สวี่โยวพูดความจริง

 

 

 

 

           สุดสัปดาห์ ลั่วเซ่าเชินพาถังโจวโจวไปตรวจที่โรงพยาบาล คุณหมอบอกว่าเด็กในท้องแข็งแรงดี ทันทีที่พวกเขาออกมาจากห้องตรวจของคุณหมอ ถังโจวโจวก็เห็นสวี่โยวและคุณแม่เซียว 

 

 

เดิมทีถังโจวโจวตัดสินใจว่าจะทำเป็นมองไม่เห็นแล้วเดินหลีกหนีไป แต่คุณแม่เซียวสายตาแหลมคม เธอเห็นถังโจวโจวมาแต่ไกลแล้ว ในเมื่อเธอเห็นแล้ว เธอก็ตัดสินใจว่าจะไม่ปล่อยถังโจวโจวไป “ถังโจวโจว เธอมาทำอะไรที่นี่” 

 

 

           “คุณป้าเซียว สวี่โยว” ถังโจวโจวมองข้ามดวงตาที่มองมาอย่างเกลียดชังของคุณแม่เซียว 

 

 

สวี่โยวเห็นว่าลั่วเซ่าเชินและถังโจวโจวเดินออกมาจากแผนกสูติ-นรีเวช จึงเอ่ยถามทันที “ถังโจวโจว เธอท้องเหรอ” 

 

 

“ใช่” ถังโจวโจวยอมรับเต็มเสียง ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความพึงพอใจ 

 

 

ลั่วเซ่าเชินเห็นคุณแม่เซียวมองมาที่หน้าท้องของถังโจวโจวด้วยความอิจฉา เขาก้าวขึ้นไปบังหน้าถังโจวโจว เมื่อคุณแม่เซียวเห็นสีหน้าไร้อารมณ์ของลั่วเซ่าเชินมองมาที่เธอ เธอก็เบ้ริมฝีปาก ก่อนจะหันไปมองทางอื่น 

 

 

คุณแม่เซียวรู้สึกตกใจที่ได้ยินว่าถังโจวโจวท้อง แต่ก็รู้สึกว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เธอแต่งงานมาตั้งนานแล้ว ถ้าเธอตั้งจะท้อง มันก็เป็นเรื่องปกติ แต่ก็อดบ่นพึมพำเบาๆ ออกมาไม่ได้ “โชคดีจริงๆ แต่ก็ยังไม่แน่หรอกว่าจะได้เกิดมาหรือเปล่า” 

 

 

แน่นอนว่าสวี่โยวได้ยินคำพูดร้ายกาจของคุณแม่เซียว เธอรีบหันไปมองลั่วเซ่าเชินและถังโจวโจว เมื่อเห็นว่าพวกเขาไม่ได้ยิน เธอจึงถอนหายใจ เธอบ่นในใจว่ามีเรื่องให้พูดตั้งเยอะแยะก็ไม่พูด ดันมาพูดเรื่องนี้ เกิดลั่วเซ่าเชินได้ยินเข้า ได้ทะเลาะกันใหญ่โตแน่ 

 

 

คุณแม่เซียวหันไปมองสวี่โยวตามสัญชาตญาณ ไม่เข้าใจว่าทำไมโยวโยวถึงยังไม่มีข่าวดีบ้าง! 

 

 

สวี่โยวสังเกตเห็นแววตาของคุณแม่เซียวที่มองมา เธอพูดไม่ออกว่ามันเจ็บปวดมากเพียงไหน เซียวโม่ไม่แตะต้องเธอเลย แล้วเธอจะไปมีลูกได้อย่างไร 

 

 

“คุณแม่คะ เรารีบเข้าไปกันเถอะค่ะ คุณหมอรอแย่แล้ว” สวี่โยวจับข้อมือของคุณแม่เซียว หมายจะพาเธอไปที่ห้องตรวจของคุณหมอ คุณแม่เซียวให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ตอนนี้สิ่งที่เธอควรให้ความสำคัญยิ่งกว่าเรื่องถังโจวโจวตั้งท้อง คือเธอต้องรีบทำให้สะใภ้ของเธอมีหลานให้เธอเสียที 

 

 

ขอเพียงแค่สวี่โยวรีบมีหลานให้กับเธอ เธอก็จะสามารถวางใจได้ สวี่โยวพยักหน้าเบาๆ ให้ถังโจวโจว และพวกเขาก็แยกจากกัน 

 

 

หลังจากสวี่โยวตรวจร่างกายเสร็จ คุณแม่เซียวก็รีบจับตัวคุณหมอมาถาม “คุณหมอคะ สุขภาพของลูกสะใภ้ฉันเป็นยังไงบ้างคะ” 

 

 

“ดีมากครับ แต่เธอมีภาวะเลือดจางนิดหน่อย ต้องทานอาหารบำรุงเลือดเยอะๆ บำรุงรักษาร่างกายให้ดี เดี๋ยวก็หายครับ” แต่เห็นได้ชัดว่าคุณแม่เซียวมีท่าทางไม่พอใจกับข้อสรุปของคุณหมอ มันจะไม่มีปัญหาได้อย่างไร นานขนาดนี้แล้ว ท้องของเธอยังไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ เลย 

 

 

“คุณหมอคะ ไม่มีปัญหาจริงๆ หรือคะ” คุณแม่เซียวยังไม่ยอมแพ้ 

 

 

คุณหมอได้ยินคำถามนั้นก็ทำหน้าขึงขัง “ถ้าคุณไม่เชื่อ คุณลองไปตรวจกับคุณหมอท่านอื่นดูก็ได้นะครับ” 

 

 

คุณแม่เซียวยิ่งไม่สบอารมณ์ ท่าทีแบบนั้นมันอะไรกัน เธอก็แค่ถามให้แน่ใจเท่านั้นเอง “เอ๊ะ! คุณยังมีความเป็นมืออาชีพอยู่หรือเปล่า เป็นหมอประสาอะไรเนี่ย” 

 

 

สวี่โยวรู้สึกอับอายแทนคุณแม่เซียว เธอกระตุกแขนเสื้อของคุณแม่เซียว “พอเถอะค่ะ คุณแม่ ไปกันเถอะค่ะ” 

 

 

คุณหมอไม่ได้โต้กลับ เขาเพียงแต่มองคุณแม่เซียวนิ่งๆ ยิ่งคิดคุณแม่เซียวก็ยิ่งคับแค้นใจ แต่สวี่โยวก็ดึงเธอออกมาจากห้องตรวจของคุณหมอจนได้ “โยวโยว หนูทำอะไรน่ะ” คุณแม่เซียวสะบัดมือสวี่โยวทิ้งทันทีที่ออกมาจากห้องของคุณหมอ 

 

 

สวี่โยวเห็นว่าขนาดอยู่ต่อหน้าฝูงชนแบบนี้ คุณแม่เซียวก็ยังคิดจะเอาเรื่อง เธอจึงยอมรับผิดโดยเร็ว “เรื่องนี้หนูผิดเองค่ะคุณแม่ ดีว่าคุณหมอเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร แล้วคุณแม่โกรธแบบนี้ไม่เท่ากับว่าคุณแม่กำลังทำร้ายตัวเองหรือคะ หนูว่ามันไม่คุ้มเลย” 

 

 

คุณแม่เซียวเห็นว่าที่เธอพูดมาก็มีเหตุผล “จ้ะ หนูพูดถูก แม่จะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเขาอีก” คุณแม่เซียวยอมถอยออกมาตามที่สวี่โยวบอก 

 

 

เมื่อออกมาจากโรงพยาบาล สวี่โยวก็ขับรถกลับบ้านพร้อมกับคุณแม่เซียว คุณแม่เซียวพูดถึงเรื่องที่ถังโจวโจวตั้งท้องมาตลอดทาง “โยวโยว หนูเองก็ต้องคิดเรื่องนี้ได้แล้วนะลูก หนูดูอย่างถังโจวโจวสิ ตอนนี้เธอมีลูกแล้ว หนูไม่อยากมีลูกกับเซียวโม่บ้างเหรอ” 

 

 

คำพูดของคุณแม่เซียวพูดกระทบไปถึงส่วนลึกในหัวใจของสวี่โยว เธอจะไม่คิดเรื่องนี้ได้อย่างไร เธอขบคิดเรื่องนี้อยู่ทั้งวันทั้งคืน แต่ช่วงนี้เซียวโม่ไม่แม้แต่จะมองหน้าเธอเลยด้วยซ้ำ ความขมขื่นในใจของเธอ ใครเล่าจะรู้ได้ 

 

 

“ค่ะ คุณแม่ แต่ช่วงนี้เซียวโม่เอาแต่ทำงานล่วงเวลาอยู่ที่บริษัท หนูก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงแล้วเหมือนกัน” สวี่โยวพูดราวกับว่าไม่ได้ตั้งใจ 

 

 

คุณแม่เซียวกระตือรือร้นขึ้นมาในทันที “จริงเหรอ แม่จะต้องคุยกับเขาให้รู้เรื่อง ไม่ว่างานจะยุ่งแค่ไหนก็ไม่ควรละเลยสุขภาพของตัวเองสิ” 

 

 

สวี่โยวและคุณแม่เซียวกลับมาถึงบ้านตระกูลเซียว ทันทีที่พวกเขาก้าวเข้ามาในบ้าน คุณแม่เซียวก็โทรหาเซียวโม่ทันที ปลายสายรับโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว สวี่โยวรู้สึกเศร้าใจ ในขณะที่เธอมองดูคุณแม่เซียวถามถึงความเป็นอยู่ของเซียวโม่ในช่วงนี้ ที่ผ่านมาดูเหมือนว่าเขาจะเจตนาไม่รับสายโทรศัพท์เธอ 

 

 

“ลูกแม่ แล้วเมื่อไรจะกลับมาหาแม่ล่ะ” คุณแม่เซียวอดทนต่อเซียวโม่มาก เขาเป็นลูกชายคนเดียวของเธอ เธอเองก็ไม่ได้เจอเซียวโม่มาสักพักแล้ว เธอคิดถึงเขามาก 

 

 

ไม่รู้ว่าเซียวโม่พูดอะไร คุณแม่เซียวถึงได้หัวเราะออกมาเสียงดังลั่น สวี่โยวอยากรู้ว่าคุณแม่เซียวและเซียวโม่คุยอะไรกัน แต่เธอก็ไม่กล้าแอบฟัง 

 

 

คุณแม่เซียวคุยเรื่องสัพเพเหระกับเซียวโม่จนเกือบลืมธุระของตัวเองไป เมื่อถึงตอนที่กำลังจะวางสายเธอถึงนึกขึ้นมาได้ “จริงสิ วันนี้แม่เจอถังโจวโจวที่โรงพยาบาลด้วยนะ เธอท้องแล้ว ดูสิ เมื่อไรลูกกับสวี่โยวจะมีหลานให้แม่อุ้มบ้างสักทีล่ะ” 

 

 

เหตุผลที่คุณแม่เซียวบอกเรื่องที่ถังโจวโจวตั้งท้องก็เพราะอยากให้เซียวโม่ตัดใจ ไม่ต้องไปคิดถึงผู้หญิงคนนั้นอีก ตอนนี้เธอกำลังหวังให้ในท้องของสวี่โยวมีหลานชายคนโตของตระกูลเซียวอยู่ 

 

 

แต่เซียวโม่ไม่อาจนิ่งเฉยได้เหมือนกับคุณแม่เซียว เขาตะโกนออกมาเสียงดังลั่นแม้กระทั่งสวี่โยวที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ยังได้ยิน “อะไรนะครับ? โจวโจวท้อง! เป็นไปไม่ได้!” 

 

 

สวี่โยวกำมือแน่น คุณแม่เซียวเองก็ไม่พอใจ 

 

 

“นี่ลูก ทำไมถังโจวโจวจะท้องไม่ได้ อย่าลืมนะ ตอนนี้เธอเป็นของคนอื่นแล้ว ลูกไม่ต้องไปคิดถึงเธออีก แม่กับพ่อของลูกไม่เห็นด้วยเด็ดขาด ตอนนี้ลูกแต่งงานกับโยวโยวแล้ว ลูกต้องดีกับโยวโยวให้มากกว่าใครสิ!” 

 

 

ตราบใดที่เกี่ยวข้องกับถังโจวโจว คุณแม่เซียวพร้อมที่จะยืนอยู่ข้างเดียวกันกับสวี่โยว หากต้องเปรียบเทียบถังโจวโจวและสวี่โยว ในสายตาของคุณแม่เซียว สวี่โยวนั้นดีกว่าในทุกๆ ด้าน 

 

 

หลังจากนั้นไม่นาน คุณแม่เซียวก็มองดูสายโทรศัพท์ที่ตัดไปด้วยสีหน้าบึ้งตึง สวี่โยวรีบพูดให้กำลังใจ “อย่าโกรธเขาเลยนะคะคุณแม่ เซียวโม่อาจจะกำลังอารมณ์ไม่ดี เขาก็เลยพูดออกมาแบบนั้น” 

 

 

สวี่โยวลูบอกคุณแม่เซียว คุณแม่เซียวหอบหายใจอย่างหนัก แล้วหันไปเอ็ดใส่เธอ “มีอะไรให้เขาอารมณ์ไม่ดี ยายถังโจวโจวนั่นไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขาแล้วสักหน่อย เขาจะสนใจทำไม เมียตัวเองถูกทิ้งอยู่ตรงนี้ไม่ยักจะสนใจ!” 

 

 

คุณแม่เซียวเห็นว่าสีหน้าของสวี่โยวย่ำแย่เต็มที เธอจึงตระหนักได้ว่าเธอพูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกไป เธอรีบคว้ามือของสวี่โยวมาจับเพื่อปลอบโยน “โยวโยว หนูมั่นใจได้เลยนะ แม่จะไม่ยอมให้เซียวโม่กับถังโจวโจวนั่นได้อยู่ด้วยกันเด็ดขาด แม่จะรอหนูคลอดหลานออกมาให้แม่คนเดียวเท่านั้น” 

 

 

สวี่โยวไม่สามารถวางใจได้เลยเมื่อเธอได้ฟังคำพูดของคุณแม่เซียว คุณแม่เซียวชอบเธอแล้วมันจะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อคนที่สามารถทำให้เธอตั้งท้องได้ก็มีแต่เซียวโม่ แต่มีครั้งไหนที่เซียวโม่มานอนใกล้เธอบ้าง เขาห่างเหินราวกับว่าร่างกายของเธอมีเชื้อโรคอยู่อย่างนั้นแหละ 

 

 

แม้แต่ตอนที่ออกไปข้างนอก ก็มีแต่เธอที่ทำตัวติดกันกับเขา เซียวโม่เบื่อหน่ายเธอมาก ดังนั้นเขาจึงเพิกเฉยต่อการมีตัวตนอยู่ของเธอ และปล่อยให้เธอควงแขนเขาไปตามใจชอบ 

 

 

สวี่โยวเคยเห็นมาก่อนว่าลั่วเซ่าเชินปฏิบัติกับถังโจวโจวอย่างไร ทำไมชีวิตของถังโจวโจวถึงได้แต่สิ่งดีๆ แบบนั้น เซียวโม่มีแต่ถังโจวโจวอยู่ในหัวใจ ลั่วเซ่าเชินก็มีเธอเหมือนกัน แล้วตอนนี้เธอก็ยังตั้งท้องอีกต่างหาก สวี่โยวยิ่งคิดยิ่งรู้สึกเกลียด ทำไมต้องมีผู้หญิงที่ชื่อถังโจวโจวคนนี้บนโลกด้วย! 

 

 

สวี่โยวเห็นว่าช่วงนี้คุณแม่เซียวมักจะพูดถึงเรื่องหลานอยู่บ่อยๆ เมื่อคิดดูแล้วเธอรู้สึกว่าถ้าเธอยังไม่พูดเรื่องนี้ออกมา อีกไม่นานเธอคงจะรับมือกับคำพูดของคุณแม่เซียวที่นับวันยิ่งเร่งรัดขึ้นเรื่อยๆ ไม่ไหว “คุณแม่คะ หนูมีเรื่องจะบอกคุณแม่” 

 

 

“เรื่องอะไรเหรอลูก” คุณแม่เซียวเห็นสวี่โยวก้มหน้าต่ำ เธอพยายามจะพูดอะไร ทำไมเธอถึงดูอึดอัดใจนัก คุณแม่เซียวรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก 

 

 

“คุณแม่คะ ความจริงแล้วหนูกับเซียวโม่ไม่ได้อยู่ด้วยกันค่ะ” สวี่โยวพูดอย่างแผ่วเบา แต่คุณแม่เซียวไม่เข้าใจ 

 

 

“โยวโยว หนูหมายความว่ายังไง ตอนนี้หนูอยู่ด้วยกันกับเซียวโม่ไม่ใช่เหรอ พวกหนูเป็นสามีภรรยากันนะ!” 

 

 

ตอนนี้สวี่โยวเป็นลูกสะใภ้ของเธอ แล้วทำไมถึงไม่ได้อยู่ด้วยกันกับเซียวโม่ล่ะ ฟังดูขัดแย้งพิกล? 

 

 

เมื่อเห็นว่าคุณแม่เซียวไม่เข้าใจ สวี่โยวก็รู้สึกอับอายขายขี้หน้า เธอได้แต่เอนตัวเข้าไปหาคุณแม่เซียวและกระซิบบอกที่ข้างหูเบาๆ คุณแม่เซียวร้องอุทานทันที “จริงเหรอ!” 

 

 

สวี่โยวพยักหน้า คุณแม่เซียวไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้ เธอตำหนิสวี่โยว “โยวโยว ทำไมหนูไม่รีบบอกแม่ มันจะได้ไม่เลยเถิดมาไกลขนาดนี้” 

 

 

สวี่โยวเห็นว่าคุณแม่เซียวเริ่มกล่าวโทษเธอ เธอก็ยิ่งหม่นหมองลงไปอีก จะให้เธอพูดอย่างไรล่ะ เรื่องแบบนี้จะให้เธอพูดออกมาหน้าตาเฉยได้หรือ? ถ้าคุณแม่เซียวไม่ได้เอาแต่พูดถึงเรื่องลูก เธอก็คงไม่บอกคุณแม่เซียวเรื่องนี้หรอก จะให้เธอยอมรับออกมาตรงๆ หรือว่าเธอรักษาเซียวโม่เอาไว้ไม่ได้? 

 

 

คุณแม่เซียวเห็นว่าสีหน้าของสวี่โยวเศร้าหมอง เธอก็รู้ตัวว่าสิ่งที่เธอพูดออกไปนั้นมันไม่ถูก แต่เธอก็กระดากเกินกว่าจะยอมรับผิด เธอจึงได้แต่เบี่ยงเบนหัวข้อ “โยวโยว หนูอย่ากังวลใจไปเลยนะ เดี๋ยวแม่ช่วยหนูคิดหาวิธีเอง” คุณแม่เซียวจะไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้ดำเนินต่อไปอีกอย่างแน่นอน 

 

 

เดิมทีเธอก็ไม่ชอบถังโจวโจวอยู่แล้ว เมื่อเธอรู้ว่าลูกชายของเธอไม่ยอมแตะต้องสวี่โยวเพราะถังโจวโจวอีก นั่นยิ่งทำให้คุณแม่เซียวไม่ชอบถังโจวโจวเข้าไปใหญ่ หากถังโจวโจวรู้เข้าก็คงจะได้แต่ถอนหายใจ นอนอยู่เฉยๆ ก็ดันโดนยิง[1] 

 

 

คุณแม่เซียวมีแผนอยู่ในใจ ในเมื่อลูกชายไม่ยอมแตะต้องตัวสวี่โยว ถ้าอย่างนั้นก็ให้เธอวางยาสามีตัวเองเสียสิ ให้เธอมีหลานมาให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน พอมีลูก เซียวโม่ก็จะเห็นแก่เด็ก แล้วเขาก็จะเข้าใกล้กับสวี่โยวมากขึ้นเอง 

 

 

           คุณแม่เซียวรู้จักลูกชายของตัวเองดี เซียวโม่ไม่เคยต่อต้านเธอเลย นอกจากเรื่องที่เขาคบกับถังโจวโจว แล้วเธอไม่เห็นด้วย สุดท้ายเขาก็หมดทางเลือก เขายอมแต่งงานกับสวี่โยวตามความคาดหวังของเธอ 

 

 

           คุณแม่เซียวพูดคำไหนคำนั้น เธอเล่าแผนการให้สวี่โยวฟัง พวกเธอเริ่มดำเนินการในวันเดียวกัน คุณแม่เซียวโทรหาเซียวโม่อีกครั้งและบอกให้เขากลับมากินข้าวเย็นที่บ้าน แม้ว่าเซียวโม่จะไม่สบอารมณ์ แต่เขาก็ตอบตกลง 

 

 

ตกเย็น เมื่อเซียวโม่กลับมาถึงบ้าน เขาก็เห็นสวี่โยวออกมาต้อนรับ สีหน้าของเธอดูไม่ดีเลย “ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้” สวี่โยวทำท่าเหมือนกับเป็นลูกสะใภ้ผู้น่าสงสาร แต่เธอก็ไม่พูดอะไร 

 

 

คุณแม่เซียวต่อสู้เพื่อเธอทันที “ลูกพูดอะไรน่ะ! โยวโยวเป็นเมียลูกนะ แน่นอนว่าเธอมากับแม่ เอาละ พ่อใกล้จะกลับบ้านแล้ว อีกเดี๋ยวค่อยทานข้าวกัน” 

 

 

เซียวโม่เห็นว่าวันนี้สวี่โยวดูแปลกไป แต่ก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น วันนี้จู่ๆ เขาก็ได้ข่าวว่าถังโจวโจวตั้งท้อง เขาจึงโทรไปถามในทันที และเมื่อได้รับคำยืนยันจากปากของถังโจวโจว เซียวโม่ก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ 

 

 

 

 

 

[1] นอนอยู่เฉยๆ ก็ดันโดนยิง หมายถึง อยู่ดีๆ ก็ถูกกล่าวหา หรือรับเคราะห์