ตอนที่ 853 กระจกเจ็ดสีมณีเจ็ดแสง

ลัวย่าวหัวรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยเขาลากกล่องไปวางไว้กลางห้อง หลังจากเปิดกล่องเขาก็เห็นกระจกสองบานและรูปปั้นพระโพธิสัตว์อยู่ด้านใน เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา นี่ต้องเป็นของดีอย่างแน่นอน !

 

ลัวย่าวหัวเปิดโรงประมูล การประเมินวัตถุโบราณเขาก็อยู่ในวงการนี้ ของทั่วๆไปไม่อยู่ในสายตาเขา แน่นอนว่าระดับการประเมินของเขาถือได้ว่าเป็นค่าเฉลี่ยทั่วไปเท่านั้น แต่ก็เพียงพอที่จะมองวัตถุโบราณส่วนใหญ่ได้ !

 

ลัวย่าวหัวจ้องมองไปที่วัตถุทั้งสามชิ้นที่อยู่ตรงหน้า เขามองมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า และพบว่าเขามองไม่ออก !

สิ่งนี้ทำให้ลัวย่าวหัวรู้สึกสงสัยในตัวเองอย่างมาก เขาจะมองไม่ออกได้ยังไง เขาเป็นเจ้าของโรงประมูลนะ !

 

หลังจากมองอีกครั้ง ลัวย่าวหัวก็ยังไม่รู้อีกอยู่ดี เขารู้สึกท้อแท้เล็กน้อยและอดไม่ได้ที่จะมองไปที่หยางโป

“ ทำไมฉันมองไม่เข้าใจเลยล่ะ ? ”

 

” นี่คือวัตถุโบราณของญี่ปุ่น ” หยางโปกล่าว

” ญี่ปุ่น ? ” ลัวย่าวหัวตะลึง ” นายไปทำอะไรมาถึงได้วัตถุโบราณของญี่ปุ่น ? “

 

หยางโปยิ้ม ” เอาไว้ครั้งหน้าจะพาไปดู จะได้รู้ “

ถึงแม้ว่าในใจของลัวย่าวหัวจะอยากรู้อยากเห็นมากแค่ไหน แต่ว่าหยางโปก็ไม่ยอมบอก เขาก็ไม่ถามมาก สายตาจับจ้องไปที่วัตถุทั้งสาม “ กระจกสัมฤทธิ์ชิ้นนี้เป็นของยุคไหนเหรอ ? ”

 

หยางโปเงยหน้าขึ้นและชำเลืองมอง “ กระจกสัมฤทธิ์นี้เรียกว่ากระจกขอบสามเหลี่ยมลายสัตว์เทพเจ้า

ที่เรียกว่ากระจกขอบสามเหลี่ยมลายสัตว์เทพเจ้า ที่ด้านหลังของกระจกสัมฤทธิ์มีการหล่อลายเทพเจ้าสามองค์และสัตว์เทพสามตัว ดูที่มุมล่างซ้ายว่ามีลายเส้นที่ค่อนข้างคลุมเครือหรือเปล่า ? “

 

ลัวย่าวหัวจ้องไปที่กระจกสัมฤทธิ์และพูดด้วยความประหลาดใจ ” ไม่บอก ฉันก็ไม่ได้สนใจจริงๆนะ แต่ตรงนี้มีเลขปีอยู่จริงๆ สามอะไรเนี่ยแหละ ฉันมองไม่ชัด “

 

“ เป็นช่วงปลายของยุคจิ่งชู ในเวลานั้นที่อาณาจักรญี่ปุ่นโบราณก็ปรากฏเมืองที่ชื่อว่า ‘ ยามาไต ’ ซึ่งในตอนนั้นก็เป็นหนึ่งในเมื่องเล็กๆของญี่ปุ่นที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก  จักรพรรดินีหญิงของเมืองนี้ชื่อฮิมิโกะ ในยุคของวุยก๊กเธอถูกส่งไปเป็นทูตที่จีน และยินดีที่จะถวายเครื่องบรรณาการในยุคของวุยก๊ก ในฐานะพันธมิตรญี่ปุ่น ในตอนนั้นยังได้รับการแต่งตั้งยศมหาเสนาบดี และรางวัลอื่นอีกมากมายรวมไปถึงกระจกนับร้อยชิ้น ” หยางโปอธิบาย

 

ลัวย่าวหัวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาจ้องไปที่กระจกสัมฤทธิ์ “ นั่นหมายความว่ากระจกสัมฤทธิ์นี้สามารถใช้เป็นหลักฐานยืนยันถึงมิตรภาพระหว่างจีนและญี่ปุ่นได้งั้นเหรอ ? ”

 

พูดจบ ลัวย่าวหัวก็ส่ายหัวอีกครั้ง “ ลองคิดดูแล้ว ฉันก็รู้สึกสะเทือนใจจริงๆ ในอดีตญี่ปุ่นจ่ายส่วยให้พวกเรา

แต่พอมาถึงในยุคปัจจุบันกลับต้องพ่ายแพ้ให้กับญี่ปุ่น เป็นเรื่องที่น่าเศร้าจริงๆ “

หยางโปพยักหน้าเห็นด้วย

 

ลัวย่าวหัววางกระจกสัมฤทธิ์ลง ” กระจกสัมฤทธิ์นี้เป็นที่ระลึกมีคุณค่ามาก นี่เป็นหลักฐานของการส่งส่วยและการยอมจำนนของญี่ปุ่น ต้องเก็บรักษาเอาไว้ ! “

 

จากนั้น ลัวย่าวหัวก็หยิบกระจกเงินขึ้นมาอีกอัน กระจกเงินนี้ดูงดงามกว่าอันเมื่อกี้มาก กระจกเงินนี้ทำมาจากเงิน ด้านหลังของกระจกตกแต่งด้วยชิ้นส่วนสีทอง ทองเส้นเป็นกลีบดอกไม้ 6 กลีบเรียงกันเป็นชั้นๆ แกนกลางของดอกไม้เป็นปุ่มกระจกและสีเคลือบสีเขียวอ่อนและเขียวเข้มในแต่ละกลีบนั้นงดงามมาก !

 

” กระจกเงินนี้สวยมาก ดูเหมือนจะใช้กันในราชวงศ์ ” ลัวย่าวหัวกล่าว

หยางโปนั่งอยู่บนเตียงและได้ยินเขาพูด ก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบไปมองและส่ายหัวเล็กน้อย ” กระจกบานนี้เรียกอีกอย่างว่ากระจกเจ็ดสีมณีเจ็ดแสง ที่เรียกว่ากระจกเจ็ดสีมณีเจ็ดแสง เพราะเป็นกระบวนการทำกระจกโดยใช้โลหะเคลือบ กระจกแบบนี้ไม่ได้ใช้ในราชวงศ์ และสร้างเพื่อมอบให้กับขุนศึกในญี่ปุ่นสมัยโบราณ ! “

 

ลัวย่าวหัวมองไปที่มันซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ มันเป็นของดีจริงๆ ทำไมฉันไม่เคยเห็นมันมาก่อนเลยล่ะ ? ”

หยางโปส่ายหัว ” ฉันก็ไม่เคยเห็นเหมือนกัน ดูจากการเกิดออกซิเดชันของกระจกเงินแล้ว ก็พอจะเดาได้ว่ากระจกเงินนี้น่าจะมีอายุประมาณสามร้อยปี “

 

ลัวย่าวหัวรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย ” ฉันจะลองไปดูตามอินเตอร์เน็ตว่ามีกระจกเงินที่คล้ายๆกันไหม ! “

หยางโปที่ถูกขัดขวางโดยลัวย่าวหัว ก็หมดความคิดที่จะฝึกฝนต่อ เขาลุกจากเตียงและต้มน้ำเพื่อชงชา

 

ทันทีที่ชงชาเสร็จ ลัวย่าวหัวก็เดินกลับมา ” ฉันหามันไม่เจอเลย คงไม่ได้หมายความว่ากระจกเงินนี้มีเพียงชิ้นเดียวในโลกหรอกนะ ? ” ” อย่าด่วนสรุปไปก่อนเลย อาจจะมีของคล้ายๆกันก็ได้ ” หยางโปกล่าวแบบนี้ แต่ในใจกลับคาดหวังเบาๆ ว่าบางทีนี่อาจจะเป็นกระจกเจ็ดสีมณีเจ็ดแสงอันเดียวในโลกจริงๆ !

 

ลัวย่าวหัวดูเหมือนจะพบสิ่งน่าสนใจใหม่ เขาจ้องไปที่รูปปั้นพระโพธิสัตว์ชิ้นสุดท้าย “ นี่คือรูปปั้นพระโพธิสัตว์แห่งความคิดหรือเปล่า ? ”

 

หยางโปพยักหน้า พระโพธิสัตว์แห่งการคิดไม่ได้หมายถึงชื่อของพระโพธิสัตว์ แต่เป็นท่าทางของพระโพธิสัตว์ในท่าทางเหมือนกำลังคิด พระโพธิสัตว์แบบนี้ส่วนใหญ่จะนั่งขัดสมาธิโดยมือซ้ายงอแขนค้ำบนหน้าขา มือขวายกเอาศอกวางบทหน้าขา หน้าเงยขึ้นและศีรษะเอียงไปทางขวา ตาทั้งสองข้างหลับเบาๆ ท่าทางเหมือนกำลังครุ่นคิด

 

พระโพธิสัตว์องค์นี้มีพระพักตร์ที่อวบอ้วนและกลม ท่วงท่าสง่างามและท่าทางสงบนิ่ง ความจริงแล้วพระโพธิสัตว์แห่งการคิดนั้นมีลักษณะเหมือนถูกสร้างขึ้นในประเทศจีนและได้รับความนิยมในราชวงศ์ทางใต้และทางเหนือ ภายหลังพบเจอได้ยากมาก คิดไม่ถึงว่าจะข้ามน้ำข้ามทะเลไปเป็นของที่ญี่ปุ่นสร้างขึ้น !

 

หยางโปพูดกับลัวย่าวหัว  ” มีตัวอักษรญี่ปุ่นมากมายภายใต้รูปปั้นพระโพธิสัตว์ หากรูปปั้นพระโพธิสัตว์นี้ถูกประมูลในประเทศญี่ปุ่นราคาก็ไม่น่าจะต่ำแน่ๆ ! “

 

ลัวย่าวหัวหัวเราะ “ นี่เป็นความคิดที่ดี จริงๆแล้วฉันอยากจะได้วัตถุโบราณของเหาหลีใต้ พวกเขารักชาติมาก ฉันอยากจะไปหาวัตถุโบราณที่นั่น ฮ่าๆ ฉันจินตนาการได้เลยว่าจะมีอะไรบ้าง ! ”

 

หยางโปส่ายหัว ” นายคิดผิดแล้ว ถ้านายไปเกาหลีใต้จริงๆฉันกลัวว่าจะไม่เป็นแบบนั้น เพราะพวกเขาทุกคนรักชาติ ถ้าพวกเขาเกิดคว่ำบาตรขึ้นมานายจะทำยังไง ? “

 

อุตสาหกรรมศัลยกรรมความงามในเกาหลีใต้มีการพัฒนาอย่างมาก และคนทั้งประเทศก็มีความเป็นศูนย์กลางมาก พวกเขาจึงรักชาติมากขึ้น ในปีเดียวกันเพื่อที่จะต้านทานวิกฤตเศรษฐกิจในเอเชีย พวกเขาได้ซื้อสกุลเงินของตัวเองเมื่อสกุลเงินนั้นอ่อนค่าลง !

 

ลัวย่าวหัวตะลึงงันไปครู่หนึ่งแล้วก็ดึงสติกลับมา เขาก็มองไปที่หยางโป “ เราจะไปที่นั่นเมื่อไหร่ ? ” หยางโปเหลือบมองเขา “ นายไม่อยากไปญี่ปุ่นแล้วเหรอ ? ”

 

” ฉันจะไปทำอะไรที่นั่น ? ” ลัวย่าวหัวผงะไปชั่วขณะแล้วเขาก็ตอบกลับทันควัน ” ดูเหมือนว่าจะเป็นงั้น สองประเทศนี้ไม่เลวเลย อุตสาหกรรมของประเทษญี่ปุ่นก็พัฒนาไปมาก พวกเราไปชิมเนียวตาโมริกันสักหน่อยไหม อื้ม จะต้องเป็นชัยชนะที่เอาฤกษ์เอาชัยดีอย่างแน่นอน ! “

 

หยางโปอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ ร่างกายแบบนี้เกรงว่าจะไม่มีทางเอาฤกษ์เอาชัยได้หรอกนะ ? ”

” ทำไมฉันจะทำไม่ได้ ” ลัวย่าวหัวพูดอย่างโกรธๆ ” ฉันบอกแล้ว ฉันต้องมีน้ำยามากกว่าไก่อ่อนอย่างนายแน่นอน ! “

 

หยางโปก็ปรี๊ดแตกขึ้นมาทันทีทันใด ” ออกไป ออกไปให้พ้นหน้าฉันเลย ! “

ลัวย่าวหัวหัวเราะเสียงดัง ” ตกลง ฉันไม่รบกวนนายแล้ว ฉันจะกลับไปดูทีวีที่ห้อง ได้ยินมาว่ามีช่องสำหรับผู้ใหญ่ทางฝั่งอเมริกาตอนกลางคืนด้วย “

 

หยางโปมองไปที่ลัวย่าวหัวที่กำลังเดินจากไปอย่างช่วยไม่ได้ แต่เขาก็กลับเข้าสู่ห้วงแห่งการฝึกฝนอย่างรวดเร็ว

ในวันถัดไป หยางโปแนะนำลัวย่าวหัวให้หยวนต๋ารู้จัก  หยวนต๋ากล่าวต้อนรับและขอบคุณหยางโปสำหรับการแสดงเมื่อคืนนี้

 

หยางโปกำลังจะพูดด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตนสองสามคำ จู่ๆโทรศัพท์ของหยวนต๋าก็ดังขึ้นในทันทีทันใด พ่อบ้านก็ยื่นโทรศัพท์ให้

หลังจากรับโทรศัพท์สีหน้าของหยวนต๋าก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน “ อะไรนะ ? โกดังถูกล้อม ? ”