“ติ๊ง!”
เสียงลิฟต์ดังขึ้นก่อนจะหยุดอยู่ที่ชั้น 4
ต้องรู้ว่าห้างสรรพสินค้า KM เป็นห้างที่มีขนาดใหญ่และมีชื่อเสียงมากที่สุดในเจียงเป่ย
การตกแต่งจึงหรูหราและทันสมัยมากๆ ซึ่งภายในก็มีของจากแบรนด์ดังๆมาวางขายอีกมากมาย นับว่าเป็นสิ่งที่ดึงดูดผู้คนได้มากเลยทีเดียว
หลังจากนั้น หลินฟานและคนอื่นๆก็เดินออกมาจากลิฟต์ พวกเขาก็ใช้เวลาไม่นานในการเดินมาถึงร้านๆหนึ่ง
ซึ่งเมื่อตู่หยูเจียมองดูการตกแต่งของร้านนี้ที่มีสไตล์สวยหรู ดวงตาของเธอก็เปร่งประกายจนรอไม่ไหวที่จะเดินเข้าไป
“ยินดีต้อนรับค่ะ!” พนังงานหญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูยิ้มและกล่าวทักทาย
จากนั้นพวกเขาก็เดินเข้ามา ซึ่งเมื่อตู่หยูเจียกับถังเจียวได้มองไปที่กระเป๋าสวยๆภายในร้าน พวกเธอก็อ้าปากและแสดงใบหน้าถึงความ ‘อยากได้’ออกมาอย่างเห็นได้ชัด
พนักงานหญิงกล่าวต่อไปว่า “มีอะไรให้ช่วยไหมค่ะ?”
ตู่หยูเจียพูดว่า “ฉันต้องการซื้อกระเป๋า”
“คุณหนูใช้เองหรือเปล่า? และคุณหนูอยากได้สไตล์แบบไหน?” พนังงานหญิงพูด
“ฉันใช้เอง! และฉันก็หาอันที่อยากได้เอาไว้แล้ว!” ขณะพูด ตู่หยูเจียก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วเธอก็เปิดรูปกระเป๋าที่เซฟไว้ในอัลบั้มให้พนักงานหญิงดู
ซึ่งความรู้ในเรื่องกระเป๋าของพนักงานหญิงคนนี้ก็แน่นเป็นอย่างมาก
เพียงแค่ชำเลืองมอง เธอก็รู้ทันทีว่ามันคือกระเป๋ารุ่นอะไร
“นี่คือกระเป๋า KL รุ่นล่าสุด แต่น่าเสียดายที่ร้านของเรายังไม่มีในสต็อก ต้องขอโทษด้วยค่ะ…” พนักงานหญิงกล่าว
“อย่างงั้นหรอ?” ตู่หยูเจียพูดอย่างผิดหวัง
“หยูเจีย เธอมีกระเป๋าใบอื่นที่ชอบอีกไหม” ถังเจียวถาม
“ไม่รู้สิ ฉันเล็งกระเป๋าใบนี้มานานแล้ว และฉันก็ชอบมันมาก” ตู่หยูเจียกล่าว
ในขณะนั้น หลินฟานก็ได้บังเอิญเห็นรูปภาพกระเป๋าจากโทรศัพท์ของตู่หยูเจีย ซึ่งเขาก็ผงะทันที
กระเป๋าใบนี้นี่มัน?
หรือว่า……
หลังจากที่หลินฟานได้ถือหุ้น 5% ประธานบริษัทก็ได้ส่งเสื้อผ้าและกระเป๋าจำนวนมากมาที่ปานหลงวิลล่า
ซึ่งถึงแม้ว่าหลินฟานจะไม่เคยจับต้องเสื้อผ้าและกระเป๋าเหล่านั้น
แต่เขามีความสามารถในการสแกน แค่เขาเคยเห็นก็เพียงพอที่จะจดจำแล้ว
และในหมู่นั้นก็มีกระเป๋าแบบในรูปของตู่หยูเจียด้วย!
หลินฟานถอนหายใจ: ถ้าฉันรู้ว่าตู่หยูเจียจะซื้อกระเป๋าใบนี้ ฉันคงพาเธอไปที่ปานหลงวิลล่าแล้ว
“ฉันรู้ว่ากระเป๋าใบนี้อยู่ที่ไหน” หลินฟานพูด
“จริงหรอ?” ตู่หยูเจียกล่าวอย่างตื่นเต้น
เธอวางแผนที่จะซื้อกระเป๋าใบนี้ให้ตัวเองหลังจากสอบปลายภาค
ซึ่งเมื่อใดก็ตามที่เธอมีเวลาว่าง เธอก็มักจะกดดูข้อมูลและรูปภาพของแพ็คเกจต่างๆ บนอินเทอร์เน็ตอยู่เป็นประจำ
และในที่สุดก็เป็นแพ็คเกจของ KL
อย่างไรก็ตาม ร้านนี้กับบอกว่าไม่มีของ… ตู่หยูเจียจึงรู้สึกผิดหวังอย่างมาก
แต่ตอนนี้ หลินฟานที่บอกว่าเขารู้ว่ากระเป๋าใบนี้หาซื้อได้จากที่ไหน เลยทำให้ตู่หยูเจียกลับมารู้สึกสดใสเหมือนเดิมอีกครั้ง
หลินฟานพยักหน้าและพูดว่า “เดี๋ยวฉันจะพาเธอไปที่นั่นเอง”
“โอเค!” ตู่หยูเจียกล่าวอย่างมีความสุข
จากนั้น หลินฟาน หลินเสี่ยวเหยา ตู่หยูเจียและถังเจียวก็กลับไปที่ลานจอดรถด้วยกัน
ซึ่งเมื่อพวกเขาทั้งหมดขึ้นรถแล้ว หลินฟานก็เหยียบคันเร่งและพุ่งตรงออกไปทันที
แต่ในระหว่างที่เขามาถึงทางออก เขาก็พบว่าหยวนหงเจิ้งยืนรออยู่ข้างหน้าโดยมีชายหญิงกลุ่มใหญ่ในชุดสูทรออยู่ด้วย ซึ่งตรงตรงอกของพวกเขาก็มีตราประจำตำแหน่งติดเอาไว้ และมันก็บ่งบอกว่าคนเหล่านั้นคือผู้อำนวยการกับรองผู้จัดการทั่วไป
ซึ่งเมื่อพวกเขาเห็นรถของหลินฟาน พวกเขาก็ยืนตัวตรงเป็นสองแถวเหมือนกับทหารที่รอการทำความเคารพท่านนายพล
จากนั้นพวกเขาก็ตะโกนพร้อมกัน “เดินทางกลับอย่างปลอดภัยครับ คุณหลิน!”
เสียงของพวกเขาหนักแน่นกันอย่างมาก
สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้มาจากความคิดของหยวนหง
ในความคิดของเขา หลินฟานอุตส่าห์มาที่ห้าง KM และถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้มาที่นี่เพื่อเข้าร่วมการประชุม แต่เขาก็อยากจะแสดงความภักดีให้หลินฟานเห็น
ซึ่งฉากนี้ก็ทำให้ ตู่หยูเจีย ถังเจียวและหลินเสี่ยวเหยาตกอยู่ในความงุนงง
แต่หลังจากที่บิ๊กจีขับออกมาไกลจากห้าง KM แล้ว พวกเธอก็ค่อยๆกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง
จากนั้น หลินเสี่ยวเหยาก็ถามว่า “พี่ชาย คนเหล่านั้นคือ… ผู้จัดการทั่วไปและผู้อำนวยการของห้าง KM หรอ?”
หลินฟานที่เห็นตราประจำตำแหน่งติดอยู่ตรงอกของคนเหล่านั้นก็พยักหน้าและพูดว่า “ใช่”
“ถ้าอย่างนั้น…ทำไมพวกเขาถึงมาเข้าแถวส่งพี่ล่ะ…” หลินเสี่ยวเหยายังคงถามต่อไป
ตู่หยูเจียกับถังเจียวก็ตั้งใจฟังอย่างมากเกี่ยวกับเรื่องนี้
เห็นได้ชัดว่าพวกเธอก็สงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้เหมือนกัน
หลินฟานกล่าวชิวๆ “อ้อ ก็เพราะว่าพี่เป็นเจ้าของห้าง KM ไงl”
เงียบสงัด!
รถทั้งคันตกอยู่ในความเงียบทันที!
เจ้าของห้าง KM ? !
รู้ไหมห้าง KM ตั้งอยู่ในใจกลางของเมืองเจียงเป่ย!
แถมยังเป็นห้างใหญ่โตมโหฬาร ตกแต่งหรูหรา มีแบรนด์ดังมาวางขายมากมาย…
นี่…ราคาเท่าไหร่?
หลายสิบล้าน?
หลายร้อยล้าน?
ถึงหลินเสี่ยวเหยาจะรู้ว่าพี่ชายของเธอโดดเด่น และเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของห้างหยินซานก็ตาม!
แต่ในเวลานี้เธอก็ยังตกใจอยู่ดี
ผิดกับหลินฟานที่ทำหน้าปกติ เขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับเรื่องนี้เลย เขาขับบิ๊กจีและตรงไปยังปานหลงวิลล่าที่อยู่ใกล้กับเทียนหูทันที
ซึ่งในเวลานี้ หลินเสี่ยวเหยาและเพื่อนๆของเธอก็ค่อยๆฟื้นตัวขึ้นมาจากอาการช็อก
พวกเธอมองดูสภาพแวดล้อมที่สวยงามในปานหลงวิลล่า และดวงตาของพวกเธอก็เปร่งประกายขึ้น
“บ้านเหล่านี้เหมือนปราสาทในเทพนิยายเลย” ถังเจียวอุทาน
“ดูสิ… มีรถสปอร์ตจอดอยู่ตรงนั่นตั้งหลายคัน!” ตู่หยูเจียอุทาน “โอ้ พระเจ้า! นั่นเฮลิคอปเตอร์หรอ มีเฮลิคอปเตอร์ด้วยหรอ?”
หลินเสี่ยวเหยารู้สึกประหลาดใจและถามว่า “พี่ชาย พี่ไม่ได้พาพวกเราไปซื้อกระเป๋าหรอกหรอ ที่นี่มันดูเหมือนเป็นที่ที่เอาไว้อยู่อาศัยมากกว่านะ”
หลินฟานไม่ได้ตอบอะไร เขาเหยียดนิ้วชี้ออกมาแล้วกดลงบนรหัสล็อค
“ตืด!”
จากนั้น ประตูก็ถูกเปิด
และวินาทีต่อมา เสื้อผ้ากับกระเป๋าในห้องก็ปรากฏออกมาให้หลินเสี่ยวเหยา ตู่หยูเจีบและถังเจียวเห็น
ซึ่งมันก็ทำให้ปากของพวกเธอกลายเป็นรูปตัว “O” ทันที
ในตอนแรก หลินฟานนั้นอาศัยอยู่ในวิลล่าหลังนี้
แต่หลังจากที่บริษัทลอจิสติกส์รวบรวมเสื้อผ้าและกระเป๋ามาไว้ในวิลล่าหลังนี้แล้ว เขาก็ย้ายไปอยู่ในวิลล่าหลังอื่นแทน
ซึ่งเสื้อผ้ากับกระเป๋าพวกนี้ก็ไม่ได้ขยับไปไหนเลย
จากนั้น หลินฟานที่เห็นว่าพวกเธอหยุดนิ่งและมีใบหน้าที่งุนงงอยู่
เขาจึงเดินเข้าไปอย่างไม่รีรอ และเขาก็พบกระเป๋า KL ที่ตู่หยูเจียต้องการ
หลินฟานยิ้มและพูดว่า “เสี่ยวเหยา เกี่ยวกับเรื่องที่น้องถามก่อนหน้านี้ ที่นี่ไม่ใช่ที่อยู่อาศัยของใครหรอก วิลล่าเหล่านี้มันเป็นของพี่ทั้งหมดเลย”
ประโยคเหล่านี้ที่พูดออกมาเหมือนกับก้อนหินที่ถูกโยนลงไปในทะเลสาบอันเงียบสงบ
“พี่ชาย พี่หมายถึงอะไร…วิลล่านี้เป็นของพี่ทุกหลังเลยหรอ” เสี่ยวเหยาถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่อยากจะเชื่อ
“ใช่แล้ว เป็นของพี่ทุกหลังเลย” หลินฟานกล่าวและพยักหน้า
“แล้ว… เสื้อผ้ากับกระเป๋าพวกนี้ล่ะ…” หลินเสี่ยวเหยาถามต่อ
“นั่นก็เป็นของพี่ด้วย” หลินฟานพูด
“นี่มัน! บ้าไปแล้ว! พระเจ้า!” หลินเสี่ยวเหยาตะโกนอย่างตื่นเต้นพร้อมกับวิ่งไปที่กองเสื้อผ้ากับกระเป๋าและกระโดนทับอย่างรุนแรง