“ตอนนี้ฉันให้ทางเลือกพวกนายสองอย่าง หนึ่งคือเข้าร่วมพวกเรา ไม่อย่างนั้นก็ออกจากยุทธภพไปซะ แล้วกลับตัวกลับใจเป็นคนดี!”

กับทางเลือกที่เชิ่งหู่ให้มา สมาชิกแก๊งมังกรไม่ลีลาและไม่มีทีท่าว่าต้องพิจารณาเลยสักนิด

“พี่ใหญ่หู่ ผมยินดีเข้าร่วมกับพวกพี่ครับ!”

“ได้ติดตามพี่ใหญ่หู่ ได้ทำงานใต้บัญชาพี่ใหญ่หลิวเป็นเกียรติของพวกเราครับ”

“ผมก็ยินดีเข้าร่วมครับ…..”

ชั่วขณะนั้น สมาชิกแก๊งมังกรเลือกที่จะเข้าร่วมแทบทั้งหมด สมาชิกเซิ่งเหอเซิ่งกลับลังเลไม่กล้าตัดสินใจ

เชิ่งหู่ไม่แปลกใจกับผลลัพธ์เช่นนี้เลยสักนิด

ถึงยังไงฐานทัพใหญ่ของเซิ่งเหอเซิ่งก็อยู่ที่เมืองเอก พวกเขาเลือกไม่ได้ก็ไม่แปลก

แต่แก๊งมังกรไม่เหมือนกัน เมื่อเจอกับการรุมโจมตีจากแก๊งไผ่เขียวและแก๊งเสือดำ แก๊งมังกรจะรอดได้อย่างไร

ไม่มีใครโง่หรอก แม้แต่สมาชิกแก๊งมังกรเองยังไม่คาดหวังกับแก๊งมังกร

ดูมาถึงนี่ เย่เทียนไม่ใส่ใจนัก เขายักไหล่และเตรียมไปจากที่นี่

จี้เยียนหรันสังเกตเห็นท่าทีของเย่เทียนจึงรีบตามขึ้นไป “คุณจะไปไหน”

“เรื่องจบแล้วผมจะอยู่ที่นี่ต่อทำไม ก็ต้องกลับไปอาบน้ำนอนสิ”

เย่เทียนพูดในขณะเดียวกับที่ก้าวขาออกไปข้างนอกด้วยรอยยิ้ม “เหนื่อยมาตั้งนาน ผมเหนื่อยจะตายชักอยู่แล้ว”

จี้เยียนหรันได้ฟังดังนั้นก็ไม่ได้อยู่ที่นี่นาน แต่เดินออกมาข้างนอกพร้อมกับเย่เทียน

แต่พวกเขาเพิ่งเดินมาถึงหน้าประตูใหญ่ของจวี่เค่อโหลว จี้เยียนหรันก็ตาเบิกกว้างและมองร่างสามร่างที่นอนอจมกองเลือดด้วยสีหน้าประหลาด

พวกเขาคือหนิงหยวน หลงเจี้ยนหัว และจูยิ่วฟานสามคนที่โดนลากออกมาก่อน

“ทำ ทำไมพวกเขายังไม่ตาย”

เมื่อเห็นทั้งสามคนที่โอดโอยเสียงแผ่ว จี้เยียนหรันก็หันไปมองเย่เทียนด้วยสายตาตั้งคำถาม

เย่เทียนยิ้มเผยฟันขาวและพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ถามจริง ในสายตาคุณผมเป็นฆาตกรใจเหี้ยมหรือไง”

“อีกอย่าง ปล่อยให้พวกเขาตายง่ายๆแบบนี้ก็สบายพวกเขาเกินไปน่ะสิ ตีให้พวกเขาขาพิการหนึ่งข้างแล้วใช้ชีวิตที่เหลือด้วยการสำนึกเสียใจใคุกถึงจะเป็นการลงโทษที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขา”

ขณะที่พูด เย่เทียนก็ควักซองจดหมายปิดผนึกสามซองจากกระเป๋าและยื่นให้จี้เยียนหรัน

“นี่อะไร?”

จี้เยียนหรันรับซองจดหมายมาด้วยความสงสัย

“นี่คือหลักฐานยืนยันความผิดที่พวกเขาสามคนก่อไว้ ต่อให้พวกเขามีคนใหญ่ค้ำฟ้าสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง พวกนี้ก็เพียงพอจะส่งพวกเขาเข้าคุกแล้ว”

เย่เทียนพูดประโยคที่ทำให้จี้เยียนหรันตะลึงด้วยท่าทีสบายๆ

จี้เยียนหรันรีบแกะซองจดหมายทีละซองออก และเห็นว่าข้างในเป็นหลักฐานเอาผิดของทั้งสามคนจริงๆ เธออึ้งจนคางแทบลงไปอยู่ที่พื้น

ไม่ว่าจะเป็นหลงเจี้ยนหัวหรือหนิงหยวน แม้กระทั่งจูยิ่วฟานก็เป็นคนที่ชื่อเสียงเลื่องลือในตลาดใต้ดินของเมืองเจียงหวย ช่วยไม่ได้ที่ทางตำรวจไม่มีหลักฐาน ต่อให้จับพวกเขาไปก็ต้องยอมปล่อยอย่างรวดเร็ว

เด็กสาวไม่คิดไม่ฝันว่าหลักฐานที่ตำรวจกลุ้มใจมาหลายปีจะมาอยู่ในมือตัวเองอย่างง่ายดาย

แมวมีเส้นทางของแมว หนูมีถนนของหนู

เรื่องที่ตำรวจทำไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าคนที่อยู่ในตลาดใต้ดินเหมือนกันทำไม่ได้

หลิวชิงสมกับเป็นพี่ใหญ่ของแถบหนึ่ง เล่ห์เหลี่ยมมากจนวางหมากในแก๊งมังกรแต่แรก มองการณ์ไกลกระทั่งเพ่งเล็งเมืองเอกไว้ และมีหลักฐานเด็ดๆในมือไม่น้อย รอเพียงโอกาสดีๆที่จะได้รุกฆาต

แน่นอนว่านี่ก็เป็นวิธีการปกป้องตัวเองในนาทีสุดท้ายของหลิวชิง

“เป็นยังไง? ดีใจมากเลยใช่มั้ย?”

เมื่อเห็นเด็กสาวที่อึ้งสุดๆเย่เทียนก็เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มกว้าง “ครั้งนี้ผมช่วยคุณไว้มากขนาดนี้ คุณต้องให้รางวัลผมหน่อยมั้ย”

ในขณะที่พูด นัยน์ตาดำขลับของเย่เทียนจ้องจี้เยียนหรันแน่วแน่

“รางวัล? คุณต้องการรางวัลอะไร?”

เมื่อสังเกตเห็นสายตาไม่หวังดีของเย่เทียน จี้เยียนหรันก็ระแวงขึ้นมา เธอห่อตัวตามสัญชาตญาณเพื่อให้หุ่นเด็ดดวงของตัวเองไม่ดูโดดเด่นขนาดนั้น

“คุณประหม่าขนาดนั้นไปทำไมกัน?”

เย่เทียนหัวเราะและยื่นหัวออกไปด้วยสีหน้าแป้นแล้น “ผมแค่อยากให้คุณจูบผมหนึ่งทีก็เท่านั้น”

จี้เยียนหรันได้ยินก็หน้าแดงขึ้นมา เธอแกล้งทำเป็นถลึงตามองเย่เทียนโกรธเพื่อปกปิดความลนลานในใจ

“คุณเลิกคิดได้เลย!”

“โห คุณคงไม่ขี้งกขนาดนั้นหรอกใช่มั้ย”

“ผมหาหลักฐานเอาผิดของอาชญากรร้ายแรงมาได้ทีเดียวสามคนเลยนะ คุณได้เลื่อนตำแหน่งแน่นอน ตอนนี้ให้คุณจูบผมแค่ทีเดียวคุณก็ไม่ยอมเหรอ”

เย่เทียนทำหน้าน้อยใจอย่างเกินจริง

จี้เยียนหรันฟังแล้วกลับหลุดขำอย่างอดไม่ได้ เดิมทีเธอก็เป็นตำรวจหญิงที่เปรียบดั่งดอกไม้สุดสวยแสนเย็นชาอยู่แล้ว พอได้เบ่งบานก็ยิ่งทำให้รู้สึกตะลึงงัน

“ดูสภาพของคุณสิ ฉันไม่มีทางจูบคุณหรอก แต่…..”

“หลังจากฉันกลับไปที่สถานีตำรวจแล้วจะขอเกียรติบัตรพลเมืองดีเด่นให้นะ”

เย่เทียนเบ้ปาก พูดอย่างไม่พอใจ “เกียรติบัตรแลกเงินได้มั้ย”

เด็กสาวหัวเราะเสียงใส “ได้สิ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดน่าจะได้เงินรางวัลหลายหมื่นหยวนเลยล่ะ”

เย่เทียนส่ายหัวอย่างอ่อนใจ และพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ผมว่าผมไม่เอาเกียรติบัตรพลเมืองดีเด่นดีกว่า คุณจูบผมเป็นรางวัลเถอะ”

จี้เยียนหรันเซ็งมาก เขาเป็นคนเกียจคร้านแท้ๆ ทำไมถึงเอาจริงเอาจังในเรื่องนี้จังล่ะ

ทว่า เห็นท่าทางขอจูบอย่างจริงจังของเย่เทียนแล้ว ใจของเด็กสาวอดเต้นรัวเร็วขึ้นไม่ได้

ต้องยอมรับเลยว่ามองแวบแรกเย่เทียนไม่มีอะไรที่โดดเด่นเป็นพิเศษ แต่พอได้รู้จักกันนานๆ เจ้านี่มักจะทำให้เธอเซอร์ไพรส์ได้เสมอ

สรุปแล้วจี้เยียนหรันไม่ได้รู้สึกรังเกียจเย่เทียนนักหรอก

ปัญหาอยู่ที่เย่เทียนแต่งงานแล้วนะ

เรื่องที่เฉินหวั่นชิงจดทะเบียนสมรสกับเย่เทียนแล้วจะปิดบังเธอซึ่งเป็นผู้หญิงที่ทำงานกับระบบได้อย่างไร แต่จี้เยียนหรันที่ถูกอบรมเรื่องคุณธรรมจริยธรรมมาอย่างดีแต่เด็กจะยอมรับได้ยังไง

ถึงยังไงซะพวกมือที่สามก็เป็นที่น่ารังเกียจของสังคม

“เฮ่อ ทีแรกผมนึกว่าคุณเองก็รู้สึกกับผมเหมือนกัน ตอนนี้ดูแล้ว….เฮ่อ…..”

ไม่รอให้จี้เยียนหรันได้คิดอย่างถี่ถ้วน เย่เทียนก็ทำหน้าตาเจ็บปวดรวดร้าวด้วยฝีมือการแสดงอันยอดเยี่ยม “ที่แท้ผมก็คิดไปเองมาตลอด”

เห็นท่าทางเจ็บปวดของเย่เทียนแล้ว จี้เยียนหรันรู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูก เธอรีบบอก “เย่เทียน คุณอย่าเป็นแบบนี้สิ คุณ…..”

ไม่รอให้เด็กสาวพูดจบ เย่เทียนก็ชิงพูดขัดขึ้นมาก่อน “คุณไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ผมรู้ว่าคุณจะพูดอะไร คุณจะแจกการ์ดคนดีให้ผมใช่มั้ยล่ะ”

“เอาเถอะ ผมไปหามุมเลียแผลตัวเองดีกว่า!”

พูดจบ เย่เทียนก็โบกมืออย่างเศร้าสร้อย และหันหลังทำท่าจะกลับ

จี้เยียนหรันเห็นท่าก็ใจไม่ดี เธอนึกว่าเย่เทียนเสียใจเพราะการปฏิเสธของตัวเองจริงๆ

เพื่อไม่ทำร้ายความตั้งใจของเย่เทียน เด็กสาวกัดฟันกระทืบเท้าและก้าวไปอยู่ตรงหน้าเย่เทียนอย่างฉับไว ใบหน้าสวยๆของเธอแดงก่ำ

“ฉันรู้ว่าคุณช่วยฉันไว้ แต่คุณ….เอาเถอะ ถ้าคุณต้องการมากละก็ ฉันจูบคุณสักครั้งก็คงไม่เป็นไร”

เมื่อเธอพูดแบบนี้ แม้ว่าเย่เทียนจะยังมีท่าทีเหมือนเสียใจอย่างสุดซึ้ง แต่ในใจนั้นยิ้มปากไม่หุบเลยล่ะ แม่นี่ไร้เดียงสาจริงๆ!