ภาคที่ 4 ตอนที่ 65 เรื่องไม่คาดฝันและการตอบโต้ยามขวางถนน

Jun Jiu Ling หวนชะตารัก

ขวางทางร้องทุกข์ย่อมต้องทำกับขุนนางที่นับถือเชื่อถือ 

 

 

เฉิงกั๋วกงอยู่ที่เมืองหลวงได้รับความรักความนับถือมากมายเช่นนี้จริงๆ 

 

 

นายทหารทั้งหลายแถวหน้าอดไม่ได้ภาคภูมิใจ 

 

 

ไม่รู้ว่าคนเหล่านี้ไม่ได้รับความยุติธรรมอันใด? 

 

 

ความคิดเพิ่งแล่นผ่านไปก็ได้ยินคนกลุ่มนั้นตะโกนเสียงดังขึ้นมา 

 

 

“เฉิงกั๋วกงใช้หอกโล่เป็นเหตุ เรียกร้องทรัพย์สิน!” 

 

 

“เฉิงกั๋วกงชอบศึกกระหายสงคราม ก่อภัยโกลาหลสี่น่านน้ำ!” 

 

 

“เฉิงกั๋วกงใช้สงครามสร้างความมั่งคั่ง ปล้นชิงหนทางมีชีวิตของประชาชน!” 

 

 

เสียงตะโกนนี้ก้องกังวานบนถนนใหญ่ทำให้คนทั้งหมดสีหน้าตะลึงงัน 

 

 

นายทหารทั้งหลายที่เดิมทีฮึกเหิมอยู่บ้างยิ่งตะลึง 

 

 

อะไรกัน? 

 

 

ชอบศึกกระหายสงคราม? ก่อภัยโกลาหลสี่น่านน้ำ? 

 

 

ว่าใคร? ว่า…พวกเขาหรือ? 

 

 

ระหว่างที่ตะลึง ผู้คนที่คุกเข่าอยู่นั้นไม่รู้คนไหนยกมือขึ้น เขวี้ยงผลไม้เน่าลูกหนึ่งเข้ามา 

 

 

อาจด้วยระยะห่างไกลอยู่บ้างหรืออาจเพราะคนที่โยนผลไม้ตื่นเต้นตัวสั่นไม่มีแรง ผลไม้จึงไม่ได้ขว้างถูกตัวบรรดานายทหาร แต่ร่วงตกอยู่บนพื้นเบื้องหน้าพวกเขา ส่งเสียงดังเผละ 

 

 

ที่จริงเสียงไม่ดัง แต่ไม่รู้เหตุใด เมื่อลอยมาถึงหูบรรดานายทหารจึงกังวานก้องเป็นพิเศษ คล้ายกระสุนหินที่กองทหารชิงซานขว้างหน้ากระบวนทัพเมื่อครานั้น ระเบิดสะเทือนหูดังวิ้งๆ 

 

 

น้ำจากผลไม้นั่นคล้ายกระเซ็นเปื้อนบนใบหน้าบนร่างกายของพวกเขา เหนียวเหนอะหนะทิ่มแทงเจ็บปวดแสบร้อน 

 

 

“ชอบศึกกระหายสงคราม!” 

 

 

“ทำลายชาติทำร้ายประชาชน!” 

 

 

“คืนทางรอดให้เรา!” 

 

 

“ผลาญเกลี้ยงท้องพระคลัง!” 

 

 

“ประชาชนไร้ทางทำมาหากิน!” 

 

 

เสียงตะโกนดังขึ้นตรงนั้นตรงนี้ ผลไม้มากกว่าเดิมขว้างมา ฝูงชนที่นิ่งอึ้งไปในที่สุดก็ได้สติกลับมา ที่ตรงนั้นฮือฮา 

 

 

เมื่อนายทหารทั้งหลายที่กำลังทำหน้าที่พุ่งเข้าไปขับไล่ คนที่คุกเข่าอยู่เหลานี้ก็พยายามสุดกำลังขัดขืน ทำเป็นมองไม่เห็นดาบหอกกระบองในมือนายทหารเหลานี้ 

 

 

“ทหารสังหารคนแล้ว!” 

 

 

ยังมีหญิงชราหลายคนล้มกลิ้งบนพื้น ร่ำไห้คร่ำครวญชนเข้าใส่ทหาร 

 

 

นายทหารย่อมไม่มีทางลงมือสังหารชาวบ้านเหล่านี้จริงๆ ชั่วขณะประหนึ่งตกลงในหลุมโคลน เกาะหนึบอย่างยิ่ง สถานการณ์โกลาหลไปหมด 

 

 

“นี่มันเรื่องอะไรกัน?” 

 

 

“เป็นคนที่ก่อนหน้านี้จ่ายเงินไม่ไหวไม่ได้รับอนุญาตให้ตั้งร้านน่ะ” 

 

 

“จ่ายเงินจ่ายเงินอะไร?” 

 

 

“แน่นอนย่อมเป็นเงินที่ให้รางวัลเฉิงกั๋วกง” 

 

 

“ไม่เห็นเคยได้ยินนะ?” 

 

 

“เจ้าโง่รึ เจ้าไม่ได้ยินว่าเบี้ยหวัดของพวกขุนนางยังถูกเรียกบริจาคด้วยรึ พ่อค้าเหล่านี้ย่อมไม่ใช่ข้อยกเว้น” 

 

 

เสียงถามไถ่เสียงวิพากษ์วิจารณ์ประหนึ่งสายลมแผ่ขยาย เสียงร้องสรรเสริญแต่เดิมสลายหายไป ชาวบ้านที่ล้อมดูอยู่สีหน้ากลายเป็นแปลกประหลาด อารมณ์สับสนปนเป 

 

 

กระบวนทัพทหารยังคงเคร่งครัด กำลังพลล้วนยืนนิ่งไม่ขยับสักนิด แต่บรรยากาศเหี้ยมหาญเช่นนั้นก่อนหน้านี้ ท่ามกลางเสียงร้องไห้ตะโกนโวยวายรวมถึงสายตาคลางแคลงทั้งหมดนี้คล้ายถูกลอกออกจนอ่อนแอลงไปมาก 

 

 

………………………………………. 

 

 

เบื้องหน้าพระราชวังขุนนางนับไม่ถ้วนยืนเรียงแถวตามลำตับตำแหน่ง เพราะฮ่องเต้ยังไม่เสด็จ ทุกคนจึงล้วนพูดคุยเล่นเสียงเบา บรรยากาศสบายและผ่อนคลาย 

 

 

แต่ไม่นานทหารองครักษ์ก็ขี่ม้าเร็วรี่มากระซิบหลายประโยคกับขุนนางผู้หนึ่ง ขุนนางผู้นั้นสีหน้าเปลี่ยนรีบร้อนเดินเข้าไปด้านใน ข่าวแพร่กระจายอย่างรวดเร็วยิ่ง บนลานกลายเป็นเอะอะอยู่บาง 

 

 

“ทำไมเป็นเช่นนี้ได้?” 

 

 

“ถึงกับถูกขวางไว้แล้ว” 

 

 

“ถ้าอย่างนั้นจะทำอย่างไรดีเล่า?” 

 

 

หนิงอวิ๋นเจายืนอยู่ท้ายขบวน ได้ยินเสียงถกเถียงแผ่วเบาของผู้คนรอบด้านก็ถอนหายใจทีหนึ่ง 

 

 

“ขุนนางน้อยหนิงถอนหายใจให้ใครกันหรือ?” มีคนเอ่ยถามเสียงเบา “ถอนหายใจเศร้าโศกแทนเฉิงกั๋วกงรึ?” 

 

 

แม้หนิงอวิ๋นเจาจะถ่อมตัวแต่อย่างไรก็เป็นหลายของหนิงเหยียน หนิงเหยียนปกป้องสนับสนุนเฉิงกั๋วกงให้ทำศึกจนถูกปลดออกจากตำแหน่ง คนมากมายยังคงจัดให้เขาเป็นพวกที่ปกป้องเฉิงกั๋วกงโดยไม่รู้ตัว 

 

 

“ก็พูดเช่นนั้นได้” หนิงอวิ๋นเจาเอ่ยตอบ สีหน้านิ่งสงบ “แต่ความจริงโศกเศร้าแทนฝ่าบาท อย่างไรเฉิงกั๋วกงก็เป็นหน้าตาของฝ่าบาท เวลานี้ถูกคนขวางไว้ ไม่อาจเข้าเฝ้าตามเวลาได้ พระพักตร์ของฝ่าบาทก็หม่นราศี” 

 

 

เอาเถอะ หนิงอวิ๋นเจาเป็นคนที่เชื่อฟังพระบัญชาฮ่องเต้มากกว่า จุดนี้ทุกคนล้วนทราบ 

 

 

คนผู้นั้นกระแอมเบาๆ ทีหนึ่ง ชี้ขุนนางชั้นสูงที่ก้าวเร็วไวเดินไปด้านนอกหลายคน 

 

 

“พวกผู้ใหญ่ไปกันแล้ว น่าจะจัดการได้” เขาเอ่ยเสียงเบา “คงไม่ถ่วงฤกษ์ดีของการเข้าเฝ้าฝ่าบาทหรอก” 

 

 

หนิงอวิ๋นเจาก็พยักหน้า 

 

 

“ข้าเชื่อว่าเฉิงกั๋วกงจะปกป้องพระพักตร์ของฝ่าบาทได้” เขาเอ่ย 

 

 

เชื่อเฉิงกั๋วกง? เฉิงกั๋วกงจะปกป้องอย่างไร? ยอมรับความผิดขออภัยกับพ่อค้าตัวเล็กตัวน้อย ผู้เฒ่าด็กน้อยสตรีที่ขวางทางให้พวกเขายอมเปิดทางรึ? 

 

 

บรรดาขุนนางที่ได้ข่าวทางนี้รีบร้อนออกจากวัง ห่างออกไปเจ็ดลี้ด้านนั้นเสียงเอะอะก็ยิ่งดังขึ้น 

 

 

ฝูงชนที่แห่มาแทบจะขวางนายทหารผู้กำลังทำหน้าที่ซึ่งได้ข่าวเร่งมาช่วยเหลือรักษาระเบียบไว้ได้ชะงัด บนถนนใหญ่ชาวบ้านร่ำไห้โวยวายร้องตะโกนยื้อยุดกับเหล่าทหาร คนกลุ่มหนึ่งที่ถูกเต๋อเซิ่งชางโปรยเงินล่อไปกลางถนนก็เริ่มร้องตะโกนโวยวายด้วย 

 

 

“ต้องการพบเฉิงกั๋วกง!” 

 

 

“ให้เฉิงกั๋วกงออกมา!” 

 

 

“ให้คำอธิบายกับพวกเรา!” 

 

 

คนเกือบร้อยคนร้องตะโกนเสียงดัง โบกสะบัดป้ายผ้า ถึงขั้นพุ่งเข้าไปหากระบวนทัพทหาร 

 

 

ความฮึกเหิมบนใบหน้าของเหล่านายหทารที่ยืนอยู่แถวหน้าของกระบวนทัพหายไปนานแล้ว ที่มาแทนที่คือความนิ่งเฉย แล้วยังมีความงุนงงรวมถึงความผิดหวังที่ยากจะปกปิดอยู่ด้วย 

 

 

กระบวนทัพพลันแหวกออก คนสวมเกราะผู้หนึ่งขี่ม้าเยาะย่างออกมา 

 

 

เมื่อมองเห็นผู้ที่มา คนที่นั้นล้วนตะลึงไปวูบหนึ่ง 

 

 

แม้สวมชุดเกราะสวมหมวกปิดบังหน้าตา แต่มั่นใจไม่ต้องสงสัยว่าเป็นเด็กสาวคนหนึ่ง 

 

 

ในกองทหารถึงกับมีสตรีด้วย? 

 

 

การปรากฏตัวของสตรีผู้นี้ทำให้ผู้คนตกตะลึง เสียงเอะอะไม่ทันรู้ตัวก็น้อยลงไปมาก 

 

 

“นี่ พวกเจ้ามาก่อความวุ่นวายเพราะทางการเรียกเก็บเงินแต่ไม่ยอมจ่ายตามกฏงั้นรึ?” จ้าวฮั่นชิงเอ่ยถามเสียงดัง 

 

 

ได้ยินว่าเฉิงกั๋วกงได้ลูกสะใภ้ของเขาพาทหารไปช่วยกลับมาจากอี้โจว ถ้าเช่นนั้นนี่ก็คือสาวน้อยข้างกายของภรรยาท่านชายคนนั้นรึ? 

 

 

บุรุษที่เป็นหัวหน้าดวงตาเป็นประกาย 

 

 

ไม่ว่าผู้ที่ออกมาเป็นใคร ขอแค่ออกมาเอ่ยถาม เรื่องราวย่อมโยงไปถึงเฉิงกั๋วกงแน่นอน ดูสินายหทารที่เดิมทียื้อยุดพวกเขาเหล่านี้ เวลานี้ล้วนลังเลจนหยุดไปแล้ว 

 

 

นอกจากนี้ยังให้แม่นางน้อยคนหนึ่งออกมาถามอีก แม่นางน้อยจัดการง่ายดายเท่าไรล่ะ 

 

 

เขาห้ามความยินดีคลุ้มคลั่งในใจไม่ได้ ขานรับเสียงดัง คนอื่นก็ขานตอบรับตามเขา ที่ตรงนั้นเสียงดังวุ่นวายขึ้นมาอีกครั้ง 

 

 

“…ทางการเก็บเงินของพวกเราก็เพื่อ…” เขาเอ่ยต่อเสียงดัง แต่คำพูดเพิ่งออกจากปากก็ถูกเด็กสาวขัด 

 

 

“มีคำสั่งไม่ปฏิบัติตาม มีความผิด” นางเอ่ยเสียงดัง “มั่วสุมก่อเรื่องเป็นการก่อความวุ่นวาย ชาวบ้านผู้มีความผิด ชาวบ้านผู้ก่อความวุ่นวายตามกฎหมายควรลงโทษ พวกเจ้ารีบมอบตัวเสียแต่โดยดี” 

 

 

อะไรนะ? ชาวบ้านผู้มีความผิดชาวบ้านผู้ก่อความวุ่นวาย? มอบตัวเสียแต่โดยดี? 

 

 

ที่เกิดเหตุซึ่งเสียงดังวุ่นวายอยู่เงียบลงอีกหน 

 

 

พูดอะไรน่ะ? พวกเขาจะเป็นผู้มีความผิดผู้ก่อความวุ่นวายได้ยังไง? นางคิดว่านางเป็นใครกัน! 

 

 

บุรุษที่เป็นหัวหน้าได้สติกลับมา ทั้งขำทั้งโมโห 

 

 

เป็นจอมยุทธ์หญิงบ้านนอกจริงๆ ไร้ความรู้ทั้งยังน่าขัน 

 

 

“พวกเราไม่ใช่ผู้ก่อความวุ่นวาย พวกเราถูกกดขี่…” เขาตะโกนเอ่ย 

 

 

เสียงยังไม่ทันจบก็ถูกเด็กสาวคนนั้นขัดอีกหน 

 

 

“พวกเรารับราชโองการให้เข้าเมือง พวกเจ้ารีบถอยไปโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นถือเป็นการขัดราชโองการ” นางตวาดเสียงดัง “ผู้ที่กล้าขัดราชโองการ สังหารไม่เว้น” 

 

 

สังหารไม่เว้น? จริงหรือหลอก? 

 

 

คนที่อยู่ที่นั่นล้วนตะลึงไปแล้ว แม่นางน้อยคนนี้เอ่ยวาจาใหญ่โตอะไร? 

 

 

ความคิดเพิ่งเล่นผ่านไปก็เห็นแม่นางน้อยคนนั้นยกคันศรในมือขึ้นเล็งมาหาพวกเขาแล้ว ตามหลังการกระทำของนาง นายทหารหลังร่างก็แทบจะยกคันศรขึ้นในเวลาเดียวกัน 

 

 

ลูกศรวาววับเย็นเยียบน่าขนลุกทอประกายอยู่ตรงหน้า นี่ทำให้ชาวบ้านที่ไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้มาก่อนร้องตะโกนตกใจพักหนึ่ง แห่กันถอยหลัง 

 

 

บรรยากาศหนาวยะเยือกทำให้บุรุษที่เป็นหัวหน้าพลันขวัญสะท้านไปวูบหนึ่งเหมือนกัน สีหน้าเปลี่ยนไปมาไม่หยุดนิ่ง 

 

 

สังหารไม่เว้น? จะเป็นไปได้อย่างไร? หากบอกว่าคนที่เผชิญหน้าเวลานี้เป็นองครักษ์เสื้อแพร พวกเขาคงไม่มีทางสงสัย แต่เฉิงกั๋วกงจะทำเรื่องเหมือนองครักษ์เสื้อแพรได้อย่างไรเล่า? 

 

 

“อย่ามาโกหก ข้าไม่เชื่อ เฉิงกั๋วกงผู้มีความเป็นธรรมรักประชาชนดั่งลูกจะยิงสังหารพวกเราประชาชนที่ได้รับความอยุติธรรมเหล่านี้” เขาตะโกนเสียงดังแล้วยังก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง 

 

 

คนอื่นก็ทำใจให้สงบด้วย 

 

 

“ไม่ผิด พวกเราได้รับความอยุติธรรมมาเรียกร้องความเป็นธรรม” 

 

 

“พวกเราเป็นประชาชน ไม่ใช่โจรจิน” 

 

 

“ทหารไม่กล้าฆ่าพวกเรา” 

 

 

“เฉิงกั๋วกงจะสังหารประชาชนแล้ว” 

 

 

เสียงตะโกนเสียงด่าเสียงร้องไห้ดังขึ้นวุ่นวาย ฝูงชนก็แห่แหนมาข้างหน้าอีกครั้ง 

 

 

“ยิง” 

 

 

เสียงสตรีกังวานใสทั้งยังมีความโหดเหี้ยมดังขึ้นพร้อมกับเสียงฟึบฟึบ ศรดอกแล้วดอกเล่าพลันบินมาอย่างพร้อมเพรียง 

 

 

เสียงร้องตกใจดังขึ้นรอบด้าน กระทั่งทหารที่ทำหน้าที่รักษาระเบียบอยู่ก็ส่งเสียงร้องออกมาโดยไม่รู้ตัว 

 

 

ยังดีศรเหล่านั้นไม่ได้ยิงลงบนตัวคนจริงๆ แต่ปักลงเป็นแถวเบื้องหน้าเท้าของชาวบ้านที่โถมเข้ามาเหล่านั้น 

 

 

ถึงแม้เป็นเช่นนี้ก็ทำให้ชาวบ้านแถวหน้ากลัวจนทรุดนั่งลงกับพื้น กรีดร้องเสียงหลง 

 

 

ถึงกับยิงจริงๆ ! 

 

 

บุรุษที่ยืนอยู่ตรงกลางสีหน้าหวาดกลัวไม่มั่นใจ แต่ก็กัดฟัน 

 

 

ดูสิ แม้พวกเขากล้ายิง แต่ไม่กล้ายิงคน ก็แค่เสแสร้งวางท่า 

 

 

“อย่ากลัวพวกเขา” เขาตะโกนพลางสะบัดมือ “พวกเราต้องการคำอธิบาย! พวกเราต้องการคำชี้แจง!” 

 

 

พร้อมกับเสียงตะโกนของเขา ฝูงชนที่ตระหนกไม่มั่นใจก็ลังเลก้าวเข้ามาครั้งหน้าอีกหน 

 

 

จ้าวฮั่นชิงก็เก็บคันศรแล้ว นายทหารด้านหลังก็เก็บคันศรไปตามการเคลื่อนไหวของนางแล้วเช่นกัน 

 

 

ดูสิ ดูสิ พวกเขากลัวแล้ว! 

 

 

ฝูงชนดีใจวูบหนึ่ง ความยินดียังไม่ทันจางก็เห็นเด็กสาวผู้นั้นชักหอกยาวออกมา 

 

 

“ตั้งกระบวนทัพ เดินหน้า!” นางตวาดเสียงกังวาน หอกยาวในมือสะบัดมาด้านหน้า ชี้ไปยังฝูงชนที่ขวางทางด้านนี้ 

 

 

หลังร่างเสียงพรึบพรับดังพร้อมเพรียง กระบวนทัพเคลื่อนไหวพร้อมกัน พลธนูแถวหน้าถอยหลัง พลหอกแถวหนึ่งออกมา 

 

 

“ฮ่ะ!” 

 

 

พร้อมกับเสียงตวาดรับพร้อมเพรียง ทะยานม้าตั้งกระบวนทัพเดินหน้า 

 

 

เสียงกีบเท้าม้ากระหึ่ม พื้นดินสั่นสะเทือน สีหน้าของพวกเขาเคร่งขรึมนิ่งเฉยคล้ายที่เผชิญหน้าอยู่มิใช่ประชาชนแต่เป็นโจรจิน หอกยาวในมือเย็นเยียบน่าขนลุกพากลิ่นอายโลหิตมา 

 

 

บรรยากาศหนาวยะเยือกจู่โจมมามืดฟ้ามัวดิน