บทที่ 348 ปล่อยตัวผู้บริสุทธิ์เดี๋ยวนี้!

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 348 ปล่อยตัวผู้บริสุทธิ์เดี๋ยวนี้!

“ข้าคือเทพีกระบี่”

หลินเป่ยเฉินเริ่มต้นสวมบทบาทตามที่ได้รับ

พูดออกไปแล้วเขาก็ต้องสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ

เพราะเสียงของเขามันเปลี่ยนไป

เสียงพูดที่เปล่งผ่านออกจากลำคอเหลือเสียงเดิมของเขาอยู่เพียง 3 ส่วนเท่านั้น

อีก 7 ส่วนที่เหลือเป็นน้ำเสียงที่แปลกประหลาด มันเหมือนเสียงโลหะกระทบกัน ไม่มีอารมณ์ความรู้สึก ไม่ใช่เสียงของมนุษย์ทั่วไป

แต่สำหรับผู้ที่ศรัทธาในเทพีกระบี่ นี่กลับยิ่งทำให้พวกเขาเชื่อว่าหลินเป่ยเฉินมีวิญญาณของเทพีกระบี่สิงอยู่ในร่างจริงๆ

หลินเป่ยเฉินที่ยืนอยู่เบื้องหน้าทุกคนขณะนี้ไม่ใช่มนุษย์

แต่เป็นเทพเจ้า

เด็กหนุ่มคือตัวแทนที่เทพีกระบี่เลือกสรรมาแล้ว

“คารวะท่านเทพพระเจ้า”

“พวกเราขออุทิศชีวิตให้แก่ท่าน”

ชาวเมืองก้มหัวคำนับหลินเป่ยเฉินด้วยความเคารพนับถือ

เดี๋ยวนะ?

เป็นแบบนี้ก็รู้สึกดีเหมือนกันนะเนี่ย

หลินเป่ยเฉินรู้สึกเหมือนตนเองเป็นเทพเจ้าขึ้นมาจริงๆ แล้ว

เขาค่อยๆ กางแขนออกไป

ไม่รู้มีปีกกระบี่งอกออกมาจากแผ่นหลังของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ มันแผ่พลังศักดิ์สิทธิ์ออกมาปกคลุมผู้คนทั่วทั้งลานจัตุรัส ระเบิดลำแสงสว่างไสวครอบคลุมไปทั่วตัวเมืองหยุนเมิ่ง

หลินเป่ยเฉินไม่อยากเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นเช่นกัน

“ข้าคือเทพีกระบี่” เขาพูดออกมาอีกครั้ง

เสียงพูดที่แปลกประหลาดดังก้องกังวานทั่วแผ่นฟ้า

แล้วร่างของเขาก็ค่อยๆ ลอยขึ้นจากพื้นดินอย่างเชื่องช้า

เมื่อมีเสียงสวดมนต์ขับขานมาจากพวกของนักพรตหญิงชิน เยว่เว่ยหยางและบรรดานักบวชสาวคนอื่นๆ พลังปราณศักดิ์สิทธิ์ก็พวยพุ่งออกมาจากร่างกายของหลินเป่ยเฉินตลอดทุกสัดส่วน ไม่ว่าจะเป็นรูขุมขนบนผิวหนังหรือรูจมูกบนใบหน้า

“พวกเจ้าคือสาวกผู้ซื่อสัตย์ของข้า” หลินเป่ยเฉินยกมือโบกสะบัด

แล้วโซ่ตรวนที่พันธนาการพวกของฉู่เหิน พานเว่ยหมิน อู๋เฟิ่งกู หยางเฉินโจวและคนอื่นๆ ก็ขาดสะบั้นลงในที่สุด

ตุบ!

ทุกคนถูกจับมัดกับเสาไม้เป็นเวลาเนิ่นนาน จุดก่อกำเนิดพลังลมปราณถูกสกัดปิดกั้น เมื่อได้รับการปลดปล่อยพันธนาการอย่างกะทันหัน คณะอาจารย์ของหลินเป่ยเฉินก็ล้มลงคุกเข่ากับพื้นดินทันที

พวกเขาหอบหายใจเหมือนกำลังเจ็บปวดทรมาน

ไม่มีใครมองเห็นเลยว่าหลินเป่ยเฉินกำลังยิ้มแหยๆ เพราะแสงสว่างที่แผ่ออกมาจากร่างกายของเขามันเจิดจ้ามากเกินไป

เอ๋?

สงสัยเมื่อกี้มือลื่นไปหน่อย

นี่คือครั้งแรกที่หลินเป่ยเฉินได้ควบคุมพลังเหนือธรรมชาติ เขาจึงคำนวณเป้าหมายผิดพลาด แทนที่จะปล่อยพลังใส่โซ่ตรวนอย่างแม่นยำ กลายเป็นว่าพลังบางส่วนได้แทรกซึมเข้าไปในร่างกายของฉู่เหินและพรรคพวกเสียอย่างนั้น

ขอโทษทีนะขอรับอาจารย์ฉู่

หลินเป่ยเฉินยกมือโบกสะบัดอีกครั้ง

คราวนี้พวกของฉู่เหินกลับมามีสีหน้าเป็นปกติแล้ว

“หลินเป่ยเฉิน เจ้าเด็กคนนี้เป็นผู้ที่เทพีกระบี่เลือกหรือนี่ เขาช่างโชคดีเหลือเกิน ทีนี้ก็ได้เวลาล้างแค้นแล้วสินะ…”

ฉู่เหินปัดเศษฝุ่นออกจากร่างกาย ลุกขึ้นยืนยิ้มหน้าบาน

แต่พูดยังไม่ทันจบ พานเว่ยหมินกับหลิวฉีไห่ก็ต้องรีบดึงให้ชายชรากลับลงมานั่งคุกเข่าโขกศีรษะคำนับกับพื้นดิน

“เลิกพูดจาเหลวไหลได้แล้ว คนที่อยู่ต่อหน้าเราตอนนี้ไม่ใช่หลินเป่ยเฉิน แต่เป็นท่านเทพีกระบี่เขียวนะ”

“ถูกต้อง นี่คือท่านเทพีกระบี่ในตำนาน เราจะทำตัวตามปกติได้อย่างไร”

พานเว่ยหมินกับหลิวฉีไห่ที่คุกเข่าอยู่ด้านข้างรีบกระซิบกระซาบบอกฉู่เหิน

ฉู่เหินสะดุ้งโหยงด้วยความร้อนรน ตั้งสติได้ก็รีบโขกศีรษะคำนับพื้นดิน

หลังจากนั้น ก็มีใครอีกคนหนึ่งรีบทำตามโดยทันที

“คารวะท่านเทพเจ้า” ถังกู่จินนั่งคุกเข่าโขกศีรษะคำนับพื้นดินและตะโกนออกมาเสียงดังฟังชัด

หัวใจของเขาแตกสลายหมดสิ้นแล้ว

หลินเป่ยเฉินคือผู้ที่เทพีกระบี่เลือกให้เป็นตัวแทน

ก่อนหน้านี้เขาเอาแต่ยืนกรานว่าหลินเป่ยเฉินเป็นสาวกปีศาจ แล้วจะเอาตัวรอดอย่างไรดี?

ในขณะที่โขกศีรษะคำนับหลินเป่ยเฉิน ถังกู่จินก็กำลังกระอักเลือดอยู่ในใจ

บรรดาผู้ติดตามของเขาทำอะไรไม่ถูกอีกแล้ว

ไป๋ไห่ชินที่อยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัสกำลังคิดหาทางเอาตัวรอด

ก่อนหน้านี้ เขามั่นใจว่าอย่างไรหลินเป่ยเฉินก็ไม่มีทางรอดพ้นความตายเด็ดขาด แต่บัดนี้… ชายชราไม่รู้แล้วว่าจะจัดการหลินเป่ยเฉินได้อย่างไรดี

แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกแล้ว

ถังกู่จินแทบจะคลานเข้าไปกอดขาหลินเป่ยเฉินในขณะที่กล่าวละล่ำละลักว่า “ท่านเทพีกระบี่ขอรับ ได้โปรดฟังคำอธิบายจากข้าก่อน!”

แต่หลินเป่ยเฉินไม่มีเจตนาจะพูดคุยกับเขาอีกแล้ว

“ทหาร” เด็กหนุ่มออกคำสั่ง “ปล่อยตัวผู้บริสุทธิ์เดี๋ยวนี้”

เขากำลังหมายถึงเซียวปิง หวังซินอวี่ โจวเค่อ หลินเสว่หยินและสมาชิกครอบครัวของทุกคนที่ถูกจับกุมตัวรอรับการลงโทษ เช่นเดียวกับคณะอาจารย์และลูกศิษย์จากสถานศึกษากระบี่ที่สาม และบรรดาพ่อค้าวาณิชที่เคยทำธุรกิจร่วมกับหลินเป่ยเฉิน

เจ้าหน้าที่มือปราบรีบลงมือปลดพันธนาการนักโทษทุกคนโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย

มีใครบ้างที่จะกล้าขัดคำสั่งเทพเจ้า?

“ทหารผู้ซื่อสัตย์ของข้า ไปลากตัวสาวกปีศาจออกมารับโทษทัณฑ์เดี๋ยวนี้”

หลินเป่ยเฉินชี้มือเข้าไปด้านในวิหารอีกครั้ง

กลุ่มเจ้าหน้าที่มือปราบอีกส่วนหนึ่งรีบลุกขึ้นยืนและวิ่งหายไปยังทิศทางที่เด็กหนุ่มยกมือชี้

หลังจากนั้นไม่นาน เฉาพั่วเถียน ตงฟางจัน มู่อวี่ซุนและเจิ้งโจวก็ถูกลากตัวออกมาจากที่พักผู้บาดเจ็บ

ทุกคนมีพลังปีศาจแผ่ออกมาจากร่างกาย เจ้าหน้าที่มือปราบเหล่านี้จึงมั่นใจว่ากลุ่มเด็กหนุ่มคือสาวกปีศาจที่เทพีกระบี่เอ่ยถึง

“ท่านเทพผู้ศักดิ์สิทธิ์… ได้โปรดเมตตาข้าน้อย ช่วยขับไล่พลังปีศาจออกไปจากร่างกายของพวกเราด้วย”

เฉาพั่วเถียนที่อยู่ในสภาพปางตายเมื่อเห็นลำแสงศักดิ์สิทธิ์สว่างไสว เขาก็รีบยันตัวลุกขึ้นนั่ง ขอร้องอ้อนวอนด้วยความคาดหวัง

เด็กหนุ่มผมทองรู้สึกว่าตนเองต้องปลอดภัยแน่นอน

“พลังปีศาจที่อยู่ในตัวเจ้าไม่ได้มาจากที่อื่น แต่มันมาจากจิตใจของเจ้าเอง เจ้าคือสาวกปีศาจ มีโทษสมควรตายและต้องถูกนำตัวไปประหารเดี๋ยวนี้”

หลินเป่ยเฉินยังคงสวมบทบาทตัวแทนเทพีกระบี่ได้อย่างสมจริง เขาตราหน้าเฉาพั่วเถียนว่าเป็นสาวกปีศาจ เหมือนที่อีกฝ่ายหนึ่งเคยทำกับเขามาตลอด

“ทหาร จับตัวเขาไปเผาทั้งเป็น”

“ไม่นะ ไม่ ไม่…” เฉาพั่วเถียนร่ำร้องด้วยความตื่นตกใจ พยายามดิ้นรนขัดขืนการจับกุม “ท่านเทพ ท่านกำลังเข้าใจผิด ข้านี่แหละคือสาวกผู้ศรัทธาท่านหมดหัวใจ ข้ายอมอุทิศทุกอย่างให้แก่ท่าน ได้โปรดช่วยเหลือข้าน้อยด้วย ข้าน้อยผิดไปแล้ว ข้าน้อยผิดไปแล้วจริงๆ อ๊าก…”

แต่เจ้าหน้าที่มือปราบที่ได้รับคำสั่งจากเทพเจ้า มีหรือที่จะฟังคำขอร้องของเฉาพั่วเถียน พวกเขานำตัวเด็กหนุ่มผมทองไปมัดติดกับเสาไม้บนกองฟืนโดยทันที

หากเป็นบุคคลทั่วไป เจ้าหน้าที่มือปราบอาจเกิดความลังเลใจขึ้นมาบ้าง

แต่นี่ผู้ที่ถ่ายทอดคำสั่งต่อพวกเขาคือเทพเจ้า แล้วพวกเขาจะสามารถรับฟังคำแก้ตัวของเฉาพั่วเถียนได้อย่างไร?

หลังจากนั้น ตงฟางจัน มู่อวี่ซุนและเจิ้งโจวก็พบเจอชะตากรรมเดียวกัน

“ท่านเทพ ข้าได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย พลังปีศาจอยู่ในตัวข้าเพียงน้อยนิดเท่านั้น…”

“ไม่นะ ข้ายังไม่อยากตาย”

“ท่านเทพได้โปรดให้อภัยข้าน้อยด้วย ข้าน้อยผิดไปแล้ว ข้าน้อยไม่ควรร่วมมือกับเฉาพั่วเถียนเพื่อลอบสังหารหลินเป่ยเฉิน เป็นเฉาพั่วเถียนหลอกให้ข้าน้อยรับประทานน้ำยาเพิ่มพลังลมปราณเข้าไป แล้วเขาก็สอนเรื่องชั่วร้ายพวกนี้กับเราทั้งหมด…”

เด็กหนุ่มทั้ง 3 คนพยายามหาทางรอดให้แก่ตนเอง

ในจำนวนนั้น คำพูดของเจิ้งโจวทำให้ชาวเมืองตกตะลึงมากที่สุด

นี่มันเท่ากับสารภาพผิดแล้วไม่ใช่หรือ?

เฉาพั่วเถียนเป็นคนวางแผนการทั้งหมดและมีปีศาจคอยหนุนหลัง

หลินเป่ยเฉินถูกใส่ความจริงๆ

เทพีกระบี่รู้เห็นทุกสิ่งทุกอย่าง

เมื่อเป็นเช่นนี้…

สายตาของทุกคนพลันเลื่อนไปจับจ้องไป๋ไห่ชินผู้เป็นอาจารย์ของเฉาพั่วเถียน

ในเมื่อลูกศิษย์เป็นสาวกปีศาจ แล้วผู้ที่เป็นอาจารย์นั้นเล่า?

วูบ!

ไป๋ไห่ชินที่มีสภาพบาดเจ็บปางตายไม่รู้ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน อยู่ดีๆ ก็ผุดกายลุกขึ้นใช้วิชาตัวเบาพยายามหลบหนีออกไปจากลานจัตุรัส…

เขาอยู่ที่นี่อีกไม่ได้แล้ว

ก่อนหน้านี้ที่ต้องพ่ายแพ้ให้แก่หลินเป่ยเฉินนั่นก็นับว่าน่าเจ็บปวดพอแล้ว แต่ถ้าจะให้ร้องขอความเมตตาจากเด็กหนุ่มอีกล่ะก็ ไป๋ไห่ชินไม่สามารถทำได้จริงๆ

บัดนี้ เฉาพั่วเถียนซึ่งถูกตัดสินว่าเป็นสาวกปีศาจ ก็แน่ใจในสิ่งที่ตนเองสงสัยมาตลอดเวลาว่า อาจารย์ของเขาเป็นสาวกปีศาจจริงๆ

ความลับนี้เมื่อถูกเปิดโปง ก็มีปลายทางอยู่ที่ความตายเท่านั้น

แต่สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปแล้ว

ไป๋ไห่ชินจะหลบหนีไปที่ไหนได้อีก?