บทที่ 1588+1589

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1588 ไม่มีสิ่งใดคงเดิมมิแปรผัน

วันต่อมา ในที่สุดประตูก็เปิดออก กู้ซีจิ่วก้าวออกมา

หลานเหยากวงพินิจนางอยู่เงียบๆ คราหนึ่ง นางสวมชุดกระโปรงสีเขียวหม่น ทรงผมเรียบร้อยน่ามอง ถึงแม้ใต้ตาจะคล้ำเป็นวงเล็กน้อย แต่ก็ดูสุขมีชีวิตชีวา ทั้งตัวคนดูเปี่ยมไปด้วยกำลังวังชา ไม่มีสิ่งใดผิดปกติ

เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก้าวเข้าไปทักทาย “พี่หญิง ท่านสร่างแล้วหรือ?”

หลายวันมานี้กู้ซีจิ่วเตือนเขาไปไม่รู้กี่ครั้งแล้วว่าตนไม่ใช่พี่สาวของเขา จนปัญญาที่ประมุขเผ่าเงือกผู้นี้หัวรั้นยิ่งนัก เรียกขานว่าพี่หญิงๆ ไม่ขาดปากอยู่ตลอด ปรับให้แล้วก็ไม่แก้อยู่ดี ไปๆ มาๆ เช่นนี้ กู้ซีจิ่วจึงคร้านจะปรับแก้ให้เขาแล้ว

เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเขากำลังชวนคุย กู้ซีจิ่วจึงพยักหน้าให้เล็กน้อย ตอบอืมคราหนึ่ง

สายตาของหลานเหยากวงหันเหไปที่ข้อมือของกู้ซีจิ่ว ตกตะลึงไปชั่วขณะ

ถึงอย่างไรเขาก็มีชีวิตอยู่หลายพันปีแล้ว เป็นบุคคลรอบรู้ผู้หนึ่งเช่นกัน ทราบว่ากำไลที่นางสวมติดตัวก่อนหน้านี้คือกำไลคู่บุพเพ เป็นคู่กับวงนั้นที่อยู่บนข้อมือของตี้ฝูอี เขาหลงนึกว่าท่านเทพศักดิ์สิทธิ์จะจับมือเคียงกันกับพี่หญิงไปชั่วชีวิตเสียแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่า….

สวรรค์ลิขิตวาสนา ในเมื่อเป็นบุพเพที่สวรรค์กำหนดให้แล้ว เช่นนั้นย่อมเป็นวาสนาที่ดีที่สุด คนสองคนรักกันด้วยใจจริง ชนิดที่ว่าผู้ใดก็พรากให้จากกันไม่ได้ ได้รับความเอื้อเอ็นดูจากสวรรค์ รักกันลึกซึ้งถึงขั้นที่สามารถพลิกผันดวงชะตาได้

บนโลกนี้มีคู่รักที่ได้รับกำไลคู่บุพเพอยู่น้อยยิ่งนัก นับว่าได้รับการอำนวยพรอย่างแท้จริง

คราแรกที่หลานเหยากวงเห็นบนร่างเดิมของกู้ซีจิ่วมีกำไลวงนี้อยู่ยังประหลาดใจยิ่งนักอยู่เลย เนื่องจากในอดีตท่านเทพศักดิ์สิทธิ์หมั้นหมายกับหลานจิ้งเคอพี่สาวของเขานานถึงเพียงนั้น ในกาลก่อนบนข้อมือไม่เคยปรากฏสิ่งนี้ขึ้นมาเลย เหตุใดเขากับมนุษย์คนหนึ่งถึงมีกำไลคู่บุพเพได้เล่า?

ถึงแม้จะบอกว่านี่เป็นกายเนื้อของมนุษย์ที่เตรียมไว้ให้พี่สาวของเขาหลานจิ้งเคอ แต่หลานเหยากวงก็รู้สึกอยู่เสมอว่าค่อนข้างประหลาด

สวรรค์ลิขิตวาสนาสามารถได้รับความเอ็นดูจากสวรรค์ได้ แต่ถ้ามนุษย์ต้องจะถอดถอน ก็จะถูกสวรรค์ทอดทิ้ง

สามีภรรยาคู่อื่นๆ ต่อให้ร้างลากันก็ยังมีความเป็นไปได้ที่จะหวนกลับมาคืนดีกัน แต่วาสนาที่สวรรค์ลิขิตเมื่อถอดถอนแล้วความเป็นไปได้จะหมดไปอย่างสิ้นเชิงเลย!

มิน่าเล่าท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ถึงจากไปอย่างเด็ดเดี่ยวเช่นนั้นเขาตะโกนเรียกอยู่ด้านหลังตั้งหลายครั้งท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่หันกลับมาเลย ตรงออกไปยังมหาสมุทรทันที

ดูเหมือนการรับสวามีข้างตั่งของ ‘พี่หญิง’ จะเหยียบถูกขีดจำกัดของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์อย่างสิ้นเชิงแล้ว…

แต่ว่า ถ้าหากเป็นเพราะเหยียบถูกขีดจำกัดแล้วถึงได้ถอนหมั้นดังว่า แล้วเหตุใดท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ยังอุ้มนางกลับมาอีกเล่า? ซ้ำยังรั้งอยู่ในห้องนางเนิ่นนานถึงเพียงนั้น…

บางทีอาจเป็นเพราะถึงอย่างไรท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ยังรักพี่หญิงอยู่กระมัง?

และบางทีอาจเป็นเพราะเขาคือท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ หน้าตาสำคัญเป็นที่สุด ถ้าพี่หญิงยังหมั้นหมายกับเขาต่อหนึ่งวันก็ยังเป็นว่าที่ภรรยาของเขาอีกหนึ่งวัน เขาย่อมไม่อาจปล่อยให้นางเร่ไปนัดพบดื่มสุรากับชายอื่นด้านนอกได้…

ข้อสันนิษฐานนับไม่ถ้วนแวบผ่านเข้ามาในสมองของหลานเหยากวง เพียงแต่เขายังคงรายงานเรื่องสำคัญที่สุดแก่กู้ซีจิ่ว “พี่หญิง ช่วงสายวันนี้หลานเฝ่ยเคยมาหาท่าน เขาเป็นห่วงท่าน…”

กู้ซีจิ่วโบกมือ “บอกกับเขาไป ข้าไม่ต้องการสวามีข้างตั่งแล้ว วันหน้าเขาไม่จำเป็นต้องมาอีก”

หลานเหยากวงพูดไม่ออกแล้ว

เขาอดไม่ได้ที่จะเกาหัว หลายวันมานี้เขาเกลี้ยกล่อมกู้ซีจิ่วว่าอย่าได้รับสวามีข้างตั่งอะไรเลยจนปากเปียกปากแฉะ ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่ฟังเลย ยามนี้นางถอนหมั้นกับท่านเทพศักดิ์สิทธิ์แล้ว นางกลับไม่ต้องการสวามีข้างตั่งอีกต่อไป…

เขายังอยากพูดอะไรต่อ ทว่ากู้ซีจิ่วถามขึ้นมาอีกครั้งว่า “เหยากวง เจ้ารู้จักหลานจิงจิงหรือไม่?”

หลานเหยากวงตะลึงไปครู่หนึ่ง เอ่ยตอบอย่างไม่อ้อมค้อม “รู้จักสิ นางเป็นสหายสนิทของพี่หญิง เมื่อก่อนคยเที่ยวเล่นกับพี่หญิงอยู่เสมอ นับว่าเป็นสหายที่ดีที่สุดของพี่หญิง ปีนั้นที่พี่หญิงสิ้นชีพนางก็เสียใจยิ่งนัก…”

————————————————————————————-

บทที่ 1589 วาสนานำพามาบรรจบวาสนาสิ้นสุดจึงจากจร

กู้ซีจิ่วใจเต้นแวบหนึ่ง หลานจิงจิงก็คือคู่รักของหลานจิ้งเคอที่ตี้ฝูอีเล่าให้เธอฟัง

ถึงแม้กู้ซีจิ่วจะมีความทรงจำของหลานจิ้งเคอมากมาย แต่ล้วนแยกเป็นส่วนๆ ทั้งสิ้น คล้ายว่าใช้เวทวิชาบางอันใดควบรวมออกมา ทว่าไม่สามารถเชื่อมให้เป็นปึกแผ่นได้ และในความทรงจำที่กระจัดกระจายเหล่านี้ก็ไม่มีเรื่องราวของหลานจิงจิงเลยสักนิด อย่างมากก็มีเพียงสองสามภาพเท่านั้น

ดังนั้นในสมองกู้ซีจิ่วจึงมีแค่เงาร่างเลือนรางของหลานจิงจิง ทราบว่านางมีรูปลักษณ์อย่างไร ทว่าจำความสัมพันธ์แนบชิดคลุมเครือเหล่านั้นระหว่างหลานจิ้งเคอกับหลานจิงจิงไม่ได้เลย

“หลานจิงจิง ตอนนี้นางยังสบายดีหรือไม่? อยู่ที่ไหน? ข้าอยากไปเยี่ยมสักหน่อย” กู้ซีจิ่วกล่าวจุดประสงค์ของตนออกมา

หลานเหยากวงส่ายหน้า “พี่หญิง ท่านพบนางไม่ได้แล้ว นางตายไปแล้ว”

กู้ซีจิ่วตะลึงเล็กน้อย “…ตายได้อย่างไร?”

“นางฟังคำสั่งบิดามารดาออกเรือนกับแม่ทัพคนหนึ่งของเผ่าเงือก แม่ทัพคนนั้นปฏิบัติต่อนางไม่ดียิ่งนัก ทุบตีนางทุกสองสามวัน แม้กระทั่งตั้งครรภ์ใกล้ครบวาระแล้วก็ยังไม่ยอมปล่อย สุดท้ายนางจึงแท้งบุตร ตกเลือดมากเกินไปจนถึงแก่ความตาย”

กู้ซีจิ่วถามต่ออีก “…แม่ทัพคนนั้นเล่า?”

“ถูกประหารแล้ว พี่หวงออกคำสั่งด้วยตัวเอง”

“เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนไหน?”

“น่าจะห้าพันปีก่อนกระมัง ข้าจำเวลาที่แน่ชัดไม่ได้แล้ว คล้ายว่ายามนั้นพี่หญิงสิ้นชีพไปได้ไม่นานหลานจิงจิงก็ออกเรือนแล้ว”

หัวใจกู้ซีจิ่วหนักอึ้งเล็กน้อย หากว่าหลานจิงจิงเป็นคนรักลับๆ ของหลานจิ้งเคอจริงๆ นางจะออกเรือนกับคนอื่นไวถึงเพียงนี้ได้อย่างไร? เช่นนี้ไร้เยื่อใยเกินไปหน่อยกระมัง?!

กู้ซีจิ่วใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง ถามหลานเหยากวงด้วยคำถามที่เกี่ยวข้องกับหลานจิงจิงต่อเนื่องกันอยู่สองสามข้อ แต่ยามนั้นหลานเหยากวงยังเล็กอยู่จริงๆ เขาก็มีความทรงจำต่อหลานจิงจิงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทราบว่านางเป็นสหายสนิทของหลานจิ้งเคอ เรื่องอื่นไม่รู้เลยจริงๆ

เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นหลานเหยากวงมองเธอตาเป็นประกาย ทำให้เธอตกใจ “เจ้ามองข้าแบบนี้ทำไม?”

“พี่หญิง จู่ๆ ท่านก็ถามเรื่องหลานจิงจิงขึ้นมา นึกอะไรออกแล้วใช่หรือไม่?” หลานเหยากวงมองเธอด้วยสายตาที่เปี่ยมความคาดหวัง คล้ายว่าเขาจะนึกอะไรขึ้นมาได้ “พี่หญิงยังมีสหายเก่าบางส่วนอยู่ในเผ่าเงือก พี่หญิงอยากพบพวกนางหรือไม่? ยามนั้นสหายสนิทของท่านมิได้มีเพียงหลานจิงจิงคนเดียว ยังมีอีกสองสามคนนะ! ความสัมพันธ์ของพี่หญิงกับพวกนางล้วนแน่นแฟ้นยิ่ง ปีนั้นก่อนที่จะสิ้นชีพยังฝากฝังให้พี่หวงช่วยดูแลพวกนางอยู่เลย…ยามนี้พวกนางล้วนยังมีชีวิตอยู่ดี ยังมีสองคนที่ได้เป็นแม่ทัพของเผ่าเงือกด้วย ถ้าพี่หญิงอยากพบพวกนาง สามารถเรียกพวกนางมาได้ในทันที”

กู้ซีจิ่วใคร่ครวญครู่หนึ่ง ในที่สุดก็พยักหน้า “ได้!”

ประสิทธิภาพของหลานเหยากวงว่องไวยิ่ง ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม ก็เรียกสหายห้าคนของหลานจิ้งเคอในปีนั้นมาได้แล้ว มีทั้งหญิงและชาย หญิงมากชายน้อย

ถ้อยคำหลอกถามคนของกู้ซีจิ่วยังคงมีชั้นเชิงยิ่งนัก ไม่ด้อยไปกว่าเจ้าพนักงานไต่สวนมืออาชีพเลย เธอพูดคุยกับคนเหล่านั้นอยู่นานซักพัก คิดจะทำความเข้าใจเรื่องของหลานจิ้งเคอกับหลานจิงจิงสักหน่อย แต่เธอพูดคุยอยู่เนิ่นนานยิ่ง ก็ไม่ได้ข้อมูลที่เป็นประโยคจากการสนทนาเลย ในสายตาของพวกเขา หลานจิ้งเคอกับหลานจิงจิงไม่ได้ไปมาหาสู่ใกล้ชิดกันสักเท่าไหร่

ท่ามกลางเหล่าสหายในสายตาของแม่ทัพหญิงท่านหนึ่ง มีความรู้สึกว่าแม่นางน้อยอ่อนแอเช่นหลานจิงจิงไม่คู่ควรจะสหายของหลานจิ้งเคอเลย ที่หลานจิ้งเคอดีต่อหลานจิงจิงก็เพียงเพราะมีประวัติชีวิที่คล้ายคลึงกันอยู่บ้าง ด้วยเหตุนี้จึงสงสารนางและได้กลายเป็นสหายกับนาง

ปีนั้นหลังจากหลานจิ้งเคอสิ้นชีพ สหายเหล่านี้ของนางโศกเศร้าหม่นหมอง ก้าวข้ามความเสียใจไม่ได้เป็นเวลานาน แต่หลังจากย่างเข้าปีที่สองที่หลานจิ้งเคอสิ้นชีพหลานจิงจิงก็ออกเรือนไป อีกทั้งยามที่ออกเรือนยังมีขบวนเจ้าสาวยาวสิบลี้ด้วย พิธียิ่งใหญ่อลังการนัก นี่ทำให้พวกเขาเหล่านี้อึดอัดใจยิ่งนัก รู้สึกว่าหลานจิงจิงไม่มีหัวจิตหัวใจ…

สรุปแล้วก็คือ คนเหล่านี้ไม่มีสักคนเลยที่ทราบว่าหลานจิ้งเคอกับหลานจิงจิงมีความสัมพันธ์แอบแฝงกันอยู่

————————————————————————————-