ตอนที่ 349 ประหารให้หมด!”
เจ้าหน้าที่มือปราบหลายสิบนายกรูเข้าไปปิดล้อมทางหนีของไป๋ไห่ชินโดยไม่ต้องรอรับคำสั่งจากหลินเป่ยเฉิน
ตอนที่ต่อสู้กับเด็กหนุ่มก่อนหน้านี้ เซียนกระบี่จากเมืองไป๋หยุนก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ก่อนแล้ว พลังลมปราณของเขาไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนเก่า หลงเหลืออยู่ในร่างกายเพียงหนึ่งส่วนเท่านั้น ทำให้ไม่กี่อึดใจให้หลัง ชายชราก็ถูกกลุ่มเจ้าหน้าที่มือปราบคุมตัวเดินกลับมาที่ลานจตุรัสดังเดิม
“หลินเป่ยเฉิน เจ้ากำลังเล่นงานผิดคนแล้ว” ไป๋ไห่ชินพยายามขัดขืนการคุมตัว
หลินเป่ยเฉินพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบต่อไปว่า “ข้าคือเทพีกระบี่ ส่วนเจ้าเป็นสาวกปีศาจโดยสายเลือด มีแต่เปลวไฟที่บริสุทธิ์เท่านั้น ถึงจะชำระล้างจิตใจอันสกปรกโสมมของเจ้าได้”
ไป๋ไห่ชินชะงักกึก
มีบางอย่างผิดปกติ
จริงอยู่ เขาเป็นสาวกปีศาจ
แต่เพิ่งมาเป็นได้ไม่นานนี้เอง ไม่ใช่เป็นโดยสายเลือดที่ต้องมีพ่อแม่ญาติพี่น้องเป็นมาก่อนสักหน่อย
ทำไมเทพีกระบี่ถึงไม่รู้เรื่องนี้?
หลินเป่ยเฉินไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของเขาอย่างนั้นหรือ?
ความคิดที่ไม่น่าเชื่อเรื่องหนึ่งปรากฏขึ้นในจิตใจของไป๋ไห่ชิน
ในเวลาเดียวกันนี้ เจ้าหน้าที่มือปราบนายหนึ่งก็ลากตัวไป๋ไห่ชินไปมัดติดกับเสาไม้บนกองฟืนอีกหนึ่งกอง
ไป๋ไห่ชินพยายามดิ้นให้หลุดจากพันธนาการพร้อมกับร้องตะโกนอย่างหมดหวัง “พวกเราอย่าไปเชื่อ หลินเป่ยเฉินเป็นเทพเจ้าตัวปลอม เขากำลังโกหก เขากำลังหลอกลวงทุกคน…”
ชายชรามั่นใจแล้วว่าเหตุการณ์ที่เทพีกระบี่ปรากฏตัวขึ้นเหนือวิหารนั้นเป็นละครตบตา
“เขาไม่ได้เป็นผู้ที่ถูกเลือกจากเทพีกระบี่ เขาคือเทพเจ้าตัวปลอม ทุกคนฟังข้าให้ดี หลินเป่ยเฉินกำลังโกหกทุกคน…”
ไป๋ไห่ชินสะบัดตัวและร้องตะโกนไม่หยุดยั้ง
แต่ไม่มีใครเชื่อเขาอีกแล้ว
ไม่ว่าจะพูดออกมาด้วยลักษณะท่าทีที่จริงจังขนาดไหน ทุกคนก็ยึดถือเซียนกระบี่จากเมืองไป๋หยุนเป็นสาวกปีศาจไปแล้ว
นี่เรียกว่าไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา
ไป๋ไห่ชินถึงกับกล้าลบหลู่เทพีกระบี่ต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก
เพี๊ยะ!
เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าดังขึ้น
“เจ้าปีศาจร้าย ยังมีหน้ามาพูดดีอีกหรือ?”
หัวหน้ากลุ่มเจ้าหน้าที่มือปราบจากไห่อันมีนามว่าเมิ้งเป่ยเหอร้องคำรามออกมาด้วยความโกรธแค้น เขายกมือขึ้นตบหน้าชายชราหลายครั้งจนฟันของไป๋ไห่ชินกระเด็นหลุดออกมาหลายซี่ ก่อนที่เมิ้งเป่ยเหอจะนำลูกบอลเหล็กขนาดเล็กยัดเข้าไปในปากของไป๋ไห่ชินเพื่อไม่ให้ชายชราพูดคำใดออกมาอีก
เมิ้งเป่ยเหอเป็นแม่ทัพที่ดูแลภารกิจในครั้งนี้
เดิมทีคำสั่งของเขาคือต้องเชื่อฟังคำบัญชาจากถังกู่จิน
แต่เมื่อได้พานพบกับเทพีกระบี่ คำสั่งจากองค์เทพเจ้าก็มีความสำคัญมากกว่าคำสั่งของถังกู่จิน ความผิดร้ายแรงของพวกเขาก็คือการยิงลูกศรใส่ตัวแทนของเทพีกระบี่ เมิ้งเป่ยเหอรู้สึกร้อนรนอยู่ในหัวใจ เมื่อได้ยินว่าไป๋ไห่ชินเป็นสาวกปีศาจที่ยังกล้าลบหลู่เทพีกระบี่ต่อหน้าผู้คน มีหรือที่เขาจะทนทานได้
ใครจะไปคิดเลยว่าหนึ่งในสามยอดเซียนกระบี่จากเมืองไป๋หยุนแห่งยุคปัจจุบัน ที่เดินทางขึ้นเหนือล่องใต้เก็บชัยชนะมานับไม่ถ้วน กลับต้องมามีสภาพน่าอนาถถึงเพียงนี้?
แต่ต่อให้ไป๋ไห่ชินโกรธแค้นจนอกแตกตาย เขาก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว
แผนการที่วางไว้เป็นอย่างดีพังทลายราบคาบ
“อื้อ อื้อ…”
ไป๋ไห่ชินพยายามส่งเสียงพูดผ่านลูกบอลเหล็กที่อุดปาก
แต่ไม่มีใครให้ความสนใจเขาอีกแล้ว
ในเวลาเดียวกันนั้น…
“รู้รสชาติของการที่พูดอะไรไม่ได้หรือยังล่ะ?” หลินเป่ยเฉินส่งเสียงพูดผ่านทางกระแสจิตกับไป๋ไห่ชิน
บัดนี้ เสียงพูดในกระแสพลังจิตของเขาเป็นเสียงปกติธรรมดา ไม่ใช่เสียงที่แปลกประหลาดของเทพเจ้าอีกแล้ว
ไป๋ไห่ชินหัวใจเต้นรัวเร็ว จ้องมองไปที่หลินเป่ยเฉินด้วยความเหลือเชื่อ
เสียงพูดที่กลับไปเป็นปกติธรรมดาของเด็กหนุ่ม ทำให้ชายชรายิ่งมั่นใจว่าตนเองคิดถูกต้องแล้ว
หลินเป่ยเฉินไม่ได้มีวิญญาณของเทพีกระบี่สิงสู่อยู่ในร่างกาย
เขาเป็นเทพเจ้าจอมปลอม!
“อื้อ…”
ไป๋ไห่ชินพยายามดิ้นรนให้หลุดพ้นจากพันธนาการ แต่สุดท้ายก็สำลักน้ำลายตนเอง และร้องไห้ออกมาอย่างหมดหวัง
“ฮ่าฮ่า เปล่าประโยชน์ ไม่มีใครเชื่อสิ่งที่เจ้าพูดอีกแล้ว อย่าเสียเวลาเลย ข้าใช้พลังจิตพูดคุยกับเจ้า จึงไม่มีใครได้ยินเสียงที่เรากำลังคุยกันอยู่… ไป๋ไห่ชิน รับรองว่าวันนี้เจ้าได้ตายสมใจแน่ อุ๊วะ ฮ่าฮ่าฮ่า คิกคิก”
หลินเป่ยเฉินส่งเสียงพูดผ่านทางกระแสจิตต่อไป
ไป๋ไห่ชินจ้องมองกลับมาด้วยความขมขื่น
แต่เด็กหนุ่มก็ไม่สนใจอีกแล้ว
เขายกมือขึ้นมาชี้ไปในกลุ่มผู้คน
หลังจากนั้น หลินเจิ้นหนานก็คลานเข่าออกมาด้วยความหวาดกลัว
“จับตัวมันผู้นี้ซะ” เมิ้งเป่ยเหอออกคำสั่งอย่างกระตือรือร้น
แล้วกลุ่มเจ้าหน้าที่มือปราบก็กระโดดเข้าไปหาหลินเจิ้นหนานเหมือนหมาป่าขย้ำเหยื่อ นอกจากนั้น สมาชิกตระกูลหลินทุกคนยังถูกลากออกมาจากที่ซ่อนตัวอีกด้วย
“หลินเป่ยเฉิน ได้โปรดเมตตาข้าด้วย อย่าฆ่าข้าเลยนะ…” หลินเจิ้นหนานคุกเข่าอ้อนวอนอยู่บนพื้นดิน “อย่าลืมสิว่าข้าคือท่านอาของเจ้า ข้าถูกไป๋ไห่ชินหลอกใช้ เขาบังคับขู่เข็ญข้า ข้าไม่มีทางเลือก…”
“ประหารมันผู้นี้ซะ”
หลินเป่ยเฉินพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
สำหรับบุคคลผู้นี้ เด็กหนุ่มไม่ได้มีความรู้สึกผูกพันด้วยเลยแม้แต่น้อย
อย่าว่าแต่จะมาเป็นท่านอาของเขา หลินเจิ้นหนานไม่ได้มีความเกี่ยวพันทางสายเลือดกับเขาสักหน่อย มิหนำซ้ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาหลินเจิ้นหนานยังพยายามใส่ร้ายป้ายสีเขาหลายครั้งหลายหน และนั่นคือความผิดที่หลินเป่ยเฉินไม่มีทางลบลืมไปได้ง่ายๆ
เมื่อคิดกำจัดศัตรู ก็ต้องถอนรากถอนโคนให้สิ้นซาก
วูบ!
คมกระบี่เป็นประกายสว่างวาบ
เมิ้งเป่ยเหอชักกระบี่ออกมาตัดศีรษะหลินเจิ้นหนานต่อหน้าทุกคน
เลือดเป็นสายพุ่งกระฉูดเหมือนน้ำพุ
หลินเป่ยเฉินยืนดูด้วยจิตใจที่ไม่หวั่นไหว
เขากวาดตามองไปที่สมาชิกตระกูลหลินคนอื่นๆ
กลุ่มคนเหล่านี้เป็นผู้ติดตามคนสนิทของหลินเจิ้นหนาน เมื่อเจ้านายได้รับตำแหน่งแทนที่บิดาของเขา พวกมันก็รีบกระโจนเข้ามาตักตวงผลประโยชน์ทันที
“ประหารให้หมด!”
หลินเป่ยเฉินพูดด้วยน้ำเสียงแปลกประหลาดที่น่าขนลุกเช่นเดิม
วูบ!
คมกระบี่สาดประกายต่อเนื่อง
หัวคนขาดกระเด็นหัวแล้วหัวเล่า
ผู้ติดตามของหลินเจิ้นหนานลูกกวาดล้างหมดไปในพริบตาเดียว
หลินเป่ยเฉินยังคงมีจิตใจเยือกเย็นประดุจดั่งสายน้ำไหล
ให้ตายเถอะ
ทำไมเขาถึงรู้สึกเหมือนตนเองเป็นคนโรคจิตเลยแฮะ
หลินเป่ยเฉินนึกภาพตนเองในปัจจุบันแล้วก็อดคิดอย่างนั้นไม่ได้จริงๆ
แต่เด็กหนุ่มก็รู้ดีว่าทำไมตนเองถึงไม่สะทกสะท้านต่อการเห็นคนตายอีกแล้ว
นั่นเป็นเพราะว่าเขาเคยชินกับการฆ่าคนแล้วนั่นเอง
เมื่อเห็นคนถูกฆ่าตายอยู่ตรงหน้า หลินเป่ยเฉินก็รู้สึกไม่ต่างจากเห็นต้นหญ้าถูกตัดถางจากข้างทาง
“อีกอย่าง ตอนนี้เราสวมบทร่างทรงเทพีกระบี่ จะแสดงความรู้สึกออกมาทางสีหน้าไม่ได้เด็ดขาด… ไม่งั้นอาจมีคนผิดสังเกตก็ได้ ที่สำคัญคือคนพวกนี้ก็สมควรตายอยู่แล้ว ถ้าเป็นที่โลกใบเก่าของเรา ก็ต้องบอกว่าพวกมันมีความผิดชนิดที่เกินจะให้อภัย”
เมื่อคิดได้ดังนั้น หลินเป่ยเฉินก็หันกลับมามองหน้าถังกู่จินเป็นคนสุดท้าย
ผู้ตรวจการมณฑลแข้งขาอ่อนระทวย หัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม
“ท่านเทพเจ้าขอรับ ข้าน้อย…”
ถังกู่จินพยายามขอความเห็นใจ
เขาเชื่อว่าตนเองยังหาทางรอดได้
เพราะว่าเขาไม่ใช่ไป๋ไห่ชิน เขาไม่เคยทำการติดต่อกับปีศาจโดยตรงเลยสักครั้ง รับรองว่าเทพีกระบี่ไม่มีหลักฐานมาเอาผิดเขาได้แน่ๆ
ความผิดเดียวตั้งแต่ต้นจนจบในเหตุการณ์ครั้งนี้ ถังกู่จินรู้ดีว่ามันเป็นการที่เขาเลือกสหายร่วมงานผิดคนต่างหาก
แต่มันไม่ใช่ความผิดที่สมควรตาย
ทว่า หลินเป่ยเฉินไม่เปิดโอกาสให้ผู้ตรวจการมณฑลได้อธิบาย
“เจ้าก็เป็นสาวกปีศาจด้วยเช่นกัน”
หนึ่งในข้อกล่าวหาที่รุนแรงที่สุดได้ถูกแจ้งต่อถังกู่จินเป็นที่เรียบร้อย นั่นทำให้ผู้ตรวจการมณฑลตกใจสุดขีดจนวิญญาณแทบหลุดลอยออกจากร่าง
“ไม่ใช่นะ ข้าไม่ได้เป็น…”
เขาอุทานออกมาด้วยความตื่นกลัว
นั่นไม่ใช่ความจริงเลยแม้แต่น้อย
แล้วเหตุไฉนเทพีกระบี่ถึงพูดสิ่งที่ไม่เป็นความจริงออกมาเล่า?
แบบนี้มันไม่ชอบมาพากลแล้ว
พลัน ถังกู่จินก็นึกถึงคำพูดของไป๋ไห่ชินตอนที่พยายามขัดขืนการจับกุม
หรือว่าหลินเป่ยเฉินจะไม่ได้เป็นตัวแทนของเทพเจ้าตามที่กล่าวอ้าง?
ต้องไม่ลืมว่าก่อนหน้านี้เด็กหนุ่มสามารถปลอมตัวเป็นผู้อื่นได้อย่างแนบเนียน
เพราะฉะนั้น เขาก็น่าจะปลอมตัวเป็นเทพเจ้าได้ไม่มีปัญหาเช่นกัน
แต่ต้องใช้วิธีไหนกันนะถึงปลอมตัวได้แนบเนียนขนาดนี้?
แล้วหลินเป่ยเฉินใช้วิธีใดถึงสามารถทำให้เทพีกระบี่ปรากฏตัวบนท้องฟ้าได้เช่นนั้นเล่า?