ตอนที่ 700 ควบคุมกาลอวกาศ

Nine Sun God King เทพราชันเก้าตะวัน

ตอนที่ 700 ควบคุมกาลอวกาศ
สาเหตุว่าทำไมฉินหยุนจึงเอาชนะปันหยุนหั่วได้ ก็เพราะจิตใจของ
เขาไม่ได้รับผลกระทบใด
ทางด้านเชี่ยวเย่ว์หลาน เพราะนางมีความทรงจำมากมาย โดยเฉพาะ
เป็นเรื่องราวจากอดีตชาติภพก่อน เป็นเรื่องง่ายที่จิตใจของนางจะถูก
รบกวนอย่างรุนแรง เพราะเหตุนั้นนางจึงไม่อาจตั้งสมาธิกับการต่อสู้
ได้
แม้อำนาจของตระกูลหลงในแคว้นมังกรทะยานฟ้าจะสูงล้ำยิ่งกว่า
สำนักเซียน ทว่าศิษย์จากขั้วอำนาจทั้งหลายต่างก็แข็งแกร่งต่างกันไม่
มากนัก
และหลงเย่ว์ ก็คือผู้ที่เอาชนะปันหยุนหั่ว นั่นหมายถึงนางต้องครอบ
ครองความแข็งแกร่งถึงระดับหนึ่ง
ฉินหยุนก้าวเดินลงจากลานประลองยุทธ์ สายตามองทางหลงเย่ว์ผู้
สวมใส่หน้ากาก ความรู้สึกประหลาดปรากฏในใจ เขาส่งเสียงผ่าน
จิตสื่อสารไปยังหลงเฉียวเฟิง “เฉียวเฟิง ได้เรื่องหลงเย่ว์จากแคว้น
มังกรทะยานฟ้าอะไรบ้าง?”
“แทบไม่เจออะไร เพียงทราบว่านางปรากฏตัวอย่างกะทันหันและ
กำกวม แต่ด้วยเพราะเข้าร่วมงานประลองยุทธ์แคว้นมังกรทะยานฟ้า
นางจึงกลายเป็นโด่งดังในชั่วข้ามคืน ผลลัพธ์ที่ได้ ทางตระกูลจึงให้
ค่านางเอาไว้สูง จนสุดท้ายนางก็คว้าอันดับหนึ่งมาได้!” หลงเฉียวเฟิง
ตอบกลับมา
ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลานต่างหารือกันเรื่องหลงเย่ว์ก่อนหน้านี้
เพราะหลงเย่ว์ให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยเกินไป พวกเขาจึงสงสัยว่าเป็น
เชี่ยวเย่ว์เหม่ย
ตอนนี้หลังได้ฟังคำของหลงเฉียวเฟิง เขายิ่งรู้สึกว่าสมควรต้องเป็น
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยแน่แล้ว
เพราะมีแต่เชี่ยวเย่ว์เหม่ยที่มีฝีมือมากพอจะปลอมตัวเป็นคนของ
ตระกูลหลงได้
กระนั้นฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลานก็ได้พยายามลอบส่งเสียงผ่านจิต
สื่อสารไปยังหลงเย่ว์ ทว่าก็ไม่ได้รับการตอบกลับอันใด จนพวกเขา
ไม่ทราบว่าควรทำอย่างไรต่อดี
ตอนนี้ราชันแคว้นมู่คิดร่วมมือกับครึ่งเซียนตระกูลหลงแห่งแคว้น
มังกรทะยานฟ้า แม้พ่ายแพ้ไปอย่างหมดรูป เขาก็ยังคิดอยากสังหาร
ฉินหยุนลงให้จงได้ ดังนั้นเขาจึงต้องการส่งหลงเย่ว์ออกมาต่อสู้กับ
ฉินหยุน
ฉินหยุนได้รับสองต้นกำเนิดเซียน ดังนั้นแล้ว นครเซียนยุทธภัณฑ์
ย่อมต้องให้การคุ้มกันฉินหยุนอย่างสุดตัว
ตอนนี้เปาเฉิงโฉ่วภายในยินดีเป็นล้นพ้น เขายินดีนักที่ฉินหยุนไม่ได้
ถูกตำหนักเซียนดาบ หรือเกาะจันทราปีศาจชิงตัวเอาไป ไม่เช่นนั้น
ฝ่ายที่ได้รับต้นกำเนิดเซียนคงไม่ใช่นครเซียนยุทธภัณฑ์แล้ว
ทั้งเขายังอดไม่ได้ที่จะนับถือต่อสายตากว้างไกล ทั้งเจี้ยนสือเทียน
และเกาะจันทราปีศาจ ที่เล็งเห็นถึงความเลิศล้ำของฉินหยุน
หากไม่ใช่ปิงชิงที่ยืนกรานให้ฉินหยุนอยู่ต่อเมื่อวันนั้น ฉินหยุนย่อม
ต้องไปเข้าร่วมตำหนักเซียนดาบแล้วเป็นแน่ เปาเฉิงโฉ่วเวลานี้ภายใน
ใจต้องกล่าวสรรเสริญผู้อาวุโสสูงสุดไม่ขาด
หลังจากที่ราชันแคว้นมู่และตระกูลหลงพูดคุยกันเรียบร้อย พวกเขา
พลันเร่งรีบเดินเข้ามา ทว่าเจี้ยนสือเทียนได้ห้ามเอาไว้ก่อน
พวกเขาถูกแยกให้อยู่ห่างกันกว่าสิบเมตร
ครึ่งเซียนวัยกลางคนจากตระกูลหลงกล่าวคำ “ฉินหยุน หลงเย่ว์แห่ง
ตระกูลหลงของเราต้องการต่อสู้กับเจ้า! พวกเราจะเดิมพันด้วยต้น
กำเนิดเซียน!”
ฉินหยุนยิ้มตอบกลับ “ข้าไม่คิดเดิมพันแล้ว!”
ราชันแคว้นมู่และครึ่งเซียนตระกูลหลงต่างนิ่งอึ้ง พวกเขาคิดว่าฉิน
หยุนจะรับคำท้าโดยตรงเสียอีก
“เจ้า… เจ้าต้องเข้าร่วมศึกเดิมพันครั้งนี้!” ราชันแคว้นมู่กัดฟันพูด
กล่าวอย่างโกรธแค้น
“ข้าเหนื่อยแล้ว ตอนนี้คิดอยากกลับไปนครเซียนยุทธภัณฑ์ หาความ
สำราญกับสองต้นกำเนิดเซียนที่เพิ่งได้รับ!” ฉินหยุนยิ้มกล่าว
เชี่ยวเย่ว์หลานไม่ทราบว่าฉินหยุนคิดทำอะไร ทว่านางเดินเข้ามา
พร้อมบรรจงจูบที่แก้มฉินหยุน นางยิ้มหวานกล่าวคำ “เจ้าคิดกลับ
แล้วหรือ เช่นนั้นพาข้าร่วมทางไปด้วย!”
เชี่ยวเย่ว์หลานจูบฉินหยุน เรื่องนี้ทำเอาผู้คนต่างยืนอึ้งแข็งค้าง!
หาได้มีผู้ใดเชื่อ ว่าสตรีเย็นเยือกประดุจภูเขาน้ำแข็งเช่นนี้กลับกลาย
เป็นฝ่ายหาญกล้ารุกชายหนุ่มก่อน
หลายคนต่างมองมาด้วยสายตาริษยากันถ้วนหน้าแล้ว
เจี้ยนรั่วหยานสบถในใจ นางทราบว่าเชี่ยวเย่ว์หลานเป็นภรรยาฉิน
หยุน ทว่านางก็ได้แต่ต้องทำเป็นไม่รู้เรื่องราว
ผู้คนจากเกาะจันทราปีศาจไม่กล่าวคำใด เพราะพวกนางต่างรู้ความ
สัมพันธ์ของเชี่ยวเย่ว์หลานและฉินหยุน
“ฉินหยุน เจ้าต้องการอะไรจึงจะยอมรับการท้าประลองเดิมพันครั้ง
นี้?” ครึ่งเซียนวัยกลางคนผู้นี้มั่นใจต่อความแข็งแกร่งของหลงเย่ว์
หากฉินหยุนยอมรับ อย่างไรแล้วเขาก็ต้องได้รับต้นกำเนิดเซียนมา
ครอง
หากสังหารฉินหยุนได้สำเร็จ เมื่อนั้นราชันแคว้นมู่จะตบรางวัลแก่
เขาอย่างงาม
“ข้าไม่รับ!”
ฉินหยุนไม่คิดสู้ เพราะเขาเชื่อว่าหลงเย่ว์ผู้นี้คือสหายคนหนึ่ง หาก
ต่อสู้กันจริง เขาเป็นกังวลว่าจะเผลอลงมือทำร้ายหลงเย่ว์เข้า
ราชันแคว้นมู่ตระหนก หากเขาไม่อาจสังหารฉินหยุนที่นี่ อย่างนั้น
เมื่อใดอีกฝ่ายกลับถึงนครเซียนยุทธภัณฑ์ก็ไม่มีโอกาสอีกต่อไปแล้ว
เพราะที่นครเซียนยุทธภัณฑ์มีเซียนปกครอง กระทั่งว่าให้ยอดฝีมือ
เขตแดนลึกล้ำเดินทางไป ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือไม่อาจทำอะไรต่อเซียนผู้
นั้น
“ฉินหยุน ข้าได้ยินว่าเจ้าฝึกฝนพลังจิตจนถึงขั้นแปรเปลี่ยนเป็นดวงดาว
แล้วใช่หรือไม่? ตอนนี้ หากเจ้าคิดพยายามเลื่อนระดับสู่แปรเปลี่ยน
เป็นจันทรา เจ้าก็น่าจะรู้ว่ามันเป็นเรื่องยากเพียงใดหากคิดเลื่อนระดับ!”
ราชันแคว้นมู่กล่าว
ฉินหยุนเผชิญปัญหาอยู่จริง กระทั่งปิงชิงยังไม่อาจช่วยเหลือเขาให้
เลื่อนระดับได้ในระยะเวลาอันสั้น
“จะบอกว่ามีวิธีให้แก่ข้าอย่างนั้นหรือ?” ฉินหยุนหวั่นไหวขณะเอ่ย
ถาม
“ข้ามีวิญญาณยุทธ์จันทราทองม่วง หากเจ้าคิดอยากแปรเปลี่ยนจิตสู่
จันทรา เจ้าก็จำเป็นต้องใช้วิญญาณยุทธ์จันทราทองม่วง!” ราชันแคว้น
มู่นำเอาไข่มุกผนึกวิญญาณที่เผยประกายทองม่วงออกมา
วิญญาณยุทธ์จันทราเป็นสิ่งหาได้ยาก แม้มีผู้ครอบครองวิญญาณยุทธ์
จันทรา ส่วนใหญ่ก็จะเป็นได้แค่จันทร์เสี้ยว หรือจันทร์ครึ่งดวง
วิญญาณยุทธ์จันทราที่เต็มดวงถือเป็นสิ่งดีเลิศและหายากที่สุด
และวิญญาณยุทธ์จันทราในมือราชันแคว้นมู่ ก็เป็นวิญญาณยุทธ์
จันทราเต็มดวง!
“เจ้ายืนกรานคิดแปรเปลี่ยนจิตสู่จันทรา นั่นหมายความถึงเจ้ามีความ
สามารถในการสะกดพลังหยินชั่วร้ายเอาไว้! อย่างนั้นแล้ว วิญญาณ
ยุทธ์จันทราในมือข้าก็ถือเป็นสิ่งสำคัญต่อเจ้า! หากเจ้าไม่ใช้วิญญาณ
ยุทธ์จันทราทองม่วงนี้ ต่อให้ผ่านไปอีกสักหลายร้อยปี เจ้าก็ไม่มีทาง
แปรสภาพมันได้สำเร็จ!” เมื่อราชันแคว้นมู่ได้เห็นสีหน้าคาดหวัง
ของฉินหยุน เขาจึงสาธยายออกมา
“ได้ อย่างนั้นข้าจะสู้กับหลงเย่ว์!” ฉินหยุนกล่าว
“รอก่อน หากเจ้าคิดสู้ ก็ต้องเดิมพันด้วยสองต้นกำเนิดเซียน! มูลค่า
ของวิญญาณยุทธ์จันทราทองม่วงในมือข้า มันเทียบเท่าต้นกำเนิด
เซียน!”
ตอนนี้ คือเวลาที่ราชันแคว้นมู่จะได้โก่งราคา
ฉินหยุนหันมองทางเปาเฉิงโฉ่ว
เปาเฉิงโฉ่วพยักหน้ารับ นั่นก็เพราะต้นกำเนิดเซียนทั้งสองเป็นฉิน
หยุนชนะจึงได้รับมา แม้ฉินหยุนพ่ายแพ้ เขาก็เพียงแค่รู้สึกว่าน่า
เสียดายไปบ้างเท่านั้น
ไม่เพียงแต่ราชันแคว้นมู่คิดอยากสังหารฉินหยุน เขายังต้องการทวง
คืนต้นกำเนิดเซียนที่เสียไปกลับคืน ไม่เช่นนั้นแล้ว เขาคงไม่มีทาง
นำเอาวิญญาณยุทธ์จันทราทองม่วงออกมา
ท่ามกลางวิญญาณยุทธ์แห่งสวรรค์ วิญญาณยุทธ์ตะวันและจันทรา
ถือได้ว่าหายากที่สุด โดยเฉพาะกับระดับทองม่วง
ซึ่งก็ไม่อาจทราบได้ว่าราชันแคว้นมู่ได้รับมันมาอย่างไร ทว่าฉินหยุน
ก็หาได้คิดสนใจไม่
ราชันแคว้นมู่และครึ่งเซียนตระกูลหลงต่างมอบวิญญาณยุทธ์จันทรา
ทองม่วง และต้นกำเนิดเซียนให้แก่เจี้ยนสือเทียน
เปาเฉิงโฉ่วเองก็ส่งมอบต้นกำเนิดเซียนทั้งสองให้แก่เจี้ยนสือเทียน
เจี้ยนสือเทียนหัวเราะกล่าว “ข้าคิดอยากเก็บพวกมันเผ่นหนีหายเสีย
เดี๋ยวนี้!”
“หากเจ้าหนี ตำหนักเซียนดาบเจ้าก็จบสิ้น!” ราชันแคว้นมู่ตะคอกดัง
อันที่จริง เขาเองก็กังวลไม่น้อยว่าเจี้ยนสือเทียนจะหนีหาย
อย่างไรแล้ว ในมือเจี้ยนสือเทียนตอนนี้ก็เป็นต้นกำเนิดเซียนมากถึง
สาม!
แน่นอนว่าเจี้ยนสือเทียนเพียงกล่าวไปเรื่อย เขาไม่ใช่ผู้ที่คิดก่อเรื่อง
เช่นนั้น
ฉินหยุนและหลงเย่ว์ เวลานี้ต่างเดินขึ้นบนลานประลองยุทธ์
แม้ว่าหลงเย่ว์ให้ความรู้สึกอันคุ้นเคยแก่เขา ทว่าแท้จริงยังไม่อาจ
มั่นใจ หากคู่ต่อสู้แข็งแกร่งจริง อย่างนั้นแล้วหมายความถึงเขาต้อง
สูญเสียต้นกำเนิดเซียนถึงสอง
“นางเป็นใครกันแน่?” ฉินหยุนมองที่หน้ากากสีดำของหลงเย่ว์ ภายใน
หัวใจรู้สึกคันทว่าไม่อาจเกา เขาคิดอยากเข้าไปนำเอาหน้ากากนั้น
ออกมาเสียที่ตรงนี้
“บางทีนางอาจไม่ใช่เย่ว์เหม่ย แต่เป็นคนที่มีออร่าแสดงผ่านร่างที่
คล้ายคลึงกัน?” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว
“ไม่ใช่ ไม่เพียงแต่ออร่าของนางให้ความรู้สึกคุ้นเคย แต่ตัวนางยังให้
ความรู้สึกคุ้นเคยแก่ข้ามากนัก!” ฉินหยุนถอนหายใจกล่าว “เพราะ
อย่างนั้น เย่ว์หลานและข้าจึงคิดว่านางต้องเป็นคนใกล้ชิดพวกเรา
เป็นแน่”
หลิงหยุนเอ๋อเอ่ยคำ “หรือจะเป็นพวกเจ้าและนางรู้จักกัน ทว่าสัมพันธ์
ต่อกันไม่ค่อยดีเท่าใดนัก?”
ฉินหยุนคิดไปพักหนึ่ง ในความทรงจำที่มี ไม่คล้ายว่าจะมีบุคคล
เช่นนั้นมาก่อน
เพราะท่ามกลางสตรีที่เขารู้จัก มีแต่เชี่ยวเย่ว์เหม่ยจึงจะสามารถ
แทรกแซงเข้าปลอมแปลงเป็นคนของตระกูลหลงได้
นางสามารถใช้วิญญาณยุทธ์มังกร รวมถึงวิญญาณยุทธ์นานาชนิดที่
มี อีกทั้งยังมีประสบการณ์ลวงหลอกผู้คนอย่างมหาศาลมากมายนัก
“เย่ว์เหม่ย นั่นเจ้า?” ฉินหยุนส่งเสียงสื่อสารไปยังอีกฝ่าย
หลงเย่ว์ยังไม่ตอบกลับใด
“หรือนางไม่ใช่คนคุ้นเคยของพวกเราจริง?” ฉินหยุนเกิดคำถามค้าง
คาภายในใจ
ที่ด้านล่างลานประลองยุทธ์ เชี่ยวเย่ว์หลานก็ร้อนรนไม่ต่างกัน นาง
คิดอยากเดินเข้าไปกระชากหน้ากากอีกฝ่ายออกด้วยซ้ำ เพื่อให้ได้
เห็นว่านั่นใช่เชี่ยวเย่ว์เหม่ยที่ชอบก่อปัญหาไปทั่วหรือไม่
เรื่องราวไม่อาจคลี่คลาย ฉินหยุนและหลงเย่ว์ต่างยืนนิ่งเงียบงันบน
ลานประลองยุทธ์
ฉินหยุนใช้เนตรวิญญาณสมบูรณ์มองไป ก็ไม่อาจมองทะลุผ่าน
หน้ากาก เพราะมันมีพลังพิเศษคุ้มกันหน้ากากนั้นเอาไว้อีกชั้นหนึ่ง
ผู้คนต่างคิดว่าฉินหยุนทำตัวแปลกไป เขาเอาแต่จ้องมองหลงเย่ว์ราว
กับร้อนใจต่อเรื่องราวอะไรบางอย่าง
ผู้อาวุโสหลายคนต่างคิดกันไป ว่าฉินหยุนและหลงเย่ว์กำลังปะทะ
กันด้วยพลังจิต
ฉินหยุนใช้พลังจิตจริง แต่นั่นเป็นการส่งเสียงสื่อสารพูดคุยกับหลง
เย่ว์ แต่อีกฝ่ายไม่ตอบกลับใด
“เสี่ยวหยุน อย่าได้กังวลเรื่องนางแล้ว เมื่อเอาชนะนางได้พวกเรา
ย่อมได้ทราบ!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว “แต่เจ้าต้องระวังด้วย อย่าได้ทำ
ร้ายนางจนบาดเจ็บ”
เห็นว่าใกล้ได้เวลา เจี้ยนสือเทียนจึงถามต่อฉินหยุนและหลงเย่ว์ถึง
ความพร้อม
หลงเย่ว์เพียงพยักหน้ารับ นางไม่กล่าวคำใด
“ข้าพร้อมแล้ว!” ฉินหยุนตอบรับ
เจี้ยนสือเทียนพยักหน้ารับแก่ทั้งสองพร้อมตะโกน “เริ่มได้!”
ราชันแคว้นมู่เผยเสียงหัวเราะชั่วร้าย “ฉินหยุนมีแต่ชะตาต้องตาย!
หลงเย่ว์เพียงพลิกฝ่ามือก็สังหารมันได้แล้ว แม่นางผู้นี้แข็งแกร่งยิ่ง
กว่าหยุนหั่ว!”
เมื่อนึกถึงปันหยุนหั่ว ราชันแคว้นมู่ยิ่งเจ็บใจ โศกศัลย์ และโกรธ
แค้น ปันหยุนหั่วถือเป็นศิษย์ที่เลิศล้ำผู้หนึ่ง
หลังการศึกเริ่มขึ้น ฉินหยุนและหลงเย่ว์กลับเอาแต่ยืนนิ่ง
ฉินหยุนคิดอยากให้หลงเย่ว์เป็นฝ่ายโจมตีก่อน กระนั้นนางไม่
เคลื่อนไหว
ครึ่งเซียนวัยกลางคนตระกูลหลงแค่นเสียงกล่าวคำ “หลงเย่ว์มักเป็น
เช่นนี้ เมื่อใดเริ่มต่อสู้ นางจะให้อีกฝ่ายได้ลงมือก่อน!”
ฉินหยุนไม่คาดคิด ว่าหลงเย่ว์จะมีนิสัยประหลาดเช่นนี้อยู่ด้วย
“นี่นางเป็นใครกันแน่?”
ฉินหยุนทะยานร่างพร้อมตะโกนภายใน เขาโจมตีออกด้วยฝ่ามือ
มังกรสัมบูรณ์ เขามีแต่ต้องใช้วิชายุทธ์อันแข็งแกร่งที่สุดเพื่อบุก
โจมตีออกไป
ฝ่ามือมังกรสัมบูรณ์รุนแรงดุดันพุ่งทะยาน มันเป็นพลังมาพร้อม
สามารถกระชากมังกรลงจากฟากฟ้า!
ชุดคลุมของหลงเย่ว์ร่ายรำ การโจมตีรุนแรงที่พุ่งเข้าหาเลือนหาย
ราวกับฝ่ามือมังกรสัมบูรณ์ที่แข็งแกร่ง มันหายไปที่ใดไม่อาจทราบ
ฉินหยุนอึ้ง เขาไม่คาดคิด ว่าอีกฝ่ายจะสลายการโจมตีของเขาได้
ง่ายดายเพียงนี้
ที่น่าสะพรึงยิ่งกว่า คือเมื่อหลงเย่ว์สะบัดผ้าคลุมของนางอีกครั้งหนึ่ง
มันกลับทำให้พลังฝ่ามือมังกรสัมบูรณ์ปรากฏอีกครั้งพร้อมพุ่งเข้า
ปะทะใส่ฉินหยุน!
ฉินหยุนที่ยืนอึ้ง ขณะนี้ต้องเรียกใช้พลังสั่นไหวเข้าสลายพลังฝ่ามือ
มังกรสัมบูรณ์ของตนเอง!
เรื่องราวที่ได้พบเห็น ทำให้ทั้งเจี้ยนสือเทียนและเปาเฉิงโฉ่วต่างเผย
อาการตื่นตะลึง!
ครึ่งเซียนหลายคนต่างร้องอุทานชื่นชม เพราะพวกเขาไม่เคยพบเห็น
วิธีการเช่นนี้มาก่อน
สีหน้าเชี่ยวเย่ว์หลานหนักอึ้ง นางคิดอยู่ภายใน “หลงเย่ว์ผู้นี้ไม่ใช่เย่ว์
เหม่ย แต่แล้วนางเป็นใคร?”
“หยุนเอ๋อ เมื่อกี้รู้อะไรบ้าง?” ฉินหยุนถาม
“เมื่อครู่สมควรเป็นพลังกาลอวกาศ! นางรับพลังฝ่ามือเจ้า ผนึกมัน
เอาไว้ในกาลอวกาศ และจากนั้นจึงค่อยปล่อยมันกลับโจมตีใส่ตัว
เจ้า!” หลิงหยุนเอ๋อเผยน้ำเสียงหนักอึ้ง “วิญญาณยุทธ์กาลอวกาศนี้
มันสามารถควบคุมพลังของทั้งห้วงเวลาและมิติ!”
“นี่อาจเป็นเย่ว์เหม่ย วิญญาณยุทธ์กระจกของนางสามารถคัดลอก
วิญญาณยุทธ์ได้นานาชนิด!”
ฉินหยุนกลายเป็นไม่กล้าเข้าใกล้ เขาเพียงรู้สึกว่าหลงเย่ว์ตรงหน้า
ตนเองผู้นี้ ทั้งลึกลับและชวนสะพรึงจนเกินไป