บทที่ 228 ก่อนพายุโหม

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

จี้เยียนหรันเห็นเย่เทียนที่หันหลังจากไปแล้วลนลานขึ้นมาในบัดดล

“เอาเถอะ อย่างมากก็แค่โดนไซบีเรียเลียปาก”

เด็กสาวที่ตัดสินใจแล้วรีบเร่งฝีเท้าขวางทางไปของเย่เทียนไว้

“ถ้าคุณยืนยัน ฉันจูบคุณสักครั้งก็คงไม่เป็นไร”

เมื่อเธอพูดแบบนี้ เย่เทียนยินดีปรีดาในใจ ทว่ายังคงทำหน้าเจ็บปวดรวดร้าวอยู่

“ผมเป็นคนไม่ชอบฝืนใจใคร ถ้าคุณไม่เต็มใจไม่จำเป็นต้องฝืนหรอก”

“คุณจะจูบมั้ย ถ้าคุณไม่จูบฉันไปแล้วนะ”

จี้เยียนหรันเดือดขึ้นมาทันที เธอแสดงเจตนาชัดเจนแล้วทำไมหมอนี่ยังจะยึกยักอยู่ได้

“คุณพูดเองนะ งั้นผมจูบจริงแล้วนะ!”

เย่เทียนลอบหัวเราะในใจ แกล้งทำเป็นเขินอาย

“คุณเป็นคนอิดออดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ คุณ….อือออ…..”

จี้เยียนหรันกำลังจะบ่นเขา น่าเสียดายที่เย่เทียนไม่ได้ให้โอกาสเธอมากนัก

ตำรวจสาวแสนสวยยอมขนาดนี้แล้วขืนเขาพูดมากต่อไปยังเป็นผู้ชายอยู่เหรอ

เขาคว้าเอวบางประหนึ่งกระดาษเอสี่ของจี้เยียนหรันมาโอบ และก้มหน้าประทับริมฝีปากลงไปอย่างแรง

การจู่โจมกะทันหันนี้เล่นเอาจี้เยียนหรันอึ้งทำอะไรไม่ถูก ตาสวยของเธอเบิกกว้างขณะที่มองเย่เทียน

เธอคิดไม่ถึงว่าเย่เทียนจะพูดปุ๊บทำปั๊บ ไม่ให้โอกาสเธอได้ตั้งตัวเลยสักนิด

ที่เธอยิ่งคิดไม่ถึงคือเย่เทียนจะเล็งมาที่ปาก

เธอผู้ไร้เดียงสาคิดว่าจะให้เย่เทียนจูบที่แก้มเท่านั้น อย่างมากก็ถือซะว่าโดนไซบีเรียที่บ้านเลีย

เย่เทียนฉวยโอกาสที่เด็กสาวกำลังอยู่ในภวังค์ สอดลิ้นเข้าไปในปากของเด็กสาวอย่างคล่องแคล่ว พยายามบุกเข้าไปเขตหอมหวานนั้น

ในขณะที่เกือบจะสูญเสียเอกราชในช่องปาก ในที่สุดจี้เยียนหรันก็ได้สติ เธอโมโหขึ้นมา รีบยื่นมือจะผลักเย่เทียนออกไป

ทว่า กำลังของเธอจะสู้เย่เทียนได้ยังไง

ต่อให้เธอผลักสุดแรงเกิดก็ยากจะทำให้เย่เทียนขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย ทั้งคู่จูบกันไม่รู้จักจบสิ้น

เรื่องนี้ทำให้บรรดาลูกน้องที่รับหน้าที่กระทืบพวกจูยิ่วฟานสามคนหน้าตาเต็มไปด้วยความอิจฉา อุทานในใจว่าสมกับเป็นคุณชายเย่ แม้แต่ตำรวจหญิงผู้เลอโฉมอันดับหนึ่งยังได้จูบกัน โคตรเจ๋ง

เย่เทียนสัมผัสได้ว่าลมหายใจของจี้เยียนหรันเริ่มหอบ ถึงยอมปล่อยเธออย่างพึงพอใจ

จี้เยียนหรันรีบดิ้นออกมาจากอ้อมกอดของเย่เทียน ภายใต้แสงสลัวๆของไฟข้างทาง เด็กสาวที่มีสีหน้าเขินอายสวยจนยากจะหาใครเทียมได้

เด็กสาวตาโตจ้องเย่เทียนอย่างขุ่นเคือง

ไม่พูดเรื่องที่เธอโดนเด็กผู้ชายคนหนึ่งลอบจู่โจมหอมแก้มไปทีตอนปอสาม นี่เป็นครั้งที่สองที่ผู้ชายที่ไม่ใช่ญาติได้จูบเธอ

พูดง่ายๆคือ เมื่อกี้คือจูบแรกของเธอ!

กลับโดนเย่เทียนแย่งไปได้ด้วยวิธีที่เรียกได้ว่าต่ำช้า

แม้จะพูดแบบนั้น จี้เยียนหรันกลับไม่รู้สึกโกรธ กลับมีความรู้สึกที่ไม่รู้จะอธิบายยังไงมากกว่า

เย่เทียนไม่สนว่าเด็กสาวคิดอะไรอยู่ เขาเลียปากหน้าด้านๆราวกับกำลังหวนนึกถึง

“คนสวย นี่ก็มืดมากแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ”

“นี่เป็นของที่คุณปู่คุณขอมา รบกวนคุณมอบให้เขาด้วย”

เย่เทียนที่ได้เอาเปรียบควักขวดหยกออกมาขวดหนึ่งยัดใส่มือจี้เยียนหรัน เขายิ้มร้ายๆและจากไปอย่างรวดเร็ว

“คุณ…..”

ทีแรกจี้เยียนหรันจะหยุดเขาไว้ แต่พูดออกมาได้เพียงคำเดียวร่างของเย่เทียนก็หายไปจากตรงหน้าแล้ว

เด็กสาวส่ายหัวอย่างอ่อนใจ เธอเปิดขวดหยกเพื่อดม ของในนี้หากไม่ใช่ยาเพิ่มพลังแล้วจะเป็นสิ่งใดได้อีก

เด็กสาวเก็บขวดหยกและนึกถึงการจูบอันยาวนานถึงสามนาทีเมื่อกี้ เธอรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว

เธอหันมองทิศที่เย่เทียนหายไปแล้วอดพึมพำไม่ได้ “บางที การคบกับคุณก็คงไม่เลว”

“ถุย! จี้เยียนหรันเธอคิดอะไรอยู่ในหัวเนี่ย หรือเธออยากเป็นมือที่สามที่เสียชื่อเสียงป่นปี้ไปอีกยาวนาน”

วินาทีต่อมา เด็กสาวก็รีบล้มเลิกความคิดอันไร้สาระนี้

สุดท้ายจี้เยียนหรันได้แต่ยิ้มเฝื่อนๆและส่ายหัว พร้อมพึมพำกับตัวเอง “เย่เทียนเอ๋ยเย่เทียน ถ้าคุณยังไม่แต่งงานคงจะดีมาก”

เนิ่นนานกว่าเธอจะเริ่มได้สติ เธอกวาดสายตามองอาชญากรสามคนที่โดนตีจนพิการ

ขณะนั้น พวกจูยิ่วฟานสามคนเจ็บจนหายใจหอบสีหน้าซีดเผือด พอสังเกตเห็นสายตาของจี้เยียนหรันที่มองมา ทั้งสามกลัวจนตัวสั่น

“เธอ เธอจะทำอะไรอีก?!”

“ทำอะไร? ก็ต้องพาพวกนายกลับไปที่สถานีตำรวจน่ะสิ”

“พวกนายสามคนมันขยะสังคม เตรียมใจที่จะติดคุกตราบชั่วกัลปาวสานซะ”

จี้เยียนหรันกลับมามีท่าทีเย็นชาเหมือนปกติเมื่อเผชิญหน้ากับอาชญากรทั้งสาม เธอสั่งให้ลูกน้องแก๊งเสือดำอัดทั้งสามคนให้สลบแล้วพาขึ้นรถ ก่อนจะขับรถไปที่สถานีตำรวจ

…..

ในความเป็นจริง เย่เทียนยังไม่ได้ไปไกล การกำราบพวกหลงเจี้ยนหัวสามคนเป็นเพียงก้าวแรก ไม่ได้หมายความว่าเรื่องคืนนี้จะจบเพียงเท่านี้!

เมื่อเห็นรถของจี้เยียนหรันขับออกไปแล้ว เย่เทียนถึงกลับไปที่จวี่เค่อโหลว

ในเวลานี้ บรรดาลูกน้องแก๊งมังกรที่เต็มใจเข้าร่วมกับเชิ่งหู่ไม่เป็นอะไร แต่คนของเซิ่งเหอเซิ่งกลับถูกมัดไว้อย่างแน่นหนาในมุมหนึ่ง

นี่คือสิ่งที่เย่เทียนและเชิ่งหู่ หลิวชิงสองคนคุยกันไว้แต่แรก แต่เดิมพวกลูกน้องเซิ่งเหอเซิ่งก็เป็นคนจากเมืองเอก โตมาในเมืองเอก จะให้พวกเขาเข้าร่วมฝ่ายเจียงหนันออกจะเป็นการฝืนพวกเขาเกินไป

แต่เพื่อไม่ให้พวกเขาส่งข่าวให้จูยิ่วถิงที่อยู่เมืองเอก คืนนี้พวกเขาจำต้องค้างคืนอยู่ในจวี่เค่อโหลวที่เละเทะแห่งนี้

“คุณชายเย่ หลังจากนี้เราควรทำยังไงต่อไปครับ?”

เมื่อเห็นเย่เทียนกลับมา เชิ่งหู่และหลิวชิงรีบเข้าไปต้อนรับ

“เอาตามที่เราคุยกันก่อนหน้านี้ พวกนายรับหน้าที่ไปรับช่วงอาณัติของแก๊งมังกร ฉันจะไปที่ฐานทัพใหญ่ของแก๊งมังกร”

เมื่อเห็นทุกอย่างดำเนินไปเหมือนกับที่คาดการณ์ไว้ เย่เทียนพยักหน้าอย่างพอใจและหันหลังจากไปทันที

เวลาเร่งรัด มีลูกน้องสิบกว่าคนรับหน้าที่อยู่ดูคนในจวี่เค่อโหลว เชิ่งหู่และหลิวชิงสองคนไม่มัวจ้อกับเย่เทียนต่อ ต่างแยกย้ายกันไปยังอาณัติที่ใกล้ที่สุดของแก๊งมังกร

ไม่เพียงแค่นั้น ลูกน้องของหลิวชิงและเชิ่งหู่สองคนที่ได้รับมอบหมายแต่แรกพากันออกโรง แยกย้ายกันรุดหน้าไปที่อาณัติของแก๊งมังกร

ส่วนฐานทัพใหญ่ของแก๊งมังกรเป็นหน้าที่ของเย่เทียนแต่ผู้เดียว

แน่นอนว่าถ้านับลูกน้องที่ขับรถพาเย่เทียนไปก็พอจะนับว่าเป็นคนสองคนได้

รถแล่นเร็วจี๋ตลอดทาง เย่เทียนหลับตาลงเพื่อพักสายตา นิ่งรอศึกที่กำลังจะเผชิญ

คนที่เป็นผู้รับผิดชอบต้อนรับจูยิ่วถิงสามคนเป็นลูกน้องคนสนิทของเชิ่งหู่และหลิวชิง ตอนจัดการพวกเขาไม่ลืมที่จะบีบบังคับให้พวกเขาสารภาพ นี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำไมถึงต้องลากออกไป

ใครใช้ให้คุณหนูจี้เป็นตำรวจกันเล่า? บางสิ่งบางอย่างจำเป็นต้องหลบซ่อนจากเธอ

ภายใต้การสารภาพของหลงเจี้ยนหัว เย่เทียนไม่ได้รู้เพียงว่าเหตุขัดข้องของลิฟท์เป็นฝีมือของแก๊งมังกร แต่ยังรู้อีกด้วยว่าคนที่บงการอยู่เบื้องหลังคือหมาป่าโลภแห่งแก๊งS.P.L!

“หมาป่าโลภรึ? ชาติก่อนฉันฆ่าแกเหมือนฆ่าหมาตัวหนึ่ง ไม่รู้ว่าชาตินี้แกได้พัฒนาขึ้นบ้างมั้ย?”

เมื่อนึกถึงภาพพบปะที่กำลังจะเกิดขึ้น เย่เทียนก็คลี่ยิ้มมีเลศนัยที่มุมปาก…