ตอนที่ 419 รับสมัครคนงาน

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 419 รับสมัครคนงาน

ไป๋ยู่เหลียนวางจดหมายแล้วลุกออกไปทันทีด้วยความกระอักกระอ่วน

บัดนี้จางเพ่ยเอ๋อร์มั่นใจมากยิ่งขึ้นไปอีกว่า “ท่านพี่…ฟู่เสี่ยวกวนต้องยังมิตายเป็นแน่ ! ”

จางเหวินฮั่นรับจดหมายมาแล้วกางออก “น้องพี่…พี่รู้ว่าฟู่เสี่ยวกวนนั้นคือชายหนุ่มอัจฉริยะ หญิงสาวที่หลงรักเขาป่านนี้ก็คงจะตรอมใจกระโดดลงแม่น้ำไปหมดแล้ว เจ้าเองก็ยังเคยกระโดดแม่น้ำเพราะเขาเลยนี่ เจ้าลงมาจากเขาครานี้ก็เพื่อจะมาสังหารเขา…พี่ว่า เจ้ากลัวว่าตนเองจะฝึกวิชากระบี่ไร้หัวใจนั่นมิสำเร็จ”

จางเพ่ยเอ๋อร์หน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ นางเบ้ปากเล็กน้อย “หากเขายังมิตายเสียจริง ๆ ล่ะก็ ข้าจะสังหารเขาให้จงได้ ! ”

จางเหวินฮั่นเหลือบไปมองจางเพ่ยเอ๋อร์ เขาลอบคิดอยู่ในใจว่าหากแม้เขายังมิตาย แล้วบัดนี้ได้ยืนอยู่เบื้องหน้าของเจ้า อย่าว่าแต่จะสังหารเขาเลยเพียงแค่กระบี่เจ้าก็ยังจับเอาไว้มิมั่น จะเอาปัญญาที่ไหนไปสังหารเขากันเล่า ?

หลังจากนั้นเขาก็ได้ย้ายสายตามาทางตัวหนังสือที่ดึงดูดที่อยู่เบื้องหน้านี้แทน เขาตั้งใจเพ่งเล็งในทุกตัวอักษร และแล้วใบหน้าก็ค่อย ๆ เผยความปลื้มปิติออกมา

“ฮ่า ๆ ๆ เดิมทีพี่ดูถูกเจ้าลูกเศรษฐีผู้นี้เสียด้วยซ้ำ แต่ทว่าบัดนี้กลับรู้สึกเคารพในความเก่งกาจของเขาเสียจริง ๆ ! ”

“พวกเจ้ามานี่หน่อย…จงไปเรียกผู้ช่วยหวงเข้ามา ข้ามีภารกิจต้องการมอบให้กับเขา”

“เอามานี่…ให้ข้าดูหน่อยเถิด”

“เจ้าคิดจะสังหารเขา แล้วเจ้าจะดูไปเพื่อประโยชน์อันใดกัน ? ”

“ท่านพี่… ! ”

จางเหวินฮั่นส่งจดหมายให้กับผู้ที่เป็นน้องสาว แล้วพลางนึกไปว่าคนเยี่ยงฟู่เสี่ยวกวนตายเสียก็ดี หากว่าเขายังคงมีชีวิตอยู่ เขาคงจะทำลายชีวิตของหญิงสาวไปอีกหลายราย !

เมื่อผู้ช่วยหวงได้เดินเข้ามา จางเหวินฮั่นก็ได้ชี้นิ้วออกไป “เชิญนั่งก่อนเถิด บัดนี้อำเภอของพวกเรามีประชากรกลับมาทั้งสิ้นกี่คน ? ”

“ท่านนายอำเภอที่เคารพ กองทัพชายแดนทางเหนือส่งกลับมาแล้วทั้งสิ้น 31,278 คน ผู้คนเหล่านี้ก็คือพวกที่ถูกต้อนขึ้นไปที่ภูเขาผิงหลิงเมื่อฤดูหนาวปีที่แล้วขอรับ”

“บัดนี้ได้ลงหลักปักฐานแล้วเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“คนที่ยังมีกระท่อมหลงเหลืออยู่ก็กลับกระท่อม ยังมีอีก 3,000 คนที่มิมีกระท่อมให้กลับ ดีที่สำนักศึกษาผิงหลิงอยู่ในช่วงปิดเทอมพอดี ทั้งสามพันคนนี้จึงอาศัยอยู่ในสำนักศึกษาเป็นการชั่วคราว จำต้องรอจนกระทั่งกระท่อมที่ผุพังไปนั้นถูกสร้างขึ้นมาใหม่จนแล้วเสร็จ แต่ก็เกรงว่าอาจจะกินเวลานานถึงปีหน้า กองทัพชายแดนเหนือได้ส่งอาหารมาให้พวกเขากักตุนไว้กินในช่วงฤดูหนาว ส่วนเงินที่มีมาให้นั้นมีเพียงแค่ 2,100 ตำลึงเท่านั้น”

ผู้ช่วยหวงทำท่าพินิจอย่างละเอียด จากนั้นจึงได้เอ่ยต่อ “ทางชวูอี้เองก็เร่งรัดให้ข้าแบ่งอาหารและเงินเหล่านั้นให้พวกเขาด้วย ข้าคิดว่าควรแบ่งให้เพียงบางส่วนก่อนดีหรือไม่ ? ”

“ช้าก่อน ! ” จางเหวินฮั่นโบกมือปัด “เยี่ยนหลินชิวนั้นมีท่านอัครมหาเสนาบดีเยี่ยนคอยหนุนหลัง ท่านวางใจเถิด เขาคงมิได้ขัดสนเงินทองและอาหารหรอก แต่กลับเป็นพวกเราต่างหากเล่า เป็นลูกที่พ่อมิสนใจแม่ก็มิรัก นี่เพิ่งจะย่างเข้าสู่ฤดูหนาวเท่านั้นเอง ข้ายังมิรู้เลยว่าปีนี้จะสามารถข้ามผ่านฤดูหนาวไปได้อย่างสงบสุขหรือไม่…”

จางเหวินฮั่นรินชาให้ผู้ช่วยหวงหนึ่งถ้วย โน้มตัวเข้าไปหาเขาแล้วเอ่ยบางอย่างที่ดูมีลับลมคมใน “เหล่าหวง วันนี้ข้ามีข่าวใหญ่จะมาแจ้งให้ท่านทราบ หากพวกเราสามารถเดินตามแผนนี้ได้แน่นอนเสียว่าอำเภอผิงหลิงของเราจะพลิกโฉมไปในทันที”

ผู้ช่วยหวงถึงกับชะงัก เขาคิดในใจว่าตนนั้นมารับหน้าที่ตั้งแต่ตำแหน่งเล็ก ๆ จนถึงตำแหน่งผู้ช่วยนายอำเภอบัดนี้ก็ล่วงเลยมาถึง 30 ปีแล้ว !

และตลอด 30 ที่ผ่านมา นายอำเภอได้ถูกเปลี่ยนไปแล้วมากถึง 15 คนด้วยกัน !

ทุกคนที่เข้ามารับราชการนั้นต่างก็มีความตั้งใจหนักแน่น แต่ทว่าเมื่อถึงเวลาที่ต้องจากไปก็ต่างมีสภาพสะบักสะบอมเสียจนดูมิได้

เช่นเดียวกับนายอำเภอผู้นี้ เมื่อปีกลายตอนที่มาที่นี่ช่วงแรก ๆ ก็ยังคงกระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวา เปล่งวาจาออกมาแต่ละคราก็เป็นทางการไปเสียหมด แต่พอทุกวันนี้ได้สนิทชิดใกล้กับเขามากขึ้นก็เลยเรียกเหล่าหวง…เหล่าหวงมิขาดปาก

สถานที่ทุรกันดารแห่งนี้ทำร้ายผู้คนได้มากถึงเพียงนี้เชียวหรือ !

ที่น่าเห็นใจก็คือนายอำเภอผู้นี้ แม้กระทั่งสมองเองก็เริ่มฟั่นเฟือนเสียแล้ว

จึงได้เกิดภาพจินตนาการที่ผิดปกติเยี่ยงนี้ออกมา ต้องการให้ผิงหลิงพลิกโฉมไปทันตาเยี่ยงนั้นหรือ ? พลิกเยี่ยงไรเล่า ? ยากจนถึงเพียงนี้ต่อให้พลิกเยี่ยงไรก็ยังจะยากจนอยู่วันยังค่ำ !

จางเหวินฮั่นยกมือขึ้นไปวางไว้บนบ่าของผู้ช่วยหวงด้วยความสนิทชิดเชื้อ “เวลานี้ เจ้าจงสั่งให้ผู้ตรวจการเจิ้ง นำผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาไปราว 20 คน ไปเคาะระฆังเพื่อเผยแพร่คำประกาศของข้า ! ”

“ประกาศสิ่งใดเยี่ยงนั้นหรือ ? ” ผู้ช่วยหวงเอ่ยถามด้วยความตื่นตกใจ

“รอประเดี๋ยว ข้าจะเขียนให้ท่าน”

จางเหวินฮั่นนำพู่กัน หินฝนหมึก และกระดาษออกมา แล้วบรรจงเขียนด้วยความกระฉับกระเฉง

“โรงงานปูนซีเมนต์ โรงงานอิฐและกระเบื้องแห่งซีซานสาขาอำเภอผิงหลิงกำลังจะเปิดรับคนงาน มิจำกัดจำนวน มิจำกัดเพศ เกณฑ์จำกัดอายุ 12 ปีจนถึง 60 ปี ค่าตอบแทนคิดเป็นรายวัน วัยฉกรรจ์วันละ 50 อีแปะ ผู้เยาว์และผู้สูงอายุวันละ 30 อีแปะ ผู้ที่อ่านออกเขียนได้วันละ 80 อีแปะ และผู้ที่มีความสามารถพิเศษวันละ 100 อีแปะ ! ”

ผู้ที่สนใจให้เดินทางมาสมัครได้ที่…ที่ว่าการอำเภอผิงหลิง เมื่อสมัครเสร็จแล้ว รับข้าวสารทันที 5 ชั่ง !

และนี่ก็คือคำเอ่ยของฟู่เสี่ยวกวนในจดหมายสั่งเสีย เมื่อผู้ช่วยหวงเห็นเช่นนั้นก็ถึงกับตกตะลึง

“นี่มัน…ท่านนายอำเภอ เงินคงคลังของพวกเรากับเงินของกองทัพชายแดนเหนือรวมกันก็มีเพียงแค่ 4,000 ตำลึงเท่านั้น ท่านทำเยี่ยงนี้…”

มันน่ากลัวจนเกินไป !

หนึ่งวัน 50 อีแปะ เดือนหนึ่งมิมากถึง 1,500 อีแปะเลยเยี่ยงนั้นหรือ ? นั่นมันเป็นเงินตำลึงครึ่งเลยนะ !

ตนเองรับตำแหน่งเป็นผู้ช่วยนายอำเภอเดือนหนึ่งเขาหาเงินได้เพียงแค่ 2 ตำลึงเท่านั้นเอง ตนเองก็เป็นคนอ่านออกเขียนได้ เช่นนั้นก็ไปทำงานที่โรงงานซีซานอะไรนั่นมิดีกว่าหรือ เงินเดือนยังจะสูงเสียยิ่งกว่าการเป็นผู้ช่วยนายอำเภอเสียอีก

ท่านนายอำเภอผู้นี้คาดว่าคงจะเพ้อฝันเสียจนสติฟั่นเฟือนไปแล้วเป็นแน่ !

“อะไรกัน ท่านมิเชื่อเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

จางเหวินฮั่นวางพู่กันลงแล้วถูมือทั้งสองข้างเข้าด้วยกัน “นี่เป็นการลงทุนครั้งใหญ่ในการผลักดันนโยบายการค้าคู่การเกษตร ข้าจะบอกอะไรให้ เมื่อผ่านปีนี้ไปทางซีซานจะมาลงทุนที่อำเภอผิงหลิงมากขึ้นเรื่อย ๆ ท่านรู้หรือไม่ว่ามันจะเป็นเงินจำนวนมหาศาลถึงเพียงใด ? ”

ผู้ช่วยหวงส่ายหน้าด้วยความตกตะลึง

“ขั้นต่ำก็คือตัวเลขนี้ ! ” จางเหวินฮั่นกางนิ้วมือออกมา

“5,000 ตำลึงเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

จางเหวินฮั่นส่ายศีรษะ

“หรือว่าจะเป็น 50,000 ตำลึงกัน ? ” ผู้ช่วยหวงสูดหายใจเข้าด้วยความตกตะลึง เท่ากับว่าเป็นเงินลงทุนที่เยอะที่สุดในประวัติศาสตร์ของผิงหลิง !

จางเหวินฮั่นขมวดคิ้ว “เหล่าหวงท่านนี่ดีไปหมดเสียทุกอย่าง เสียดายอย่างเดียวคือขาดความกล้า ข้าจะบอกอะไรให้ เงินลงทุนอย่างต่ำก็เป็นจำนวน 500,000 ตำลึงแล้ว ! ”

ครานี้ผู้ช่วยหวงงงเป็นไก่ตาแตก ช่างยากที่จะเชื่อมากยิ่งนัก !

จางเหวินฮั่นยกมือตบบ่าผู้ช่วยหวง แล้วยิ้มราวกับผู้ร้ายออกมา “เหล่าหวงยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว กงเซินจ่างได้ถูกตัดหัวไปแล้ว ฝ่าบาททรงออกแผนโยบายการค้าคู่การเกษตร ฐานะของพ่อค้าก็ถูกยกให้สูงขึ้นไปเรื่อย ๆ และอีกไม่นานก็คงจะออกนโยบายเอื้อผลประโยชน์ต่าง ๆ ให้เหล่าพ่อค้าออกมาเช่นกัน พวกเราก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับกระแสในยุคปัจจุบันและตามให้ทันยุคสมัย”

คำเอ่ยเหล่านี้ล้วนแต่ยกมาจากจดหมายสั่งเสียของฟู่เสี่ยวกวน ฟู่เสี่ยวกวนกังวลมากยิ่งนักว่าเขาจะอ่านผ่าน ๆ ไปแล้วมิยอมนำไปประยุกต์ใช้ เขาเลยเขียนบรรยายเสียจนละเอียดยิบ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถช่วยปลดปล่อยความคิดของจางเหวินฮั่นได้

แต่สิ่งที่เขามิล่วงรู้ก็คือตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา จางเหวินฮั่นโดนสภาพอันโหดร้ายเยี่ยงนี้กดดันเสียจนเกือบเป็นบ้า

หากย้อนกลับไปเมื่อตอนที่เขาเพิ่งได้รับตำแหน่งนั้น เขาอาจจะมิแม้แต่ชายตามองจดหมายของฟู่เสี่ยวกวนเลยด้วยซ้ำ แต่ทว่าบัดนี้เขากลับหวังให้ธุรกิจสามารถขับเคลื่อนได้โดยเร็วมากกว่าที่ฟู่เสี่ยวกวนคาดหวังเสียอีก !

“ซีซานที่ว่านี่…ที่มาที่ไปมันเป็นเยี่ยงไรกัน ? ”

ผู้ช่วยหวงมิได้ถูกคำเอ่ยของจางเหวินฮั่นทำให้หน้ามืดตามัว เขากลับกังวลว่าจะเป็นมิจฉาชีพหรือไม่ หากเป็นนักธุรกิจทั่วไปต้องการลงทุนจำนวนมหาศาลถึงเพียงนี้ พวกเขาเลือกลงทุนในเมืองหย่งหนิงมิดีกว่าหรือ เหตุใดถึงต้องนำเม็ดเงินมาโปรยในที่ที่ลำบากยากจนแม้แต่นกก็มิอยากมาขี้ใส่เช่นนี้ด้วย ?

“ซีซานอยู่ที่เมืองหลินเจียงบ้านเกิดของข้า เป็นสถานที่ที่ลูกชายเศรษฐีที่ดินท่านหนึ่งได้ก่อตั้งขึ้นมา บนนั้นมีโรงงานมากมาย มิว่าจะเป็นโรงงานปูนซีเมนต์หรือโรงงานอิฐกระเบื้องเพียงแค่สองโรงงานนี้…แต่ทว่าก็ทำเงินได้จำนวนมหาศาล ทำให้เขากอบโกยกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ ท่านอย่าได้เคลือบแคลงความสามารถในการทำเงินของซีซานเลย”

เมื่อผู้ช่วยหวงได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกสบายใจและรู้สึกกระฉับกระเฉงขึ้นมา

“ท่านจะให้ค่าตอบแทนรายวันสูงถึงเพียงนี้จริงเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“ค่าตอบแทนนี้มิใช่ข้าที่เป็นผู้จ่าย แต่เป็นนายน้อยแห่งซีซานนั่นต่างหาก แล้วเยี่ยงนี้จะเป็นเรื่องเท็จได้เยี่ยงไรกัน ? ”

“แล้วปูนซีเมนต์…คือสิ่งใดกัน ? ”

“เป็นของดีเชียวล่ะ ประเดี๋ยวท่านก็ย่อมรู้เอง รีบนำเรื่องนี้ไปจัดการให้เสร็จสรรพ อย่าผลัดเสียจนพวกเขามาถึงแล้วก็ยังหาคนงานมิได้ เยี่ยงนั้นแล้วพวกเราย่อมแย่เป็นแน่ถ้าหากพวกเขาเกิดเปลี่ยนใจ ! ”