หลินเสี่ยวเหยาว่ายอยู่ในทะเลของเสื้อผ้าและกระเป๋า
จากนั้นเธอก็หยิบกระเป๋าขึ้นมาหลายใบก่อนจะเดินไปหาหลินฟานแล้วพูดอย่างตื่นเต้นว่า “พี่คิดว่ากระเป๋าใบนี้เข้ากับฉันหรือเปล่า?”
“อืม ใบนี้สะพายแล้วเหมือนคนเจ้าอารมณ์หน่อยๆนะ!”
“ใบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ…”
“ว้าว กระเป๋าใบนี้น่ารักจัง!”
หลินฟานมองดูเธอที่กำลังเลือกกระเป๋าและอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “ไหนเธอบอกว่าไม่อยากได้กระเป๋าไง?”
ในความเป็นจริงแล้ว หลินเสี่ยวเหยาอยากได้กระเป๋าน่ารักๆแบบนี้มาโดยตลอด
ซึ่งถึงแม้ว่าเธอจะรู้ว่าหลินฟานมีเงินก็ตาม
แต่หลินเสี่ยวเหยานั้นเป็นคนประหยัด และเธอก็ที่ไม่ชอบใช้จ่ายเงินเพื่อซื้อของฟุ่มเฟือย
ซึ่งแนวคิดนั้นก็ได้หายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วในตอนนี้!
เพราะพี่ชายของเธอมีเสื้อผ้าและกระเป๋าอยู่มากมาย เธอจึงสามารถหยิบมันมาใช้ได้ตามต้องการ โดยไม่มีปัญหาเลย!
แน่นอนว่าหลินเสี่ยวเหยาจะไม่ยอมรับคำพูดของหลินฟาน…
เธอกระพริบตาโตๆแล้วพูดว่า “งั้นหรอ อาจเป็นเพราะจู่ๆฉันก็อยากได้ขึ้นมามั้ง”
หลินฟานมองดูท่าทางของหลินเสี่ยวเหยา เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มและบีบแก้มของเธอพลางพูดว่า “กินให้เยอะหน่อยละ เธอผอมเกินไปแล้ว”
เดิมที หลินเสี่ยวเหยานั้นมีความสุขมาก
แต่เมื่อได้ยินหลินฟานพูดแบบนั้น ใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นบึ้งตึงทันที เธอพูดอย่างโกรธๆ”พี่!”
เมื่อได้ยินการตอบกลับของเธอ…
หลินฟานก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข เขายื่นกระเป๋า KL ที่เพิ่งเอาออกมาให้ตู่หยูเจียแล้วพูดว่า “นี่ไง กระเป๋าที่เธออยากได้”
“ขอบคุณค่ะ” ตู่หยูเจียรีบหยิบกระเป๋ามาทันที แล้วเธอก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วพูด “ฉันจะโอนเงินให้คุณ”
หลินฟานอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ตู่หยูเจีย
จากนั้นเขาก็ยิ้มและพูดว่า “ไม่เป็นไร เธอเป็นเพื่อนของเสี่ยวเหยา และก็ถือว่านี่เป็นของขวัญเนื่องในโอกาศที่มาเที่ยวเจียงเป่ยก็แล้วกัน”
จากนั้นเขาก็พูดกับ ถังเจียวที่ยืนอยู่ข้างๆ “เธอก็เอากระเป๋าไปได้ด้วยนะ”
ตู่หยูเจียและถังเจียวต่างก็ลังเล
แม้ว่าหลินฟานจะมีกระเป๋าอยู่มากมาย
แต่จากกประสบการณ์และความรู้ที่มีมามากกว่า 10 ปี ได้บอกกับพวกเธอว่าไม่ควรเอาของของคนอื่นไปแบบฟรีๆ…โดยเฉพาะกระเป๋าที่มีค่าเหล่านี้
หลินเสี่ยวเหยาพูด “ไม่ต้องเกรงใจน่า พี่ชายของฉันยังมีกระเป๋าแบบนี้อีกเยอะ ถ้าปล่อยมันทิ้งไว้ก็จะมีแต่เสียเปล่า!”
หลังจากที่ทั้งสองได้ยินดังนั้น พวกเธอก็ไม่เกรงใจอีกต่อไป
“ว่าแต่พี่ ทำไมพี่ถึงซื้อเสื้อผ้าและกระเป๋าพวกนี้มาเยอะจัง” หลินเสี่ยวเหยาถาม
เมื่อได้ยินคำถามของหลินเสี่ยวเหยา ถังเจียวและตู่หยูเจียต่างก็หันมามองอย่างสนใจในทันที
เห็นได้ชัดว่าพวกเธออยากรู้เรื่องนี้มาก
“อ้อ กระเป๋าพวกนี้พี่ไม่ได้ซื้อมาหรอก แต่ประธานเขาให้มาเป็นของขวัญเนื่องจากพี่เป็นผู้ถือหุ้น” หลินฟานกล่าว
เงียบ.
ทุกคนเงียบลงไปทันที
ผู้ถือหุ้น?
นี่ก็หมายความว่า หลินฟานเป็นหนึ่งในเจ้าของแบรนด์อย่างงั้นหรอ!
พระเจ้าช่วย!
ถึงพวกเธอจะไม่รู้ว่าราคาทางการตลาดนั้นมากขนาดไหน
แต่แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้พวกเธอตกใจ
เพราะ…มันเป็นบริษัทแบรนด์เนมระดับโลก!
หลินฟานมองไปยังท่าทางที่กำลังตกตะลึงของพวกเธอทั้งสาม และอดไม่ได้ที่จะแตะจมูกของพวกเขาพร้อมกับพูดว่า “ต่อไป พวกเธอจะทำอะไรกันต่อ?”
หลินเสี่ยวเหยาเรียกสติกลับมาได้ก่อนคนแรก เธอพูด “โลชั่น…ใช่ พวกเราต้องการซื้อโลชั่นของฮัวจือดี!”
“โลชั่นของฮัวจือดีนั้นใช้ง่ายมาก แถมใช้ไม่กี่ครั้ง ผิวก็ขาวใส รอยสิวและสิวหัวดำก็หายไปในพริบตา!”
เมื่อหลินเสี่ยวเหยาพูดแบบนี้ น้ำเสียงของเธอก็สูงขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
เห็นได้ชัดว่าเธอใฝ่ฝันถึงวันที่จะได้ใช้โลชั่นของฮัวจือดี
เมื่อหลินฟานได้ยิน ใบหน้าของเขาก็แสดงความประหลาดใจออกมาในทันที
ตั้งแต่ หลินฟานมอบโลชั่นความงามให้กับชู่หยุนเยว์ไป เขาก็ไม่เคยไปดูแลกิจการของบริษัทฮัวจือดีอีกเลย
แต่เมื่อไม่นานมานี้ ชู่หยุนเยว์ได้โทรมาบอกกับเขาว่าตอนนี้ โลชั่นฮัวจือดีนั้นได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีในประเทศจีน
แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนั้นหลินฟานไม่ได้สนใจมันมากนัก
ซึ่งหลินเสี่ยวเหยาก็คิดว่าหลินฟานนั้นไม่รู้จักบริษัทฮัวจือดี
ดังนั้นเธอจึงพูดต่อ “พี่ชาย พี่ไม่รู้หรอว่าฮัวจือดีได้รับความนิยมมากแค่ไหนในตลาดบ้านเรา! ทันทีที่มันวางขายที่ชั้นวาง พวกมันก็จะถูกซื้อทั้งหมดในทันที!”
จากนั้น หลินเสี่ยวเหยาก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง “ฉันมาที่เจียงเป่ยในครั้งนี้ก็เพื่อลองเสี่ยงโชคดู แต่ก็ยังไม่รู้เลยว่าฉันจะหาซื้อมันได้ไหม”
ถ้าไปซื้อจากคนอื่นไม่ได้?
งั้นมาซื้อกับตัวเองไหม?
ถ้าหลินฟานต้องการ เขานั้นสามารถซื้อโลชั่นความงามมาจากระบบได้ทันที!
ต้องรู้ก่อนว่า……
โลชั่นที่นำออกมาวางขายไปทั่วนั้นถูกเอาไปเจือจางกับน้ำมานับร้อยๆครั้ง!
แต่หลินฟานไม่ได้ทำเช่นนั้น
เขาสามารถมอบโลชั่นเสริมความงามที่ดีกว่าให้น้องสาวของเขาได้ในอนาคต
เอาล่ะ ลองไปซื้อโลชั่นของฮัวจือดีให้เธอก่อน
เมื่อคิดได้เช่นนี้ หลินฟานก็พูดออกไป “ไป พี่จะพาเธอไปซื้อโลชั่นของฮัวจือดี”
“ดีเลย!” หลินเสี่ยวเหยาพูดอย่างมีความสุข
จากนั้น หลินเสี่ยวเหยาก็ถือกระเป๋าสองสามใบไปที่รถบิ๊กจี
ซึ่งเมื่อผ่านประตูของปานหลงวิลล่า ยามรักษาความปลอดภัยร่างใหญ่ก็ได้เข้าแถวเรียงกันเหมือนทหาร พวกเขาคำนับและทักทายหลินฟาน
ถังเจียวอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “มีบ้านที่เหมือนปราสาท และยังมียามรักษาความปลอดภัยที่ทุ่มเทแบบนี้อีก”
หลินเสี่ยวเหยาพูด “ฉันไม่รู้ว่ามีคนอาศัยอยู่ที่นี่กี่คน พวกเขาทุกคนต้องเข้าแถวและทักทายแบบนี้เมื่อมีใครออกไปข้างนอกหรอ? คงจะเหนื่อยน่าดู!”
หลินฟานพูด “ไม่เป็นอย่างงั้นหรอก”
“ทำไมละ?” หลินเสี่ยวเหยาถาม
“เพราะว่าวิลล่าทั้งหมดที่นี่เป็นของพี่ พี่เลยเป็นคนเดียวที่พวกเขาต้องทำความเคารพ แล้วจะเหนื่อยได้ยังไง?” หลินฟานพูด
เงียบ!
ทั้งรถบิ๊กจีถูกความเงียบกลืนกิน!
วิลล่าทั้งหมดที่นี่เป็นของพี่… ประโยคนี้ดูธรรมดามาก
แต่อย่างไรก็ตาม ประโยคนี้ได้ดังก้องไปมาในหูของหลินเสี่ยวเหยา ตู่หยูเจียและถังเจียวและมันก็ทำให้แก้วหูของพวกเขาเจ็บปวดนิดหน่อยด้วย
“อึก!”
ตู่หยูเจียรู้สึกว่าคอของเธอแห้งเล็กน้อย เธออดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายพร้อมกกับพูดว่า “แล้ว…รถสปอร์ตกับเฮลิคอปเตอร์ในวิลล่า…”
“มันเป็นของฉันทั้งหมด” หลินฟานพูด
“ฮะ! พี่ชาย! กลับไปก่อน! กลับไปเร็วๆ!” หลินเสี่ยวเหยาตะโกนอย่างตื่นเต้น
หลินฟานถาม “มีอะไร?”
“ฉันจะไปดูบ้านของเรา!” หลินเสี่ยวเหยาตะโกน
หลินฟานมองดูท่าทางตื่นเต้นของเธอ ก่อนจะเลี้ยวรถตรงกลับไปที่ปานหลงวิลล่า
และเมื่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ยืนอยู่ตรงประตูเห็นหลินฟานขับรถกลับมาก็รีบยืนตัวตรงอีกครั้งพร้อมพูดต้อนรับ
ยามรักษาความปลอดภัยเฝ้าดูหลินฟานที่พาหลินเสี่ยวเหยา ตู่หยูเจีย และถังเจียวไปเปิดประตูวิลล่าหลังหนึ่ง
พวกเขาดูรูปแบบการตกแต่งที่แตกต่างกันมากในแต่ละวิลล่า และทุกคนก็มองไปยังดอกไม้ที่อยู่รอบๆ
เมื่อเขามาถึงวิลล่าที่หลินฟานอาศัยอยู่ หลินเสี่ยวเหยาไม่ได้เข้าไปข้างในตัวบ้าน แต่เธอรีบไปที่เฮลิคอปเตอร์พร้อมกับตะโกนขึ้น “พี่ชาย คุณมีกุญแจไหม ฉันอยากจะเข้าไปดู!”
“โอเค พี่เปิดให้นะ” หลินฟานดึงประตูเฮลิคอปเตอร์ออกทันที
“ว้าว!”
ทันใดนั้น การตกแต่งภายในที่หรูหราของเฮลิคอปเตอร์ก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน
หลินเสี่ยวเหยาแทบรอไม่ไหวที่จะขึ้นไปนั่งบนนั้น เธอกระโดดขึ้นไปบนเฮลิคอปเตอร์อย่างมีความสุขเหมือนเด็กตัวเล็กๆ