัน”
ถังจงลังเล แต่ก็รีบทำตาม เขาบอกให้สาวใช้ที่คอยดูแลอยู่นำตะเกียบกับชามมาให้เขา แล้วนั่งลงทางด้านซ้ายของถังเจิ้นหวา ทานอาหารร่วมกับเจ้านาย
นายท่านช่างโดดเดี่ยวเหลือเกิน ในอดีตนั้นถึงแม้คุณหนูจะไม่ได้อยู่บ้าน แต่เธอจะกลับมาทานอาหารค่ำกับนายท่านสัปดาห์ละสองหรือสามวัน ต่อมาเมื่อนายท่านเริ่มสุขภาพไม่ดี และคุณหนูเลิกคบกับคุณเฉียวเหลียง เธอก็มาอยู่ที่บ้านกับนายท่านเกือบทุกวัน หลังจากนั้นเธอก็เริ่มไปทำงานที่บริษัท แต่เธอยังคงกลับมาทานอาหารค่ำกับนายท่านทุกคืน… ตอนนี้นายท่านมีเพียงเขาเท่านั้น ที่จะร่วมทานอาหารด้วย
ถังจงเคี้ยวผักช้าๆ พยายามระงับความขมขื่นในใจ เมื่อเห็นถังจงทานแต่กะหล่ำปลีอย่างนั้น ถังเจิ้นหวาก็ขมวดคิ้ว “กะหล่ำปลีนั่นอร่อยมากหรือ เก็บไว้ให้ฉันบ้างสิ!” จากนั้นท่านก็คีบเอากะหล่ำปลีผัดจากตะเกียบของถังจงมาทานเอง
ถังจงอึ้ง “…” นายท่าน! แล้วแต่ท่านครับ อะไรก็ได้ที่ท่านจะมีความสุข!
เมื่อมีถังจงทานอาหารด้วยในที่สุดถังเจิ้นหวาก็ไม่รู้สึกเหงาอีกต่อไป หลังอาหารเย็นถังจงไปเปิดทีวีที่ห้องนั่งเล่นให้ถังเจิ้นหวา ซึ่งมีนิสัยชอบดูข่าวหลังอาหารค่ำทุกวัน ถังเจิ้นหวาเดินไปนั่งที่โซฟา ขณะถังจงไปยกน้ำผลไม้มาให้
ถังเจิ้นหวาจิบน้ำผลไม้แล้ววางลงบนโต๊ะ ท่านมองไปรอบๆ ห้องนั่งเล่นอันกว้างขวาง แล้วร้องเรียก “ถังจง!”
ถังจงกำลังจะไปหยิบยาให้ถังเจิ้นหวาที่ห้องทำงาน รีบกลับออกมาเอ่ยว่า “ครับ นายท่าน”
ถังเจิ้นหวาชี้ที่โซฟาถัดจากท่าน “นั่งลง ดูข่าวกับฉัน” ท่านกล่าว
ถังจงกะพริบตาปริบๆ กลับไปหยิบยา แล้วขอให้แม่บ้านนำน้ำอุ่นมาให้ถังเจิ้นหวาทานยา ก่อนจะไปนั่งลงบนโซฟาหนังสีดำข้างถังเจิ้นหวา และดูโทรทัศน์กับท่าน
ขณะนั่งอยู่ที่โซฟาถังเจิ้นหวามองไปรอบๆ ห้องนั่งเล่น ถอนหายใจแล้วพึมพำขึ้น “ฉันน่าจะสร้างบ้านหลังเล็กๆ ตอนนี้บ้านดูโล่งเหลือเกิน”
จมูกถังจงฟุดฟิดขึ้นมาอีกครั้ง เขาเกือบจะร้องไห้ออกมาอีกแล้ว บ้านหลังนี้เก่าแก่มาก นายท่านสร้างขึ้นเมื่อท่านแต่งงานกับภรรยา เฉพาะตัวบ้านอย่างเดียวมีขนาดใหญ่กว่าหนึ่งพันตารางเมตร ในขณะที่ห้องนั่งเล่นมีพื้นที่มากกว่าสามร้อยตารางเมตร นายท่านบอกว่าเมื่อลูกๆ ท่านโตขึ้น ท่านจะได้มีพื้นที่สำหรับจัดวางสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อความบันเทิงต่างๆ ในห้องนั่งเล่นนี้… แต่แล้ว…
ถังจงหันหน้าหนีเพื่อเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาตรงหางตา “นายท่าน” ถังจงเริ่มขึ้นเบาๆ “นายท่านครับ ถังเฟิงบอกผมว่า เขาเจอคุณเฉียวเหลียงแถวทะเลแปซิฟิก ดูเหมือนว่าคุณเฉียวเหลียงจะได้ยินข่าวเรื่องคุณหนู จึงไปตามหาเธอ และ…”
“เขาหาเธอไม่พบ ใช่ไหม” ถังเจิ้นหวาขัดจังหวะก่อนที่ถังจงจะพูดจบ “ถ้าเขาพบ” ท่านกล่าวต่อไป “เด็กหนุ่มคนนั้นจะรีบมาที่เมืองหลวง และหักคอทุกคนที่ฆ่าซีซี”
“นายท่าน…” ถังจงมองเจ้านายด้วยท่าทางประหลาดใจ
ถังเจิ้นหวาโบกมือไปมา “เด็กคนนั้นเป็นคนดี น่าเสียดายที่เขาไม่ได้ถูกกำหนดให้ได้ร่วมชีวิตกับซีซีของฉัน เธอก็เห็น ทุกคนรู้ว่าเด็กคนนั้นทำอะไรมากมายเพื่อซีซีในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ซีซีไม่เคยทำอะไรให้เขาเลย หลานสาวฉันไม่เคยได้รู้เลยแม้กระทั่งตอนเสียชีวิต ว่าผู้ชายที่เธอรัก ก็รักเธอเหมือนกัน เธอไม่เคยรู้เลย”
“นั่นเป็นเพราะฉิน…”
ถังเจิ้นหวาถอนหายใจ “ถ้าหากพวกเขาถูกกำหนดให้ร่วมชีวิตกัน ไม่ว่าจะมีใครสักกี่คนพยายามทำลายความรักของพวกเขา ทั้งสองก็จะไว้วางใจ เชื่อใจซึ่งกันและกัน และพยายามฝ่าฟันเพื่อให้ได้อยู่ด้วยกัน โดยไม่คำนึงถึงอุปสรรคใดๆ”