บทที่ 307 คิดไม่ซื่อ

The king of War

“คุณหยางครับ ผมได้ดูคลิปนั้นแล้ว แต่ไม่รู้เลยว่าผู้หญิงที่อยู่ในคลิปนั้นเป็นแม่ยายของคุณนะครับ! และไม่รู้ด้วยว่าเรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับตระกูลเว่ยของผม!”

“สิ่งที่ผมพูดมานั้นจริงแท้ทุกอย่าง ถ้าผมกล้าผิดบังคุณแม้แต่คำเดียว ก็ขอให้ผมไม่ได้ตายดีแล้วกันครับ!”

เว่ยเฉิงโจวพูดออกมาด้วยความร้อนรน แม้แต่สรรพนามที่เรียกหยางเฉินยังเปลี่ยนเป็นคุณหยางเลย เห็นได้ชัดว่าหยางเฉินนั้นได้ทำให้ในใจของเขาเกิดความหวาดกลัวขึ้นอย่างมาก

ผู้แข็งแกร่งอายุน้อยคนหนึ่งที่สามารถสังหารหนิวกึงเซิงได้อย่างง่ายดาย ถ้าคิดจะทำลายตระกูลเว่ย มันก็เป็นเรื่องที่ง่ายแสนง่าย!

ในตอนนี้ ถึงแม้ลูกชายของตัวเองจะถูกหยางเฉินฆ่าตาย เขาก็ไม่กล้ามีความคิดที่จะโกรธแค้นเลยด้วยซ้ำ

การที่เขาสามารถนำพาตระกูลเว่ยมาจนถึงทุกวันนี้ เขาต้องไม่ใช่คนโง่แน่นอน

“นี่คุณไม่รู้จริงๆ ใช่มั้ย?” หยางเฉินถาม

“คุณหยาง ผมไม่รู้จริงๆ ครับ!” เว่ยเฉิงโจวร้อนรนจนแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว

หยางเฉินไม่ได้ว่าอะไร หลังผ่านไปหลายสิบวิ จู่ๆ เขาก็พูดออกมาว่า “ช่างเถอะ เรื่องในวันนี้ ผมก็จะไม่ทำให้คุณต้องลำบากใจ แต่ถ้าต้องการจบเรื่อง ก็ต้องไปจัดการที่ต้นตอ คนที่ชิงตัวแม่ยายผมไปก็คือเว่ยเสียง งั้นผมก็จะพาเว่ยเสียงไปแค่คนเดียว”

“ส่วนเรื่องความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเยี่ยนเฉินกรุ๊ปนั้น ผมคิดว่าลูกชายของคุณก็คงไม่มีปัญญาชดใช้อยู่แล้ว งั้นก็ให้ตระกูลเว่ยของคุณมารับผิดชอบแทนแล้วกัน!”

“นอกจากนี้ สำหรับการถ่ายทอดสดเมื่อเช้า ตระกูลเว่ยของคุณก็ต้องชี้แจงให้ชัดเจนด้วย!”

“ทุกอย่างที่ผมพูดมา ไม่มีปัญหาใช่มั้ย?”

สีหน้าของเว่ยเฉิงโจวนั้นดูแย่มาก จนตอนนี้ เขาถึงได้เข้าใจอะไรบางอย่าง

“คุณไม่เห็นด้วยสินะ?”

เมื่อเว่ยเฉิงโจวไม่พูดอะไร หยางเฉินจึงได้ถามออกไป

“ไม่ ไม่ครับ!”

เว่ยเฉิงโจวรีบส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว แล้วพูดด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมว่า “ที่คุณบอกว่าจะให้ชดใช้ กับเรื่องที่ชี้แจงข้อเท็จจริง อันนี้ไม่มีปัญหา แต่ที่บอกว่าจะเอาตัวเว่ยเสียงไปนั้น เกรงว่าจะไม่ได้ครับ!”

“ดูท่า พูดดีๆ แล้วคุณจะไม่ชอบสินะ ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นตระกูลเว่ย ก็ไม่จำเป็นต้องมีอยู่ต่ออีกไปแล้ว!” จู่ๆ หยางเฉินก็พูดออกมา

เขาไม่ใช่คนที่ไม่มีเหตุผล ตอนที่ได้รู้ว่าเว่ยเฉิงโจวนั้นไม่ได้รู้เรื่องที่เว่ยเสียงชิงตัวโจวยู่ชุ่ยไปนั้น เขาก็ตั้งใจจะลงโทษเว่ยเสียงแค่คนเดียว

แต่มาตอนนี้ เว่ยเฉิงโจวกลับไม่ยอมส่งคนให้เขา

“คุณหยางครับ คุณอย่าเพิ่งเข้าใจผิด ไม่ใช่ว่าผมไม่ยอมส่งตัวเว่ยเสียงให้คุณ แต่เป็นเพราะว่า เขาได้ตายไปแล้วครับ!”

ตอนที่เว่ยเฉิงโจวพูดอธิบาย แววตาของเขาก็ทั้งโกรธทั้งปวดร้าว

ก่อนหน้านี้ หลังจากที่เขาได้รู้ว่าหยางเฉินได้ฆ่าเว่ยเสียงไปแล้ว เขาก็ไม่ได้สงสัยอะไรเลย เพราะคนที่มารายงานเรื่องนี้ให้กับเขา ก็คือคนไว้ใจที่เขาส่งไปอยู่กับเว่ยเสียง

แต่มาตอนนี้ หยางเฉินกลับมาทวงถามเว่ยเสียงกับเขา งั้นก็แสดงว่า คนที่สังหารเว่ยเสียงนั้น คือใครอีกคน

เขาไม่ได้สงสัยเลยว่าหยางเฉินจะโกหกเขารึเปล่า หยางเฉินนั้นเป็นถึงคนที่กล้าฆ่าแม้กระทั่งผู้นำสาขาของสมาคมบูโด แล้วจะมาสนใจความเป็นความตายของเว่ยเสียงได้ยังไง?

หยางเฉินเองก็รู้สึกงงเหมือนกัน “ตายแล้ว?”

เขานั้นเขาไปหาเว่ยเสียงมาแล้ว และได้ลงมือไปด้วย แต่พอรู้ว่าโจวยู่ชุ่ยถูกคนของเมิ่งฮุยเอาตัวไป เขาก็รีบจากไปทันที

ตอนนี้ เว่ยเสียงกลับตายไปแล้ว

ไม่นาน หยางเฉินก็เข้าใจทุกอย่าง หรี่ตาแล้วมองไปที่เว่ยเฉิงโจว “ดูแล้ว ภายในตระกูลเว่ย จะไม่สงบสุขเลยสินะ!”

เขาไม่เพียงรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แถมยังพอรู้คร่าวๆ ว่าใครเป็นคนสังหารเว่ยเสียงแล้วด้วย

เว่ยเฉิงโจวสีหน้าแดงก่ำ และกัดฟันพูดว่า “คุณหยางไม่ต้องเป็นห่วง เรื่องนี้ ผมจะจัดการให้คุณเองครับ!”

พูดจบ เขาก็ตะโกนออกมาว่า “เด็กๆ!”

ทันใดนั้น ก็มีบอดี้การ์ดเดินเข้ามาสองคน พอพวกเขาเห็นศพที่นอนอยู่ข้างๆ สีหน้าของทั้งคู่ก็เปลี่ยนไปทันที

นั่นเป็นถึงหนิวกึงเซิงเลยนะ หนึ่งในผู้นำสาขาของสมาคมบูโด ฝีมือกับตำแหน่งนั้นสูงล่งมาก ตอนนี้กลับมาตายไปซะแล้ว?

“จัดการกับศพที่อยู่ตรงนี้ซะ ห้ามบอกเรื่องนี้กับใครเด็ดขาด อีกอย่าง……”

เว่ยเฉิงโจวหันมองหยางเฉินแวบหนึ่ง แล้วค่อยพูดต่อว่า “เรียกเว่ยเชิน มาหาฉันหน่อย!”

“ครับ เจ้าบ้าน!”

บอดี้การ์ดทั้งสองไม่กล้าขัดข้องแม้แต่นิดเดียว ลากศพของหนิวกึงเซิงออกไปทางประตูหลังทันที

เว่ยเฉิงโจวมองไปที่หยางเฉิน แล้วถามไปว่า “คุณหยางครับ ไม่รู้ว่าการที่ผมทำแบบนี้ คุณจะพอใจรึเปล่า?”

หยางเฉินหรี่ตาทั้งสองข้างลงเล็กน้อย “เจ้าบ้านเว่ย คำพูดนี่หมายความว่ายังไงครับ?”

“วันนี้ คุณหนิวนั้นมาคุยธุระที่บ้านตระกูลเว่ยของผม หลังจากที่กลับไป เขาหายสาบสูญไปเลย!”

เว่ยเฉิงโจวยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แล้วพูดต่อว่า “ส่วนคุณหยางนั้น ก็ไม่เคยมาที่นี่เลย!”

พอเห็นท่าทางที่เจ้าเล่ห์ของเว่ยเฉิงโจว หยางเฉินก็แอบตกใจนิดหน่อย ตาแก่นี่ กล้าคิดไม่ซื่อกับตระกูลเมิ่งและสมาคมบูโด ไม่ธรรมดาซะแล้ว

เว่ยเฉิงโจวนั้นเจ้าเล่ห์มาก เขารู้ดีว่าหยางเฉินนั้นไม่อยากมีปัญหากับสมาคมบูโด จึงได้สั่งให้ลูกน้องของตัวเองเอาศพไปอำพรางต่อหน้าหยางเฉิน ไม่เพียงแค่กำลังช่วยตระกูลเว่ยเท่านั้น แต่มันยังได้ช่วยหยางเฉินไว้ด้วย

ในตอนนั้นเอง ก็มีเงาร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว “เจ้าบ้าน เว่ยเชิน หายตัวไปแล้วครับ!”

“หายตัวไปอย่างนั้นเหรอ?”

เว่ยเฉิงโจวทำหน้าตกใจ แล้วพูดด้วยความโมโหว่า “ส่งคนทั้งหมดของตระกูลเว่ยออกไป แล้วตามหาให้เจอ!”

ตอนนี้ เว่ยเฉิงโจวนั้นได้โกรธมากแล้วจริงๆ การที่เว่ยเชิยชนหนีไปนั้น ก็เป็นการบ่งบอกว่าเขานั้นกำลังละอายใจอยู่

จนถึงตอนนี้ เขาถึงได้เข้าใจว่า ก่อนหน้านี้ตอนได้รับข่าวที่เว่ยเสียงถูกฆ่านั้น ทำไมเว่ยเชินถึงได้เอาแต่เสนอให้ไปขอความช่วยเหลือจากสมาคมบูโดอยู่ได้

มันก็เพราะว่า เขารู้จักความแข็งแกร่งของหยางเฉินดี มีแต่การเชิญผู้แข็งแกร่งของสมาคมบูโดมาจัดการฆ่าหยางเฉินทิ้งซะ จึงจะสามารถกลบเกลื่อนเรื่องที่เขาทำได้

สีหน้าของหยางเฉินค่อยๆ เคร่งขรึมลงไป ครั้งแรกที่ได้เจอเว่ยเฉิงโจวตอนอยู่ที่หวงเหอเบธ เขาก็รู้สึกว่าคนคนนี้ไม่ธรรมดาแล้ว ไม่นึกเลยว่าแม้แต่เขาก็ยังกล้าวางแผนคิดร้ายด้วย

“คุณหยางครับ คุณสบายใจได้เลย เมื่อกี้เว่ยเชินยังอยู่ในบ้านตระกูลเว่ย เขายังหนีไปได้ไม่ไกลแน่นอนครับ!”

เว่ยเฉิงโจวกลัวว่าหยางเฉินจะเอาเรื่องที่เว่ยเชินหนีไปมาลงที่ตระกูลเว่ย เขาจึงรีบพูดไปด้วยความหวาดกลัว

หย่างเฉินมองเขาอย่างเรียบเฉยทีหนึ่ง “ผมจะให้เวลาคุณแค่ยี่สิบนาที ถ้ายังหาเขาไม่เจอ ก็อย่าหาว่าผมไม่เกรงใจแล้วกัน!”

เมื่อกี้ตอนอยู่ข้างนอกหยางเฉินยังเจอเว่ยเชินอยู่เลย ตอนนี้ก็ผ่านไปประมาณสิบนาที การให้เวลาเว่ยเชินยี่สิบนาทีไปตามหาเขา มันจึงไม่ใช่เรื่องที่กลั่นแกล้งอะไรเลย

“ครับ ภายในยี่สิบนาที ผมจะมีคำตอบให้คุณแน่นอนครับ!” เว่ยเฉิงโจวพูดพร้อมกัดฟันแน่น

ตอนนี้ ในใจของเว่ยเฉิงโจวก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธเกรี้ยวเหมือนกัน

เขามีลูกชายสามคน และรู้เรื่องการแก่งแย่งชิงดีของพวกเขาดี แต่เขาก็ไม่เคยออกหน้ามาห้ามปรามเลย มันก็เพื่อให้พวกเขาเก่งขึ้นจากการแก่งแย่งชิงดีนี่แหละ แต่ก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ในวันหนึ่ง การแก่งแย่งของพวกเขาจะกลายเป็นการเข่นฆ่ากันไปซะได้

ถึงเขาจะยังหาตัวเว่ยเชินไม่เจอ แต่อย่างน้อยๆ ก็สามารถยืนยันได้แล้วว่า การตายของเว่ยเสียงนั้น เป็นฝีมือของเว่ยเชินแน่นอน

เวลาได้ล่วงเลยไปทีละนิด เว่ยเฉิงโจวก็เหมือนมดที่อยู่ในกระทะร้อน เดินวนอยู่ในห้องไม่ยอมหยุด และยังก้มดูเวลาเป็นพักๆ

ห้านาที!

สิบนาที!

สิบห้านาที!

พริบตาเดียว ก็ผ่านไปสิบห้านาทีแล้ว แต่ก็ยังหาตัวเว่ยเชินไม่เจออยู่ดี

เว่ยเฉิงโจวหันมองหยางเฉินอย่างกล้าๆ กลัวๆ เห็นเขากำลังนั่งอยู่บนโซฟาด้วยสีหน้าที่นิ่งเฉย ราวกับไม่ได้ร้อนใจเลยสักนิด

พอเห็นเวลายี่สิบนาทีใกล้จะถึงแล้ว ในที่สุดก็มีข้อมูลรายงานเข้ามา

บอดี้การ์ดของเว่ยเฉิงโจวได้วิ่งเข้ามา แล้วรายงานมาว่า “เจ้าบ้าน หาตัวเว่ยเชินพบแล้วครับ แต่เขาจับตัวประกันไว้ และบอกว่าจะให้คุณหยางไปหาครับ”

“นี่มันบ้าไปแล้วรึไง คุณหยางนั้นเป็นใคร มันคิดว่าอยากเจอก็จะได้เจอรึไง?”

เว่ยเฉิงโจวแอบโล่งอกอยู่ในใจ และรีบตะคอกออกไป

หยางเฉินค่อยๆ ลุกขึ้น “ในเมื่อเขาต้องการเจอผม งั้นไปเจอเขาหน่อยก็ได้!”

ไม่นาน ภายใต้การนำทางของบอดี้การ์ด พวกเขาก็มาถึงวิลล่าที่เป็นบ้านเดี่ยวหลังหนึ่ง

ส่วนเว่ยเชินนั้น ตอนนี้กำลังเอามีดจ่อไปที่คอของผู้หญิงคนหนึ่ง

ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น หากแต่เป็นโจวยู่ชุ่ยนั่นเอง

ตอนนี้ เธอกำลังทำหน้าไม่ถูกจากความร้อนรน พอเห็นหน้าหยางเฉิน เธอก็ร้องไห้แล้วตะโกนออกมาว่า “หยางเฉินช่วยฉันด้วย!