บทที่ 71 Ink Stone_Romance

วันถัดไป แอนนี่ก็พาพี่ชายของเธอมา

เขาชื่อว่าแอนดรูว์ มีใบหน้าคล้ายกับเธอ ผิวไม่มีกระดูสะอาดสะอ้าน ทั้งยังตัวสูงอีกด้วย รูปลักษณ์ภายนอกดูเหมาะที่จะพบปะกับผู้อื่น

อาเรียยื่นข้อเสนอเงินให้เขามากกว่าที่เคยได้รับตอนอยู่ที่โรงแรมถึงสองเท่า แต่ดูเหมือนตอนที่เขาทำงานที่โรงแรมท่าจะได้รับการดูแลอย่างดี ใบหน้าของแอนดรูว์แสดงสีระเรื่อ

แน่นอนว่าเงื่อนไขคือต้องเก็บเป็นความลับ กล่าวขู่ว่าหากไม่ทำตามข้อตกลงที่ตกลงกันไว้ น้องสาวของเขาก็อาจจะเจอกับอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน ทันใดนั้นใบหน้าของแอนดรูว์ทันใดนั้นก็หน้าเปลี่ยนสีขึ้นมาทันที แค่ทำตามข้อตกลงก็จะรับประกันอนาคตว่าจะไม่เสียใจและกลับไปเหมือนแต่ก่อนอย่างแน่นอน

“ให้ไปซื้อน้ำตาลมาให้ใช่ไหมครับ”

“อืม ถ้าเป็นไปได้ ซื้อมาเยอะๆ เลยนะ ยิ่งซื้อมาได้เยอะๆ ในราคาถูกก็ดีนะ แต่ถ้าไม่ได้ตามนั้นก็ไม่ต้องต่อรองก็ได้”

“ถ้าให้ทำตามนั้น ผมเชี่ยวชาญเลยล่ะครับ! ไม่ต้องเป็นห่วงครับ”

เพราะไม่ใช่งานที่ยากอะไรนัก เมื่อเขาออกไปได้ไม่นานสักพักก็ทำงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จสิ้น ดูเหมือนคำพูดที่เขาบอกว่าเชี่ยวชาญจะเป็นจริงล่ะมั้งก่อนที่กล่องลังน้ำตาลขนาดใหญ่จะถูกส่งคืนร้านขายส่งเขาสามารถซื้อมาได้ในราคาที่ถูกกว่าตลาดมืดเสียอีก

เพราะไปแอบเกลี้ยกล่อมคนงานไม่ให้เจ้านายเห็นอย่างไรล่ะ กินส่วนต่างที่เหลือแล้วยื่นข้อเสนอให้รีบไปนำสินค้ามาเพิ่ม ทำให้สามารถซื้อน้ำตาลที่มีในคลังมาได้ส่วนใหญ่ ดูเหมือนว่าแอนดรูว์จะเคยทำอะไรแบบนี้เมื่อครั้งที่เคยทำงานที่โรงแรม

‘คงคิดว่าจะมีเข้ามาในคลังอีกสินะ จะเป็นเช่นนั้นจริงหรือเปล่านะ’

เพราะอย่างนั้นอาเรียจึงเมตตาแบ่งบุญคุณเพียงเล็กน้อยให้กับแอนดรูว์ แม้จะเป็นแค่หนึ่งในพลอยที่เธอมีอยู่เท่านั้นแต่เขาก็ทำท่าทางดีใจราวกับได้โลกไปทั้งใบเหมือนกับแอนนี่ ดูท่าจะหลอกใช้ง่ายเหมือนน้องสาวสินะ

หลังจากเก็บน้ำตาลพวกนั้นในคลังสินค้าที่ยืมมา จากนั้นก็แค่รอเวลาที่เหมาะสม วันที่ทุกคนกระหายเรียกหาแต่น้ำตาลอย่างไรล่ะ

รายได้ก็คงจะติดขัดและอีกไม่นานอดีตที่เคยเจอเรื่องนั้นก็จะกลายเป็นความจริง อาเรียราดไซรัปแสนหวานลงบนเค้กพลางตักเข้าปากตัวเอง เป็นของหวานหลังมื้ออาหาร

ดูเหมือนว่าขนมนี่จะใส่น้ำตาลเข้าไปเยอะเลย เพื่อตระกูลชั้นสูงที่ต้องใช้น้ำตาลในปริมาณที่มากเช่นนั้น แม้จะต้องส่งไปให้บ่อยๆอยู่แล้วแต่อีกไม่นานคงจะหมดคลังสินะ

เพราะซื้อมาจากร้านขายของชำมาทั้งหมด คราวนี้อีกไม่นานร้านขายปลีกก็จะไม่เหลือสินค้าให้ซื้อ และการเริ่มต้นครั้งนี้คนที่คอยบอกก็คือท่านเคานต์

“แต่จะว่าไป … ไม่นานมานี้มีเรื่องที่น่าปวดหัวเกิดขึ้นด้วยล่ะ”

“เกิดอะไรขึ้นเหรอที่รัก”

“มีข่าวลือว่าพวกชนชั้นสูงต่างชาติจะเริ่มตัดการติดต่อแล้วล่ะสิ “

“ตายจริง เรื่องอะไรกันคะ”

ท่านเคาน์ติสถามกลับด้วยสีหน้าที่ตกใจเกินจริง แม้จะไม่รู้รายละเอียดอะไรนักแต่ก็ทำเป็นเออออไปตามสถานการณ์ สมกับเป็นนางโสเภณีที่ได้เลื่อนตำแหน่งตัวเองมาเป็นเคาน์ติส

ปกปิดต้นกำเนิดของตนเองพลางเออออไปกับมิเอล หล่อนทำให้ท่านเคานต์ตื่นเต้นจนต้องเปิดปากพูด

“ถ้าอย่างนั้น ก็เป็นเรื่องใหญ่เลยไม่ใช่หรอกเหรอ เหตุใดถึงทำเรื่องแบบนั้นได้กันนะ”

“เพราะอย่างนั้นเลยเป็นห่วงอยู่น่ะ ดูท่าตระกูลอื่นก็โดนทำสัญญาเหมือนกับฉันเช่นกัน”

อ๋อ ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็ควรจะทำดีกับฉันตั้งแต่ตอนแรกสิ ทำไมถึงกับต้องโกหกเพื่อจะได้รับข้อมูลสำคัญจากคนที่เกลียดกันนะ อาเรียเลียริมฝีปากที่มีไซรัปติดอยู่พลางคิด

แม้ว่าจะใส่น้ำตาลไปแล้ว แต่ทำไมถึงได้หวานแบบนี้กันนะ ไม่ใช่ว่าเพราะความขมขื่นของท่านเคานต์ทำให้ขนมนี่ยิ่งหวานขึ้นหรอกเหรอ ถ้าเป็นอย่างนั้น หากทำให้ท่านเคานต์ต้องทุกข์ทรมานได้ก็สามารถเพลิดเพลินกับขนมหวานนี้ได้ทุกวันสินะ

อาเรียเผยสีหน้าที่หม่นลงพลางถาม

“ถ้าอย่างนั้น หลังจากนี้จะทำอย่างไรต่อไปเหรอคะ หากเป็นสินค้าที่มาจากต่างประเทศดูท่าตอนนี้ก็แทบจะผูกขาดแล้วนี่นา… หรือว่าอาจจะโชคร้ายขนาดที่ถูกตัดขาดไม่ส่งของเข้ามาอีกแล้วเหรอคะ ”

แม้จะเป็นเรื่องที่ฟังดูแล้วไม่เข้าท่าสักเท่าไร ท่านเคานต์ก็ส่งยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน

“อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้ พ่อก็สงสัยว่าไม่แน่อาจจะเป็นแบบนั้นได้เหมือนกัน ถ้าเป็นการเปลี่ยนข้อตกลงทั่วไป ขอแค่ไม่เกิดสถานการณ์ที่เลวร้ายขึ้นก็เท่านั้น”

“ถ้าหากเรื่องนี้เปลี่ยนไปแย่กว่าเดิม หวังว่าเราจะหาทางออกได้อย่างเร็ววันนะคะ”

“หากลูกช่วย อาจจะทำให้หาทางแก้เจอได้ไวกว่าเดิมก็ได้นะ”

ดูเหมือนว่าท่านเคานต์จะเชื่อใจอาเรียมาก ถึงกับขนาดพูดขอความช่วยเหลือด้วยตัวของท่านเอง

แต่อาเรียไม่คิดแม้แต่จะช่วยเขาด้วยซ้ำ รับฟังด้วยใบหน้าบึ้งตึงแบบนี้ก็คงจะไม่รู้สินะ

“แต่จะว่าไป เมื่อกี้คุณออสการ์ส่งของขวัญมาให้อีกแล้วค่ะ”

เพราะไม่มีอะไรจะพูดเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจของท่านเคานต์ มิเอลจึงรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา ดูเหมือนว่าเรื่องของออสการ์จะช่วยลดความกังวลในใจของท่านเคานต์ ทำให้บรรยากาศดีขึ้นสักครู่ แต่ไม่นานก็วกกลับเข้าบรรยากาศเต็งเครียดเช่นเดิม

“อย่างนั้นเหรอ! จะว่าไปใกล้ช่วงที่จะจบการศึกษาแล้ว น่าจะมีเวลาต่างจากตอนนี้สินะ ว่าแต่ ส่งอะไรมาให้เหรอ”

“ส่งช่อดอกไม้แสนสวยพร้อมกับเข็มกลัดมาให้ค่ะ”

สายตาของมิเอลหันลงไปมองบนหน้าอกของเธอ เป็นเข็มกลัดที่ดูเหมือนว่าจะเป็นบลูไดมอนด์ติดอยู่บนหน้าอกเธอ ทำให้อาเรียขมวดคิ้วขึ้นทันที นั่นมัน…

“ฮ่าๆ! ตายจริง ดูเหมือนว่าเข็มกลัดที่ติดบนหน้าอกจะเป็นของขวัญที่ได้รับมาสินะ! เข็มกลัดแสนสวยเช่นนั้น เพิ่งจะได้รู้ก็ตอนนี้!”

“ตายจริง… งดงามจริงๆ เลย “

เข็มกลัดสีน้ำเงินสว่างใสของหล่อนทำให้ท่านเคาน์ติสเผลออุทานออกมาเพราะความงามของมัน แต่ทำไม

ทำไมถึงเป็นเข็มกลัดบลูไดมอนด์กันนะ

‘คล้ายกับของที่เคยให้ออสการ์เป็นของขวัญไปนี่นา…’

ยิ่งไปกว่านั้น ดีไซน์ก็คล้ายจนเหมือนจะทำให้เข้าคู่กันด้วยซ้ำ เหมือนเอาเข็มกลัดของออสการ์เป็นแบบแล้วทำขึ้นมา

หรือจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ นะ ไม่สิ ต้องเป็นอย่างนั้นไม่ผิดแน่

“ใช่ไหมล่ะคะ แล้วเจ้าหญิงก็บอกด้วยว่าก็อีกไม่นานอยากจะมาเยี่ยมที่คฤหาสน์ค่ะ”

“อย่างนั้นเหรอ ต้องเตรียมพร้อมเรื่องการรับรองไม่ให้สะเพร่าแล้วสินะ”

มิเอลยังคงอวดต่อ แล้วก็เป็นไปอย่างที่มิเอลหวัง คำโอ้อวดของหล่อนทำให้อาเรียอารมณ์ได้สำเร็จ แต่ไม่ถึงกับต้องแสดงสีหน้าออกไป เพราะหล่อนหวังให้เป็นแบบนั้นอย่างไรล่ะ คิดว่าเจ้าหญิงคงเอาเข็มกลัดของออสการ์ไปเป็นแบบทำเข็มกลัดให้พลางพยายามเบาใจปล่อยให้เรื่องผ่านไป

เรื่องที่วงจรธุรกิจติดขัดไปทีละอย่างสองอย่าง ทำให้เหล่าชนชั้นสูงไม่สบายใจ ยิ่งตระกูลที่ทำสัญญาค้ากับอาณาเขตที่เล็กๆ ไปสุดตัวจะเกิดความเสียหายเยอะที่สุด

เพราะฉะนั้นบรรดาภรรยาทั้งหลายที่เป็นอาจารย์ของอาเรียจึงมีสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก เลดี้ที่เข้าร่วมงานน้ำชาก็ดูไม่สดใสเหมือนเช่นเคย

“เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ถ้าธุรกิจของท่านพ่อเกิดผลกระทบด้วยจะทำอย่างไรคะ…”

เลดี้คนหนึ่งพูดขึ้นพลางทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ชื่ออะไรแล้วนะ เพราะนอกจากซาร่าแล้วก็ไม่รู้จักคนอื่นเลย อาเรียหันไปถามหล่อนที่ไม่รู้จักแม้แต่ชื่อด้วยซ้ำ

“ขอโทษนะคะ ทำธุรกิจเกี่ยวกับอะไรเหรอคะ”

“ท่านพ่อทำธุรกิจน้ำเข้าน้ำหอมค่ะ ไม่ใช่น้ำหอมราคาแพงอะไรหรอกค่ะ เป็นแค่หัวน้ำหอมที่ผสมน้ำแล้วนำมาใช้ก็เท่านั้น”

อ๋อ เพราะอย่างนั้นเลยได้กลิ่นหอมออกมาตลอดนี่เอง

ความกังวลของหล่อนดูน่าอายด้วยซ้ำเพราะของเล็กน้อยแบบนั้นจะไม่ถูกควบคุมอะไร

 ไม่ต้องกังวลไปเลยค่ะ ฉันได้ยินจากท่านพ่อว่าสินค้าที่โดยตัดวงจรอยู่ในตอนนี้ส่วนใหญ่แล้วเป็นพวกของใช้ฟุ่มเฟือยน่ะค่ะ ของฟุ่มเฟือยที่ชนชั้นสูงใช้กันค่ะ”

“จริงเหรอคะ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็โล่งอกไปค่ะ! …อ๊ะ พูดแบบนี้จะดูเป็นการเสียมารยาทหรือเปล่าก็ไม่รู้ ขอโทษนะคะ”

สมกับเป็นเลดี้อาเรียแห่งตระกูลท่านเคานต์โรสเซนต์ ข้อมูลที่เธอได้รับมาจากพ่อเป็นเหมือนฝนในหน้าแล้งของเหล่าเลดี้

แต่ตระกูลท่านเคานต์โรสเซนต์ก็ได้รับผลกระทบอยู่ไม่น้อย มีข่าวลือว่าจะยิ่งลำบากไปอีก ดูท่าคงจะดีใจได้ไม่เต็มที่

‘ตายจริง… ใครจะเป็นห่วงใครกันล่ะคราวนี้’

แม้ธุรกิจของท่านเคานต์จะพังไปหมด แต่ในตระกูลโรสเซนต์ก็ยังมีความสามารถที่จะทนต่อได้ หากราชอาณาจักรไม่พังไปเสียก่อน ก็ไม่มีเรื่องอะไรที่ตระกูลท่านเคานต์ต้องกังวล

อาเรียยิ้มพลางส่ายหน้า

“ไม่เป็นไรเลยค่ะ เพราะไม่ว่าอย่างไรพ่อท่านก็ต้องหาหนทางได้อยู่แล้ว ฉันเชื่อว่าครั้งนี้ก็จะผ่านไปได้ค่ะ”

ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนทำให้บรรดาเลดี้เห็นพ้องกัน ตระกูลโรสเซนต์ที่น่าจะได้ผลกระทบมากที่สุด กลับใส่ใจเพื่อเลดี้คนอื่นๆ เสียอีก แม้เธอไม่ได้คิดอะไรเป็นพิเศษด้วยซ้ำ

เพราะตระกูลของบรรดาเลดี้ที่มาร่วมงานนี้ไม่ได้มีกำลังมากพอที่จะแตะของฟุ่มเฟือยชนชั้นสูงได้ จึงไม่มีผลกระทบอะไรนัก

ยิ่งไปกว่านั้นสินค้าฟุ่มเฟือยเหล่านั้นก็ถูกผูกขาดอยู่แค่ตระกูลชนชั้นสูง ยิ่งได้กำไรมากเท่าไหร่ผู้ที่ครอบครองอำนาจก็ผูกขาดไปโดยปริยาย

กล่าวได้ว่า กลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากครั้งนี้เป็นเรื่องของกลุ่มชนชั้นสูงนั่นเอง ไม่ใช่เรื่องของตระกูลพวกหล่อนที่ห่างชั้นกับอำนาจอย่างไรล่ะ

‘เดี๋ยวก่อน… มีแค่กลุ่มชนชั้นสูงในบรรดาชนชั้นสูงที่ได้รับผลกระทบอย่างนั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นแนวหน้าของเรื่องนี้ก็คือกลุ่มคนของมกุฎราชกุมารสินะ…’

ไม่ใช่เพราะต้องการส่วนต่าง แต่เป็นการปะทะระหว่างอำนาจกันนี่เอง หากเผลอเข้าไปยุ่งด้วยอาจจะเกิดความเสียหายได้ เธอย้ำกับตัวเองอีกครั้งว่าต้องระวังไม่ให้ถูกจับได้

“ต่อจากนี้จะไม่จัดงานสักพักนะคะ เพราะบรรยากาศไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก อีกอย่างเลดี้ทั้งหลายเริ่มโตเป็นผู้ใหญ่กันแล้วก็น่าจะมีงานยุ่งนี่คะ”

ทุกคนยิ้มพลางมองไปที่ซาร่า เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา ปนอยู่ในรอยยิ้มนั้นอย่างพอเหมาะ ที่งานล่าช้าไปก็เพราะซาร่าที่ยุ่งอยู่จึงจัดเวลาให้ตรงกันลำบากนั่นเอง

ซาร่ากล่าวขอโทษราวกับเสียใจจริงๆ

“ขอโทษด้วยนะคะ เป็นเพราะฉัน…”

“ไม่เลยค่ะ ไม่ใช่เพราะเลดี้ซาร่าแค่คนเดียวหรอกค่ะ ทุกคนต่างยุ่งกันอยู่นี่คะ ใช่ไหมล่ะ”

ตามที่เธอพูดเลดี้ทั้งหลายเมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่แล้วต่างยุ่งอยู่กับการปฏิสัมพันธ์กับเหล่าขุนนางในระดับเดียวกับตระกูลของพวกเธอ สำหรับอาเรียที่ไม่จำเป็นต้องสานสัมพันธ์กับพวกหล่อนแล้วนับว่าเป็นข่าวดีเลยล่ะ

หลังจากจบงานกำลังจะกลับ ซาร่าก็เรียกอาเรีย เผยแก้มแดงก่ำพลางบอกว่ามีเรื่องจะพูดด้วยขอเวลาสักหน่อยจะได้หรือไม่ ดูท่าจะเป็นข่าวดีแน่นอน จึงไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ

“ที่จริง… ไม่นานมานี้ท่านมาร์ควิสยื่นคำขอหมั้นมาด้วยน่ะค่ะ”

“…ตายจริง”

แม้จะคาดเดาไว้อยู่แล้วก็ตามอาเรียก็เผยสีหน้าตกใจขึ้น ปิดปากทั้งสองมือพลางเบิกตาโตขึ้นทำให้ซาร่าอดหัวเราะไม่ได้

“ตระกูลท่านมาร์ควิสปกติแล้วจะจัดงานหมั้นและงานแต่งงานในฤดูใบไม้ผลิมารุ่นแล้วรุ่นเล่า จึงต้องรอปีหน้าถึงจะจัดงานได้ แต่ตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการตอบรับอย่างเป็นทางการน่ะค่ะ “

แม้จะยุ่งยากแต่ยิ่งเป็นตระกูลที่มีอำนาจมากเท่าไหร่ต้องจัดงานหมั้นก่อนจึงจะสามารถแต่งงานได้ เพื่อเป็นการโอ้อวดอำนาจ หารจัดงานหมั้นในฤดูใบไม้ผลิปีหน้า งานแต่งงานก็น่าจะจัดช่วงปลายปี

“ยินดีด้วยนะคะ! เสียใจที่แสดงออกไปได้ไม่หมดด้วยคำพูดพวกนี้นะคะ ต้องพูดอย่างไรเลดี้ถึงรับรู้ถึงจิตใจฉันกันนะ ดีใจขนาดนี้แต่พูดได้แค่คำว่ายินดีด้วยเอง”

อาเรียแสดงท่าทางเกินจริงออกไปพลางพูดแสดงความยินดี เพราะท่าทางเกินจริงของเธอทำให้ซาร่ารู้สึกพอใจอย่างมาก

“ขอบคุณนะคะ จิตใจที่แสนดีนั้นข้าได้รับไว้หมดแล้วล่ะค่ะ ทั้งหมดเป็นเพราะเลดี้อาเรียเลย เพราะเรื่องผ้าเช็ดหน้านั่นทำให้ได้สานสัมพันธ์กับท่านมาร์ควิสอย่างไรล่ะคะ”

แผนการเป็นไปตามที่คิดก็ทำให้เธอรู้สึกถึงยินดีเต็มปรี่ ตอนนี้ซาร่ามาอยู่ฝั่งตัวเองเต็มตัวแล้วนั่นเอง

“แล้วก็ ดูเหมือนว่าท่านมาร์ควิสจะอยากพบเลดี้ด้วยสักครั้ง แล้วก็ฝากบอกมาว่าหากเลดี้พอจะมีเวลาก็อยากเลี้ยงสำรับอาหารน่ะค่ะ”

ยิ่งไปกว่านั้นยังได้ของแถมเป็นท่านมาร์ควิสอีกหรือนี่! ตายจริง จะมีเรื่องอะไรที่น่ายินดีไปกว่านี้อีกนะ อารมณ์ที่เสียไปเพราะเรื่องเข็มกลัดของมิเอลกลับมาดีขึ้นทันที

อาเรียยิ้มอย่างสดใส

“จริงเหรอคะ! ฉันจะได้รับเกียรติเช่นนี้อีกไหมนะ ฉันพร้อมต้อนรับอยู่เสมอ เอาตามเวลาที่ท่านมาร์ควิสสะดวกเลยค่ะ!”

“ทำไมถึงได้อ่อนโยนเช่นนี้คะ อา จริงด้วย ฉัน… ขอโทษนะคะ ฉันยังไม่ได้บอกเลดี้ท่านอื่นเลย หากรู้เอาไว้คนเดียวก็น่าจะดีนะคะ”

“แน่นอนสิคะ!”

ว่ากันว่ายิ่งมีความลับระหว่างกันมากเท่าไหร่ความสัมพันธ์จะยิ่งสนิทสนมกันมากขึ้น

อาเรียจับมือของซาร่าที่เลือกจะตกลงมาในขุมนรกนี่พร้อมกับเปิดทางเข้าประตูนรกออกกว้างยิ่งขึ้น

……………………….