สำเร็จตามแผน

 

           ตั้งแต่เซียวโม่รู้ว่าถังโจวโจวท้อง เขาก็ไม่มีกะจิตกะใจจะทำงาน เขานั่งเหม่อลอยอยู่ในออฟฟิศตลอดบ่าย ไม่รู้ทำไมในหัวของเขามักจะหวนนึกถึงความหอมหวานและความอบอุ่นที่พวกเขาเคยมีให้กันอยู่เสมอ แต่ตอนนี้ต่างคนต่างมีทางเดินของตัวเองไปแล้ว

           สวี่โยวรับกระเป๋าเอกสารมาจากเซียวโม่ และแขวนเสื้อโค้ทที่เขาถอดไว้บนที่แขวนเสื้อ พวกเขาไม่พูดอะไรกันสักคำ แต่เธอก็ยังประพฤติตัวในฐานะภรรยาที่ดี

คุณแม่เซียวเห็นว่าทั้งคู่ยืนอยู่ที่หน้าประตูนานแล้ว เธอจึงเดินเข้าไปหา “ทำไมไม่ไปนั่งก่อนล่ะลูก ยืนอยู่ทำไม” คุณแม่เซียวส่งสายตาให้สวี่โยวจากด้านข้าง

สวี่โยวเข้าใจทันที “แม่คะ หนูไปดูที่ครัวก่อนนะคะ”

“จ้ะ ไปเถอะจ้ะ” ในขณะที่คุณแม่เซียวและเซียวโม่กำลังจะเดินไปที่ห้องนั่งเล่น คุณพ่อเซียวก็ลงมาจากชั้นบนพอดี “กลับมาแล้วเหรอ”

“ครับ วันนี้ผมกลับมาทานข้าวด้วย” เซียวโม่กลัวคุณพ่อเซียวมาตลอด คุณพ่อเซียวมักจะทำสีหน้าเคร่งขรึมเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา จึงทำให้ดูน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก

คุณพ่อเซียวเพียงพยักหน้า เมื่อคุณแม่เซียวเห็นว่าสองพ่อลูกไม่คุยกัน เธอก็รีบไกล่เกลี่ย “นี่คุณจะทำหน้าบึ้งทำไมล่ะคะ ลูกไม่ได้กลับมาบ่อยๆ นะ”

คุณพ่อเซียวไม่พูดและเอาแต่นั่งอยู่บนโซฟา เห็นอย่างนั้นเซียวโม่ก็ระมัดระวังตัวมากขึ้น บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าเมื่อเขายังเด็ก คุณพ่อเซียวเข้มงวดกับเขามาก ดังนั้นเซียวโม่จึงรู้สึกกลัวคุณพ่อเซียวอยู่ลึกๆ

เพียงไม่นานสวี่โยวก็ออกมาจากห้องครัว “คุณพ่อคะ คุณแม่คะ ทานข้าวได้แล้วค่ะ” ดูไปแล้วคุณพ่อเซียวยังดีกับสวี่โยวมากกว่าเสียอีก หนึ่ง เพราะตระกูลของสวี่โยวเหมาะสมกับตระกูลของพวกเขา เขาค่อนข้างพึงพอใจกับลูกสะใภ้คนนี้ สอง คุณพ่อเซียวไม่อาจเข้มงวดกับลูกสะใภ้ได้มากนัก

ทั้งสี่คนนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร สวี่โยวนั่งถัดจากเซียวโม่ เธอง่วนอยู่กับการคีบอาหารให้เขา เมื่อเธอเห็นว่าสีหน้าของเซียวโม่นั้นเบื่อหน่ายชัดเจน มือที่ถือตะเกียบอยู่ก็แข็งทื่อไปชั่วขณะ เมื่อคุณแม่เซียวเห็นอย่างนั้นก็รีบช่วยพูดว่า “โยวโยว ทานเยอะๆ ลูก อย่ามัวแต่ห่วงอาโม่”

สวี่โยวแค่ยิ้มบางๆ จากนั้นเธอก็ก้มหน้ารับประทานอาหารในส่วนของเธอ คุณแม่เซียวส่งซุปให้เซียวโม่ “อาโม่ ทานซุปนะลูก ร่างกายจะได้อบอุ่น”

เมื่อเห็นเซียวโม่รับไป คุณแม่เซียวก็แบ่งให้คุณพ่อเซียว สวี่โยว และตัวเองคนละหนึ่งถ้วย เซียวโม่ยกถ้วยขึ้น สวี่โยวมองตรงมาที่เขา ในขณะที่ถ้วยจรดริมฝีปากของเซียวโม่ เขาก็เห็นว่าสวี่โยวจ้องมองมาที่เขาอยู่ตลอด เขาจึงหยุดการเคลื่อนไหว “มีอะไรหรือเปล่า”

สวี่โยวเบนสายตาอย่างรวดเร็ว “ไม่มีอะไรค่ะ คุณทานซุปเถอะ” เธอรีบซดน้ำซุปใส่ปาก ปรากฏว่าซุปยังร้อนอยู่ มันก็เลยลวกปากเธอ

สวี่โยวรีบวางถ้วยซุปลงบนโต๊ะ “ซี้ด” คุณแม่เซียวรีบเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าเธอถูกลวก “เป็นอะไรมากไหมลูก ทำไมไม่ระวังเลยล่ะ ไม่เป็นไรใช่ไหม? แม่บ้านหลี่ รีบยกน้ำเย็นมาเร็ว”

เซียวโม่เองก็วางถ้วยซุปลงเหมือนกัน สีหน้าของสวี่โยวแสดงความผิดหวัง แต่เพราะกลัวว่าเซียวโม่จะเห็นเข้า เธอจึงรีบก้มหน้าลง กลัวว่าเขาจะผิดสังเกตเอาได้

แม่บ้านหลี่ยกน้ำเย็นออกมาให้อย่างรวดเร็ว “มาแล้วค่ะ มาแล้ว”

“รีบเอาไปให้คุณผู้หญิงเลย” แม่บ้านหลี่นำแก้วน้ำไปวางไว้ตรงหน้าสวี่โยว เมื่อสวี่โยวยกน้ำขึ้นดื่มอึกใหญ่ เธอก็รู้สึกดีขึ้น แต่ภายในปากก็ยังรู้สึกเจ็บอยู่

เมื่อเห็นว่าทุกคนมองมาที่เธอ สวี่โยวก็ยิ้ม “หนูไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ ทำเอาคุณพ่อคุณแม่เป็นห่วงแย่เลย”

เมื่อคุณแม่เซียวเห็นว่าสวี่โยวไม่เป็นอะไรแล้ว เธอก็มองไปที่ถ้วยซุปของเซียวโม่อีกครั้ง “อาโม่ รีบทานซุปซิลูก ระวังร้อนด้วยนะ”

แม้ว่าเซียวโม่จะสงสัยว่าทำไมวันนี้คุณแม่เซียวถึงเอาแต่บอกให้เขาทานซุปถ้วยนั้น แต่เขาก็หาต้นสายปลายเหตุไม่เจอ เขาไม่ได้คิดอะไรต่อและยกถ้วยซุปขึ้นอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าในที่สุดเซียวโม่ก็ทานซุปถ้วยนั้นจนหมด คุณแม่เซียวและสวี่โยวก็รู้สึกโล่งใจ

เมื่อกินข้าวกันเสร็จ คุณแม่เซียวก็เอ่ยถาม “อาโม่ วันนี้ลูกจะค้างที่บ้านใช่ไหม”

เซียวโม่ไม่สามารถคิดหาเหตุผลที่จะปฏิเสธออกมาได้ “ครับแม่ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวขึ้นไปข้างบนก่อนนะครับ” คุณพ่อเซียวนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น เซียวโม่ไม่อยากทำให้เขาขุ่นเคืองใจ เขาจึงขึ้นไปที่ชั้นสอง

คุณแม่เซียวเห็นว่าเซียวโม่ขึ้นไปข้างบนแล้ว เธอจึงรีบขยิบตาให้สวี่โยว สวี่โยวรีบพูดว่า “คุณพ่อคะ คุณแม่คะ หนูก็ขอตัวก่อนนะคะ”

คุณแม่เซียวคล้อยตามเสียงดัง “จ้ะ รีบขึ้นไปเถอะ อีกเดี๋ยวพ่อกับแม่ก็จะไปพักแล้วเหมือนกัน”

คุณพ่อเซียวเห็นว่าคุณแม่เซียวยิ้มกว้างประหนึ่งดอกไม้บาน เขาจึงเอ่ยปากถามในขณะที่สายตาดูโทรทัศน์ “ทำไมวันนี้คุณดูอารมณ์ดีผิดปกติ มีอะไรดีๆ หรือไง เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า”

เดิมทีคุณแม่เซียวก็อยากจะเล่าแผนการของเธอให้คุณพ่อเซียวฟัง แต่เมื่อคิดดูดีๆ แล้ว เขาต้องไม่เห็นด้วยแน่นอน ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจสงบปากสงบคำและหาหัวข้อพูดเสียใหม่ “ไม่นี่คะ ฉันก็แค่ดีใจที่ลูกกลับมาบ้าน ทำไมคะ คุณไม่ดีใจเหรอ”

คุณพ่อเซียวไม่พูดอะไร คุณแม่เซียวก็ขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจเขา ถ้าไม่ติดว่าเป็นเรื่องของผัวเมีย คุณแม่เซียวก็อยากจะไปแอบฟังที่หน้าห้องของพวกเขา เพื่อดูว่าแผนการจะได้ผลหรือไม่

สวี่โยวตามเซียวโม่เข้าไปในห้อง เซียวโม่ปลดเนกไทและนอนลงบนเตียง เมื่อเขาเห็นว่าสวี่โยวตามเข้ามา เขาก็หยัดตัวขึ้นและทำท่าจะเดินออกไปข้างนอก

สวี่โยวรีบกอดเขาจากด้านหลัง แขนทั้งสองข้างล็อกตัวเขาไว้แน่น กลัวว่าเซียวโม่จะออกจากห้องไป “เซียวโม่ ทำไมคุณถึงไม่ลองเปิดใจยอมรับฉันล่ะคะ”

เซียวโม่ไม่ได้ต้องการจะผลักเธอออก เขาพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ผมบังคับตัวเองไม่ได้ ขอโทษด้วย” ในใจเขารู้ดี และเขาก็อยากจะขอโทษสวี่โยว แต่เขาไม่สามารถลืมถังโจวโจวได้ เขาไม่เต็มใจ ไม่เต็มใจที่จะให้เรื่องราวระหว่างเขาและถังโจวโจวจบลงอย่างนี้

สวี่โยวรู้ว่าเขายังคงคิดถึงถังโจวโจวอยู่ เธอแทบจะเอ่ยปากขอร้อง “เซียวโม่ มีลูกกับฉันเถอะนะ ให้ฉันเถอะนะคะ แล้วฉันจะไม่สนใจอีกว่าคุณจะคิดถึงเธออยู่หรือเปล่า โอเคไหมคะ”

เซียวโม่หันกลับไปมอง เขาเห็นว่าบนใบหน้าของสวี่โยวมีหยาดน้ำตา พูดตามตรง สวี่โยวไม่ได้สวยน้อยไปกว่าถังโจวโจวเลย ชาติตระกูลของเธอก็ดี พูดได้ว่าพื้นเพของเธอดีกว่าถังโจวโจวมาก แต่ไม่รู้ทำไมเซียวโม่ถึงหาความดีงามของเธอไม่เจอเลย

ช่วงเวลาหลายปีที่อยู่ต่างประเทศด้วยกัน ไม่ว่าสวี่โยวจะพยายามใกล้ชิดเขามากขนาดไหน เซียวโม่ก็ได้แต่ทำสีหน้าเย็นชาใส่เธอ จนกระทั่งปฏิเสธเธออย่างรุนแรง แม้ว่าเขาจะไม่ถึงกับด่าประจาน แต่สวี่โยวที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีตั้งแต่เล็กจนโต การเพิกเฉยของเซียวโม่นั้นทำให้เธอเจ็บปวดเสียยิ่งกว่าการด่าทอเธอตรงๆ เสียอีก

เมื่อเซียวโม่เห็นท่าทางวิงวอนของสวี่โยว เขาก็อดสงสารไม่ได้ สวี่โยวเห็นเขาลังเล เธอรู้ว่าเธอไม่สามารถปล่อยให้โอกาสครั้งนี้หลุดลอยไปได้ เธอเขย่งขึ้นจูบไปที่ริมฝีปากของเซียวโม่

ปลายลิ้นของเธอพยายามสอดแทรกเข้าไปในปากของเซียวโม่ เซียวโม่ยืนตัวแข็งทื่อและปล่อยให้สวี่โยวเป็นผู้คุมการเคลื่อนไหว เขาสัมผัสได้ถึงความรีบร้อนของสวี่โยว แต่ในเวลานี้เขารู้สึกสับสน เขาควรจะผลักสวี่โยวออกสิ แต่มือของเขากลับไม่ขยับ

สวี่โยวเห็นว่าเซียวโม่ไม่ปฏิเสธเธอ เธอก็ใจชื้นมากขึ้น การเคลื่อนไหวบนริมฝีปากก็รีบเร่งมากขึ้น แต่เป็นเพราะเธอลนลาน เธอจึงยังไม่พบวิธีที่ถูกต้อง

ทันใดนั้นเซียวโม่ก็รู้สึกเหมือนว่ามีกองไฟสุมอยู่ที่ช่องท้องด้านล่าง มันแผดเผาเสียจนเขาแทบทนไม่ไหว เขารั้งเอวของสวี่โยวมากอดและก้มหน้าจูบตอบเธอ

สวี่โยวมีความสุขมาก เธอยอมปล่อยทั้งกายและใจ เซียวโม่ไม่รู้ว่าเขากำลังจูบอยู่กับใคร ในหัวของเขามีแต่ถังโจวโจวเพียงคนเดียว

ทั้งสองคนจูบกันไปจูบกันมา จากนั้นก็เอนตัวลงไปบนที่นอน เซียวโม่กดสวี่โยวลงกับเตียง พวกเขาทั้งคู่ต่างก็รีบเร่ง สวี่โยวเห็นว่าเซียวโม่รีบร้อนจนตาแดงก่ำแล้ว เธอจึงช่วยเขาด้วยการเปลื้องเสื้อผ้าของตัวเองไปด้วย “อาโม่ อือ อาโม่…”

เมื่อสวี่โยวเห็นเซียวโม่ปฏิบัติกับเธออย่างแรงกล้าเช่นนี้ เธอก็คิดเข้าข้างตัวเองว่าตอนนี้เธอเป็นผู้หญิงคนโปรดของเซียวโม่ ระหว่างพวกเขาไม่มีถังโจวโจวมาคั่นกลางอีกแล้ว

เซียวโม่จูบลงบนผิวของสวี่โยว สวี่โยวประคองกอดศีรษะเขา เธอรู้สึกว่าเธอกำลังจะหลอมละลายไปด้วยไฟรักของเซียวโม่ เซียวโม่รู้สึกแค่ว่าในร่างกายเขามันร้อนรุ่มมาก แทบจะเผาผลาญเสียจนเขาต้องได้รับการปลดปล่อยโดยด่วน ดูเหมือนว่าร่างกายของเขานั้นยากจะควบคุม และเมื่อทั้งสองรวมกันเป็นหนึ่ง เซียวโม่ก็พ่นลมหายใจออกมา

สวี่โยวรู้สึกอิ่มเอมมาก เมื่อเธอมองดูผู้ชายที่เธอรักบนร่างกายเธอ เธอก็รู้สึกว่าตอนนี้เธอเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในโลกใบนี้

สวี่โยวถูกเซียวโม่กลั่นแกล้งอีกหลายครั้งในคืนนี้ แต่เธอก็ไม่อิดออดเลยสักนิด เธอใช้แรงทั้งหมดที่มีตระกองกอดเซียวโม่ไว้แน่น บางครั้งเมื่อเธอทนไม่ได้ เธอก็ทิ้งร่องรอยไว้บนหลังของเซียวโม่

แสงแดดที่อยู่ด้านนอกส่องผ่านเข้ามาจนแยงตา เซียวโม่ยกมือขึ้นบังสายตา เขาเห็นว่าร่างกายท่อนบนของตัวเองเปลือยเปล่า เมื่อมองดูข้างๆ เขาก็เห็นสวี่โยวที่ดูเหนื่อยล้า กำลังนอนหลับสนิทอยู่ข้างๆ เขา

เขามีความสัมพันธ์กับเธออีกแล้ว เซียวโม่คิดย้อนกลับไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เขาพบว่าตัวเขาเองจำได้แค่ว่าสวี่โยวเป็นฝ่ายจูบเขาก่อน จากนั้นเขาก็จำได้แค่ว่าคนที่อยู่ใต้ร่างของเขาคือถังโจวโจว แต่ตอนนี้มาคิดดูอีกทีก็เหมือนว่ามันจะเป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น

จริงสิ ตอนนี้โจวโจวคงจะอยู่ข้างกายลั่วเซ่าเชิน ในขณะที่ข้างกายของเขาก็ควรจะเป็นสวี่โยวตามปกติ เขาคิดเพ้อเจ้อลมๆ แล้งๆ ว่าถังโจวโจวมาอยู่ข้างกายเขาได้อย่างไรกัน

สวี่โยวยังไม่ตื่นนอน เซียวโม่ก้มหยิบเสื้อผ้าที่หล่นกระจัดกระจายอยู่ตามพื้น หลังจากสวมเสื้อผ้าแล้ว เขาก็เดินเข้าไปในห้องน้ำ

สวี่โยวตื่นขึ้นมาเพราะเสียงน้ำ เมื่อเธอยื่นมือไปลูบที่นอนด้านข้าง เธอก็พบว่ามันยังอุ่นอยู่ แต่คนไม่อยู่แล้ว

เมื่อเธอลืมตาขึ้นมา เธอก็พบว่าเซียวโม่ไม่ได้อยู่บนเตียงแล้ว เธอได้ยินเสียงน้ำในห้องน้ำดังขึ้นอีกครั้ง สวี่โยวที่ไม่ทันได้เห็นกับตาว่าเซียวโม่นอนอยู่ข้างกายเธอก็รู้สึกผิดหวัง แต่เมื่อหวนคิดดูอีกที เธอไม่ควรขอร้องมากเกินไป เป็นแบบนี้ก็ดีมากแล้ว

เมื่อเซียวโม่เดินสวมชุดคลุมอาบน้ำออกมาจากห้องน้ำ เขาก็พบว่าสวี่โยวตื่นแล้ว เขาไม่สามารถเพิกเฉยต่อการมีตัวตนอยู่ของเธอได้อีก แต่เขาก็ไม่สามารถอ่อนโยนกับเธอได้เหมือนกัน เขาทำได้แค่นิ่งเงียบและไม่พูดอะไร

สวี่โยวเห็นเขาเดินออกไปข้างนอก เธอก็จะพยุงตัวลุกขึ้นตามไป แต่เธอคิดไม่ถึงว่าจะยันตัวไม่ขึ้น เธอเอนตัวกลับลงไปนอนดังเดิม ส่วนเซียวโม่ก็เดินออกไปไกลแล้ว

เมื่อสวี่โยวนึกถึงร่างกายที่อ่อนเปลี้ยเพลียแรงเพราะถูกเซียวโม่เอ็นดูรักใคร่ตลอดคืน หัวใจของเธอก็พองโตไปด้วยความพึงพอใจ เธอแตะที่หน้าท้องของเธอ คราวนี้เธอจะต้องตั้งท้องให้ได้!

คุณแม่เซียวตื่นแต่เช้าตรู่ เธอพะวักพะวงเรื่องของเซียวโม่และสวี่โยวทั้งคืน หลังจากที่เธอตื่นนอน เธอก็ไม่พบใครที่ห้องนั่งเล่น เธอถามแม่บ้านหลี่อีกครั้ง แล้วเธอก็ได้รู้ว่าเซียวโม่และสวี่โยวนั้นยังไม่ได้ลงมาเลย เธอเบิกบานใจอยู่ชั่วขณะ ดูเหมือนว่าเรื่องเมื่อคืนนี้จะประสบความสำเร็จแล้ว

เธอนั่งรออยู่ในห้องนั่งเล่น ดวงหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เธอมองไปที่บันไดเป็นครั้งคราวจนกระทั่งเซียวโม่ลงมา เธอมองดูอีกครั้งแล้วก็แอบพยักหน้าในใจ “อาโม่ โยวโยวล่ะลูก”

เมื่อเห็นว่าด้านหลังของเซียวโม่ไม่มีเงาของสวี่โยวตามมาด้วย คุณแม่เซียวก็เอ่ยถาม เซียวโม่นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับสวี่โยวทันทีและตอบกลับเพียงไม่กี่คำ “อยู่บนห้องครับ อีกสักพักน่าจะลงมา”

เมื่อคุณแม่เซียวเห็นท่าทางเย็นชาของเขา เธอก็อดสงสัยไม่ได้ว่า เมื่อคืนนี้ผัวเมียคู่นี้เขามีเวลาที่ไม่ดีกันหรือ สีหน้าของลูกชายเธอถึงดูไม่ดีนัก

คงไม่หรอกมั้ง ยานั่นใช้ไม่ได้ผลเหรอ? คุณแม่เซียวคิดไปต่างๆ นานา แต่เธอก็ไม่กล้าถามเซียวโม่ จึงได้อดกลั้นเอาไว้ และรอให้สวี่โยวลงมา

เมื่อเซียวโม่รับประทานมื้อเช้าเสร็จ เขาก็ออกไป แต่สวี่โยวก็ยังไม่ลงมา คุณแม่เซียวเริ่มเป็นกังวล สรุปแล้วมันสำเร็จไหมนี่?

เธอจำเป็นต้องขึ้นไปชั้นบน เมื่อแม่บ้านหลี่เห็นว่าคุณแม่เซียวยังไม่ได้กินข้าว เธอก็ถามจากด้านหลังว่า “คุณนายไม่รับข้าวเช้าหรือคะ”

“แม่บ้านหลี่ไปอุ่นไว้ก่อนแล้วกัน ฉันจะรอทานพร้อมกับคุณผู้หญิง”

คุณแม่เซียวเดินไปที่ห้องของเซียวโม่ ในขณะที่เธอกำลังจะเคาะประตู สวี่โยวก็เปิดประตูออกมา