จี้เยียนหรันเห็นเย่เทียนที่หันหลังจากไปแล้วลนลานขึ้นมาในบัดดล
“เอาเถอะ อย่างมากก็แค่โดนไซบีเรียเลียปาก”
เด็กสาวที่ตัดสินใจแล้วรีบเร่งฝีเท้าขวางทางไปของเย่เทียนไว้
“ถ้าคุณยืนยัน ฉันจูบคุณสักครั้งก็คงไม่เป็นไร”
เมื่อเธอพูดแบบนี้ เย่เทียนยินดีปรีดาในใจ ทว่ายังคงทำหน้าเจ็บปวดรวดร้าวอยู่
“ผมเป็นคนไม่ชอบฝืนใจใคร ถ้าคุณไม่เต็มใจไม่จำเป็นต้องฝืนหรอก”
“คุณจะจูบมั้ย ถ้าคุณไม่จูบฉันไปแล้วนะ”
จี้เยียนหรันเดือดขึ้นมาทันที เธอแสดงเจตนาชัดเจนแล้วทำไมหมอนี่ยังจะยึกยักอยู่ได้
“คุณพูดเองนะ งั้นผมจูบจริงแล้วนะ!”
เย่เทียนลอบหัวเราะในใจ แกล้งทำเป็นเขินอาย
“คุณเป็นคนอิดออดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ คุณ….อือออ…..”
จี้เยียนหรันกำลังจะบ่นเขา น่าเสียดายที่เย่เทียนไม่ได้ให้โอกาสเธอมากนัก
ตำรวจสาวแสนสวยยอมขนาดนี้แล้วขืนเขาพูดมากต่อไปยังเป็นผู้ชายอยู่เหรอ
เขาคว้าเอวบางประหนึ่งกระดาษเอสี่ของจี้เยียนหรันมาโอบ และก้มหน้าประทับริมฝีปากลงไปอย่างแรง
การจู่โจมกะทันหันนี้เล่นเอาจี้เยียนหรันอึ้งทำอะไรไม่ถูก ตาสวยของเธอเบิกกว้างขณะที่มองเย่เทียน
เธอคิดไม่ถึงว่าเย่เทียนจะพูดปุ๊บทำปั๊บ ไม่ให้โอกาสเธอได้ตั้งตัวเลยสักนิด
ที่เธอยิ่งคิดไม่ถึงคือเย่เทียนจะเล็งมาที่ปาก
เธอผู้ไร้เดียงสาคิดว่าจะให้เย่เทียนจูบที่แก้มเท่านั้น อย่างมากก็ถือซะว่าโดนไซบีเรียที่บ้านเลีย
เย่เทียนฉวยโอกาสที่เด็กสาวกำลังอยู่ในภวังค์ สอดลิ้นเข้าไปในปากของเด็กสาวอย่างคล่องแคล่ว พยายามบุกเข้าไปเขตหอมหวานนั้น
ในขณะที่เกือบจะสูญเสียเอกราชในช่องปาก ในที่สุดจี้เยียนหรันก็ได้สติ เธอโมโหขึ้นมา รีบยื่นมือจะผลักเย่เทียนออกไป
ทว่า กำลังของเธอจะสู้เย่เทียนได้ยังไง
ต่อให้เธอผลักสุดแรงเกิดก็ยากจะทำให้เย่เทียนขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย ทั้งคู่จูบกันไม่รู้จักจบสิ้น
เรื่องนี้ทำให้บรรดาลูกน้องที่รับหน้าที่กระทืบพวกจูยิ่วฟานสามคนหน้าตาเต็มไปด้วยความอิจฉา อุทานในใจว่าสมกับเป็นคุณชายเย่ แม้แต่ตำรวจหญิงผู้เลอโฉมอันดับหนึ่งยังได้จูบกัน โคตรเจ๋ง
เย่เทียนสัมผัสได้ว่าลมหายใจของจี้เยียนหรันเริ่มหอบ ถึงยอมปล่อยเธออย่างพึงพอใจ
จี้เยียนหรันรีบดิ้นออกมาจากอ้อมกอดของเย่เทียน ภายใต้แสงสลัวๆของไฟข้างทาง เด็กสาวที่มีสีหน้าเขินอายสวยจนยากจะหาใครเทียมได้
เด็กสาวตาโตจ้องเย่เทียนอย่างขุ่นเคือง
ไม่พูดเรื่องที่เธอโดนเด็กผู้ชายคนหนึ่งลอบจู่โจมหอมแก้มไปทีตอนปอสาม นี่เป็นครั้งที่สองที่ผู้ชายที่ไม่ใช่ญาติได้จูบเธอ
พูดง่ายๆคือ เมื่อกี้คือจูบแรกของเธอ!
กลับโดนเย่เทียนแย่งไปได้ด้วยวิธีที่เรียกได้ว่าต่ำช้า
แม้จะพูดแบบนั้น จี้เยียนหรันกลับไม่รู้สึกโกรธ กลับมีความรู้สึกที่ไม่รู้จะอธิบายยังไงมากกว่า
เย่เทียนไม่สนว่าเด็กสาวคิดอะไรอยู่ เขาเลียปากหน้าด้านๆราวกับกำลังหวนนึกถึง
“คนสวย นี่ก็มืดมากแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ”
“นี่เป็นของที่คุณปู่คุณขอมา รบกวนคุณมอบให้เขาด้วย”
เย่เทียนที่ได้เอาเปรียบควักขวดหยกออกมาขวดหนึ่งยัดใส่มือจี้เยียนหรัน เขายิ้มร้ายๆและจากไปอย่างรวดเร็ว
“คุณ…..”
ทีแรกจี้เยียนหรันจะหยุดเขาไว้ แต่พูดออกมาได้เพียงคำเดียวร่างของเย่เทียนก็หายไปจากตรงหน้าแล้ว
เด็กสาวส่ายหัวอย่างอ่อนใจ เธอเปิดขวดหยกเพื่อดม ของในนี้หากไม่ใช่ยาเพิ่มพลังแล้วจะเป็นสิ่งใดได้อีก
เด็กสาวเก็บขวดหยกและนึกถึงการจูบอันยาวนานถึงสามนาทีเมื่อกี้ เธอรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว
เธอหันมองทิศที่เย่เทียนหายไปแล้วอดพึมพำไม่ได้ “บางที การคบกับคุณก็คงไม่เลว”
“ถุย! จี้เยียนหรันเธอคิดอะไรอยู่ในหัวเนี่ย หรือเธออยากเป็นมือที่สามที่เสียชื่อเสียงป่นปี้ไปอีกยาวนาน”
วินาทีต่อมา เด็กสาวก็รีบล้มเลิกความคิดอันไร้สาระนี้
สุดท้ายจี้เยียนหรันได้แต่ยิ้มเฝื่อนๆและส่ายหัว พร้อมพึมพำกับตัวเอง “เย่เทียนเอ๋ยเย่เทียน ถ้าคุณยังไม่แต่งงานคงจะดีมาก”
เนิ่นนานกว่าเธอจะเริ่มได้สติ เธอกวาดสายตามองอาชญากรสามคนที่โดนตีจนพิการ
ขณะนั้น พวกจูยิ่วฟานสามคนเจ็บจนหายใจหอบสีหน้าซีดเผือด พอสังเกตเห็นสายตาของจี้เยียนหรันที่มองมา ทั้งสามกลัวจนตัวสั่น
“เธอ เธอจะทำอะไรอีก?!”
“ทำอะไร? ก็ต้องพาพวกนายกลับไปที่สถานีตำรวจน่ะสิ”
“พวกนายสามคนมันขยะสังคม เตรียมใจที่จะติดคุกตราบชั่วกัลปาวสานซะ”
จี้เยียนหรันกลับมามีท่าทีเย็นชาเหมือนปกติเมื่อเผชิญหน้ากับอาชญากรทั้งสาม เธอสั่งให้ลูกน้องแก๊งเสือดำอัดทั้งสามคนให้สลบแล้วพาขึ้นรถ ก่อนจะขับรถไปที่สถานีตำรวจ
…..
ในความเป็นจริง เย่เทียนยังไม่ได้ไปไกล การกำราบพวกหลงเจี้ยนหัวสามคนเป็นเพียงก้าวแรก ไม่ได้หมายความว่าเรื่องคืนนี้จะจบเพียงเท่านี้!
เมื่อเห็นรถของจี้เยียนหรันขับออกไปแล้ว เย่เทียนถึงกลับไปที่จวี่เค่อโหลว
ในเวลานี้ บรรดาลูกน้องแก๊งมังกรที่เต็มใจเข้าร่วมกับเชิ่งหู่ไม่เป็นอะไร แต่คนของเซิ่งเหอเซิ่งกลับถูกมัดไว้อย่างแน่นหนาในมุมหนึ่ง
นี่คือสิ่งที่เย่เทียนและเชิ่งหู่ หลิวชิงสองคนคุยกันไว้แต่แรก แต่เดิมพวกลูกน้องเซิ่งเหอเซิ่งก็เป็นคนจากเมืองเอก โตมาในเมืองเอก จะให้พวกเขาเข้าร่วมฝ่ายเจียงหนันออกจะเป็นการฝืนพวกเขาเกินไป
แต่เพื่อไม่ให้พวกเขาส่งข่าวให้จูยิ่วถิงที่อยู่เมืองเอก คืนนี้พวกเขาจำต้องค้างคืนอยู่ในจวี่เค่อโหลวที่เละเทะแห่งนี้
“คุณชายเย่ หลังจากนี้เราควรทำยังไงต่อไปครับ?”
เมื่อเห็นเย่เทียนกลับมา เชิ่งหู่และหลิวชิงรีบเข้าไปต้อนรับ
“เอาตามที่เราคุยกันก่อนหน้านี้ พวกนายรับหน้าที่ไปรับช่วงอาณัติของแก๊งมังกร ฉันจะไปที่ฐานทัพใหญ่ของแก๊งมังกร”
เมื่อเห็นทุกอย่างดำเนินไปเหมือนกับที่คาดการณ์ไว้ เย่เทียนพยักหน้าอย่างพอใจและหันหลังจากไปทันที
เวลาเร่งรัด มีลูกน้องสิบกว่าคนรับหน้าที่อยู่ดูคนในจวี่เค่อโหลว เชิ่งหู่และหลิวชิงสองคนไม่มัวจ้อกับเย่เทียนต่อ ต่างแยกย้ายกันไปยังอาณัติที่ใกล้ที่สุดของแก๊งมังกร
ไม่เพียงแค่นั้น ลูกน้องของหลิวชิงและเชิ่งหู่สองคนที่ได้รับมอบหมายแต่แรกพากันออกโรง แยกย้ายกันรุดหน้าไปที่อาณัติของแก๊งมังกร
ส่วนฐานทัพใหญ่ของแก๊งมังกรเป็นหน้าที่ของเย่เทียนแต่ผู้เดียว
แน่นอนว่าถ้านับลูกน้องที่ขับรถพาเย่เทียนไปก็พอจะนับว่าเป็นคนสองคนได้
รถแล่นเร็วจี๋ตลอดทาง เย่เทียนหลับตาลงเพื่อพักสายตา นิ่งรอศึกที่กำลังจะเผชิญ
คนที่เป็นผู้รับผิดชอบต้อนรับจูยิ่วถิงสามคนเป็นลูกน้องคนสนิทของเชิ่งหู่และหลิวชิง ตอนจัดการพวกเขาไม่ลืมที่จะบีบบังคับให้พวกเขาสารภาพ นี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำไมถึงต้องลากออกไป
ใครใช้ให้คุณหนูจี้เป็นตำรวจกันเล่า? บางสิ่งบางอย่างจำเป็นต้องหลบซ่อนจากเธอ
ภายใต้การสารภาพของหลงเจี้ยนหัว เย่เทียนไม่ได้รู้เพียงว่าเหตุขัดข้องของลิฟท์เป็นฝีมือของแก๊งมังกร แต่ยังรู้อีกด้วยว่าคนที่บงการอยู่เบื้องหลังคือหมาป่าโลภแห่งแก๊งS.P.L!
“หมาป่าโลภรึ? ชาติก่อนฉันฆ่าแกเหมือนฆ่าหมาตัวหนึ่ง ไม่รู้ว่าชาตินี้แกได้พัฒนาขึ้นบ้างมั้ย?”
เมื่อนึกถึงภาพพบปะที่กำลังจะเกิดขึ้น เย่เทียนก็คลี่ยิ้มมีเลศนัยที่มุมปาก…