บทที่ 226 ทางเลือกสองอย่าง

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

“หนิงหยวน เกรงว่าครึ่งชีวิตที่เหลือของนายคงต้องไปอยู่ในคุกแล้วล่ะ”

นัยน์ตาทมิฬลึกล้ำของเย่เทียนหรี่ลง และจ้องหนิงหยวนเขม็งด้วยสายตาคมกริบประหนึ่งเหยี่ยว

หนิงหยวนไม่กล้าสบตาเย่เทียน เขารู้สึกลนลานราวกับว่าดวงตาของเย่เทียนสามารถมองเห็นหัวใจของเขาได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ไม่อาจซ่อนความลับอะไรไว้ได้เลย

การชกมวยใต้ดินจะเป็นเรื่องใหญ่หรือเรื่องเล็กก็ได้ แต่หนิงหยวนคร่าชีวิตคนไปหลายคน ถ้านับคนที่พิการด้วย อย่างต่ำสุดก็ต้องติดคุกตลอดชีวิต!

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หนิงหยวนรีบร้องขอความเมตตา

“ท่านอาวุโส ผมถูกบังคับด้วยเงื่อนไขชีวิต นี่ผมก็ไม่ได้ต่อยมวยใต้ดินมาหลายปีแล้ว คุณให้โอกาสผมอีกครั้งนะครับ ผมสัญญาว่าจะเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่!”

ในขณะที่พูด เขาถึงขั้นยกนิ้วขึ้นมาสามนิ้วด้วยท่าสาบานประหนึ่งต้องการแสดงความตั้งใจ

แต่เย่เทียนหัวเราะ และหัวเราะอย่างเยือกเย็นด้วย

“ความผิดนั้นแก้ไขได้ก็จริง แต่คนที่ตายไปแล้วไม่สามารถฟื้นคืนชีพ!”

หนิงหยวนมีเหงื่อเย็นไหลลงจากหน้าผาก สีหน้าซีดเผือดราวกระดาษ และพูดเสียงสั่น “ท่าน ท่านอาวุโส ผม ผม……”

“เลิกผมผมได้แล้ว ถ้าฉันให้โอกาสนาย ใครให้โอกาสคนเหล่านั้นที่โดนนายทำร้ายจนตายอยู่บนเวทีมวยบ้าง?”

เย่เทียนส่ายหัวเล็กน้อย และพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ น้ำเสียงที่ราวกับแค่ถามว่าคุณทานข้าวหรือยัง

สีหน้าหนิงหยวนย่ำแย่สุดๆ เมื่อเห็นว่าเย่เทียนไม่ยอมให้ทางรอดกับเขาก็ตวาดขึ้นมาทันที

“ไอ้เวรตะไลแม่งเอ๊ย ต่อให้ฉันกลายเป็นผีก็ไม่ยอมปล่อยแกไปหรอก!”

“ฉันเกลียดที่สุดคือคนอื่นด่าแม่ฉัน ทีแรกฉันยังนึกสงสาร แต่ตอนนี้แกจะโทษฉันไม่ได้แล้วนะ!”

สีหน้าเย่เทียนเย็นชาลงอย่างสิ้นเชิง ยกขาขวาขึ้นสูง และกระทืบขาอ่อนของหนิงหยวนอย่างแรก

แคร่ก!

เสียงกระดูกแตกเพียงเบาๆทว่าบัดนี้กลับดังกึกก้อง หนิงหยวนส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด ขาอ่อนข้างขวาเปลี่ยนรูปอย่างพิลึก ชีวิตนี้คงต้องกลายเป็นคนขาเป๋ซะแล้ว

ไม่เพียงแค่นั้น เมื่อขาของเย่เทียนกระทืบลงไป ชี่ทิพย์ในกายเขาทะลักสู่ตัวหนิงหยวนอย่างดุดัน ไหลตามชีพจรที่ขาเข้าไปยังตันเถียน ทลายกำลังภายในที่หนิงหยวนฝึกฝนสั่งสมมาหลายปี

นี่ถ้าเป็นนักบู๊คนอื่นจะล้มหนิงหยวนคงไม่ง่าย

แต่เย่เทียนแตกต่างออกไป แม้ว่าเขาจะอยู่แค่ระดับฝึกพลังชั้นห้า แต่ก็ยังเป็นการมีอยู่ที่ไร้ซึ่งศัตรูแม้ในระดับดำ บวกกับความต่างชั้นระหว่างชี่ทิพย์และกำลังภายในของทั้งสอง จะล้มนักบู๊ระดับเหลืองนั้นสบายมาก!

“ทำไม ทำไมกำลังภายในของฉันถึงหายไป”

หนิงหยวนรู้สึกถึงความผิดปกติในตันเถียนได้ทันที เขายืนนิ่งอยู่ตรงนั้นเหมือนเอ๋อไปแล้ว

สูญเสียกำลังภายในเท่ากับว่าเขาสูญเสียฐานะอันสูงส่ง กลายเป็นคนธรรมดาไปโดยสิ้นเชิง ทรมานยิ่งกว่าฆ่าเขาเสียอีก

แต่ไม่นานนักเขาก็ตั้งสติได้ และเดาได้ทันทีว่าเย่เทียนเป็นคนเล่นตุกติก

“ไอ้สารเลว! แกทำอะไรกับฉัน ทำไมกำลังภายในของฉันถึงหายไป!”

“หุบปาก!”

เชิ่งหู่เดินเข้ามาอย่างไม่ยอมให้ใครขวาง ยกมือขึ้นและตบลงไปแรงๆหนึ่งฉาด

เพียะ!

เสียงตบดังกังวาน ด้วยการตบอันรุนแรงของเชิ่งหู่ หนิงหยวนที่กลายเป็นคนธรรมดาแล้วโดนเข้าที่หัว ทั้งเลือดและฟันที่หักพุ่งออกจากปากอย่างน่าหวาดหวั่น!

หลิวชิงไม่แม้แต่จะมองสี่นักรบผู้ยิ่งใหญ่ที่ได้เลื่อนขั้น เขาขยับแว่นตาและสั่งด้วยเสียงเย็นชา

“มัวยืนนิ่งอะไรอยู่ ยังไม่รีบลากออกไปอีก ปล่อยให้อยู่ที่นี่เดี๋ยวจะเปื้อนสายตาของคุณชายเย่เอา!”

ลูกน้องแก๊งไผ่เขียวสามสี่คนเดินเข้ามาประกบทั้งซ้ายและขวาของหนิงหยวนและลากเขาออกไปนอกประตู

“เย่เทียน! แกไม่ตายดีแน่ ฉันขอสาปแช่งให้ลูกชายแกไม่มี…..อ๊าก….”

หนิงหยวนที่กำลังภายในหายไปคลุ้มคลั่งจนลืมความเจ็บปวดที่ขาขวา และสาปแช่งเย่เทียนอย่างร้ายกาจ

โชคดีที่สถานการณ์นี้ต่อเนื่องได้ไม่นาน ในขณะที่ลูกน้องสามสี่คนนั้นลากหนิงหยวนจนหายลับไปก็มีเสียงเตะต่อยทุ้มๆดังมา และมีเสียงโหยหวนของหนิงหยวนดังคลอมาด้วย

จี้เยียนหรันเห็นทุกอย่าง เธออดมองเย่เทียนอย่างมีความหมายไม่ได้

เธอคิดไม่ถึงว่าเย่เทียนจะเป็นคนเด็ดเดี่ยวขนาดนี้ แต่เธอกลับไม่ได้โกรธ เพียงแต่มีความรู้สึกสะใจเท่านั้น

ขยะสังคมอย่างหนิงหยวนมีชีวิตไปก็เปลืองข้าว! เปลืองอากาศ!

เมื่อเด็กสาวหันมองเย่เทียนอีกครั้ง หัวใจของเธอก็มีหลากหลายความรู้สึกอย่างไม่ต้องสงสัย

พอนึกถึงการกระทำของเย่เทียนในช่วงเวลาหลายปีมานี้ และนึกถึงที่ตัวเองพยายามชวนเย่เทียนเข้าร่วมกับทางตำรวจ จี้เยียนหรันรู้สึกว่าน่าขำนัก

ด้วยความสามารถของเย่เทียน ต่อให้ไม่เข้าร่วมกับทางตำรวจก็ยังสามารถทำในสิ่งที่คนจำนวนมากทำไม่ได้?

อย่างเรื่องของหนิงหยวน จี้เยียนหรันในตอนนั้นไม่รู้เลยเหรอว่าเขาต่อยมวยใต้ดิน? ไม่รู้เลยเหรอว่าเขาฆ่าคนตาย?

แต่เธอทำอะไรไม่ได้เลย ต่อให้ในใจจะปรารถนาขนาดไหน แต่จะจับใครก็ต้องดูหลักฐาน

แต่ตอนนี้ล่ะ เย่เทียนจับหนิงหยวนด้วยวิธีนี้ถือว่ามีคุณธรรมหรือเปล่า?

“หรือว่าบนโลกนี้ยังมีวิธีอื่นที่จะลงโทษคนชั่วอีก”

จี้เยียนหรันที่ตั้งมั่นในความยุติธรรมมาตลอดก็สั่นคลอนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนแล้วในตอนนี้

เชิ่งหู่เดินมาอยู่ข้างๆเย่เทียนและขอคำสั่ง “คุณชายเย่ครับ จะเอายังไงกับพวกเขาสองคนดีครับ”

ในขณะที่พูด ชายกำยำชี้ไปที่หลงเจี้ยนหัวและจูยิ่วฟานสองคนที่ยังฝืนยืนอยู่ในสนาม

หนึ่งในพวกเขาเป็นพี่ใหญ่ของแก๊งมังกร อีกคนเป็นอำมาตย์ของเซิ่งเหอเซิ่ง ดูจากชะตากรรมของหนิงหยวนแล้ว พวกเขารู้ดีว่าเย่เทียนไม่ปล่อยตัวเองไปง่ายๆแน่ ถึงยังยืนอยู่อย่างถือว่ามีศักดิ์ศรี

น่าเสียดายที่ดูจากขาอันสั่นเทาของทั้งสองแล้ว เห็นได้ชัดว่าภายในพวกเขาไม่แข็งแกร่งเท่าภายนอก

เย่เทียนกวาดสายตามองทั้งสองคนเรียบๆ และพูดด้วยท่าทีนิ่งๆ “ลากออกไป!”

“เย่เทียน คุณ….”

จี้เยียนหรันขมวดคิ้วเป็นปม คิดจะห้าม

“ผมจะให้คำอธิบายกับคุณ”

เพียงแต่ไม่รอให้จี้เยียนหรันพูดจบ เย่เทียนก็ยิ้มขัดขึ้นมาและโบกมือให้เชิ่งหู่

จี้เยียนหรันได้ยินดังนั้นก็เงียบลง

ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอจะออกตัวห้ามโดยไม่ลังเลเลยสักนิด แต่ตอนนี้เธอกำลังสับสนกับวิถีในการลงโทษคนชั่ว จึงอดลังเลไม่ได้

เชิ่งหู่ที่ได้รับคำสั่งพยักหน้า โบกมือลงไปและสั่ง “ไม่ได้ยินที่คุณชายเย่พูดเหรอ ลากออกไป!”

ลูกน้องสามสี่คนของแก๊งเสือดำรีบวิ่งเข้าไป ฉุดกระชากลากถูจูยิ่วฟานและหลงเจี้ยนหัวออกไป ไม่นานนักก็มีเสียงโหยหวนดังเข้ามา

เสียงโหยหวนไม่มีที่สิ้นสุดของพี่ใหญ่ทั้งสามเป็นที่ผวาของลูกน้องเซิ่งเหอเซิ่งและแก๊งมังกรในที่นี้อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ละคนกลัวถึงขีดสุด นั่งยองๆกับพื้นด้วยตัวสั่นเทา กลัวว่าจะถูกมองเห็น

เมื่อในห้องโถงเหลือเพียงพวกลิ่วล้อแล้วเชิ่งหู่ถึงวางท่าพี่ใหญ่ เขายืนบนเก้าอี้และมองไปรอบๆด้วยท่าทางองอาจ

“ทุกคนน่าจะรู้นะว่าฉันเชิ่งหู่คลานขึ้นมาจากระดับล่างสุดเหมือนกับพวกนาย ฉันไม่ทำให้พวกนายต้องลำบากหรอก”

“ตอนนี้ฉันให้ทางเลือกพวกนายสองอย่าง หนึ่งคือเข้าร่วมพวกเรา ไม่อย่างนั้นก็ออกจากยุทธภพไปซะ แล้วกลับตัวกลับใจเป็นคนดี!”