เซี่ยจิงหยูอ้าปากแต่ลำคอของนางก็ดูเหมือนว่ามีอะไรติดอยู่ที่กั้นขวางมิให้นางเปล่งเสียงออกมา นางรู้ว่านี่คือสิ่งที่นางถวิลหามาตลอดเวลาและยังเป็นความคาดหวังที่อยู่ในใจเสมอมา และด้วยความตกใจที่ได้เห็นทุกสิ่งตรงหน้า ทั้งหมดรวมกับความสุขอันเอ่อล้นนั้นทำให้นางพูดอะไรไม่ออก
นางได้เห็นซือหยูอีกครั้งแล้ว! หลังจากที่พบว่าหยินหยูคือซือหยูตัวจริง นางก็แทบจะพลิกแผ่นดินหาด้วยความร้อนใจ โดยเฉพาะเมื่อรับรู้ว่าไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่ที่ใด
นางกังวลกับชะตาของซือหยูและอนาคตของเขา นางยังเป็นห่วงว่าเขาจะเป็นเหมือนคลื่นในแม่น้ำที่ไม่เคยพบกับความสงบสุข แต่ตอนนี้ในที่สุดนางก็ได้เห็นใบหน้าที่นางแยกจากมานาน เซี่ยจิงหยูเหมือนได้พบกับความมั่นคงครั้งใหม่ที่ได้มีซือหยูอยู่เคียงข้าง
ส่วนฝั่งไป่ลั่วและคนที่เหลือนั้นยังคงตัวสั่นกับสิ่งที่เพิ่งได้พบ เขามองบุรุษผมสีเงินลึกลับและเบิกตากว้าง ชายผมสีเงินที่สวมชุดดำผู้นี้สังหารผึ้งสีม่วงเก้าตัวได้ในพริบตาเดียว!
นี่มันพลังอะไรกัน?
แรงกดดันดั่งคลื่นยักษ์ถาโถมเข้าใส่พวกเขา! แม้ว่าชายผมสีเงินจะหันหลังให้ เขาก็แผ่แรงกดดันมหาศาลตรงไปยังพวกเขา ในด้านของพลัง เขาอาจจะไม่ได้อ่อนแอไปกว่าพวกคนจากจิวโจวด้วยซ้ำ!
บุรุษผมสีเงินตรงหน้านั้นแปลกตาสำหรับพวกเขามาก เขาน่าจะเป็นคนจากจิวโจว! ไป่ลั่วอ้าปากค้างเมื่อคิดถึงจำนวนยอดฝีมือที่มากมายมหาศาลจากจิวโจว! และยังตกตะลึงที่พบว่าชายหนุ่มตรงหน้าอายุเพียงแค่สิบเจ็ดปี!
“ขอบคุณที่ช่วยพวกข้า!”
ไป่ลั่วประสานมือขอบคุณ น้ำเสียงของเขาแสดงความนับถือเป็นอย่างสูง จ้าวแห่งความมืดคนอื่นก็ทำแบบเดียวกัน
ยอดฝีมือจากจิวโจวผู้นี้ช่วยชีวิตพวกเขา เขาเป็นชายที่มีน้ำใจอย่างแน่นอน เขาไม่มีความตั้งใจจะต่อสู้กับพวกเขาเลย
แต่ชายผมสีเงินกลับไม่สนใจพวกเขาเลยแม้แต่น้อย เขากลับมองดูเหล่าผึ้งแก้ว
“สัตว์อสูรกึ่งภูติที่มีแก้วพลังชีวิตหนึ่งดวงรึ? สมบัติที่นี่ดูเหมือนจะเข้าถึงง่ายกว่าที่ข้าคิด”
มีสัตว์อสูรในขอบเขตภูติในที่เก็บสมบัติอื่น แต่ที่นี่เป็นเพียงแค่กึ่งภูติ ไม่ยากที่ซือหยูจะรับมือกับพวกมัน
ผึ้งแก้วตัวหนึ่งมองซือหยูด้วยความแค้นและกู้ร้อง มันมองไปทางท้องฟ้ากับผึ้งทมิฬกลุ่มใหญ่ที่ปกป้องป่า มันเริ่มบินหนีไป! ผึ้งแก้วสัมผัสได้ว่าซือหยูนั้นอันตรายมาก
“มันหนีไปแล้ว แต่ก็เอาเถอะ ข้าจะได้ไม่ต้องเสียเวลา”
ซือหยูครุ่นคิดก่อนจะเลิกคิดที่จะไล่ตาม เขาบินไปทางป่า
“สหาย ผึ้งพวกนั้นคือของของเจ้านะ….”
ไป่ลั่วมองซากศพผึ้งด้วยความโลภ มันอาจจะต้องมีการต่อรองกันที่ทำให้พวกเขาได้วัตถุดิบไปบางส่วน
แต่ซือหยูไม่สนใจเขา เขาไปที่ป่ามืดสนิท เหล่าจ้าวแห่งความมืดรวมถึงไป่ลั่วตกตะลึงมาก
เขาเป็นคนจากจิวโจวที่เย็นชามาก!
ไป่ลั่วรีบเก็บซากผึ้งสีม่วงทั้งเก้าจากนั้นก็มองไปยังจ้าวแห่งความมืดคนอื่น พวกเขารีบตามซือหยูไปในป่า
เมื่อพวกเขาเดินไปทางซือหยู ซือหยูก็หยุดเดิน เขาหันหลังไปพูดอย่างเยือกเย็น
“หยุดซะ!”
ไป่ลั่วกับคนที่เหลือหยุดทันทีราวกับถูกฟาดด้วยสายฟ้า หัวใจพวกเขาหยุดเต้นไปชั่วขณะ
“ใครบอกให้เจ้าตามข้ามา?”
ซือหยูค่อยๆหันไปเผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาที่ไม่เคยปรากฏให้เห็นในทวีปเฉินหลง ใบหน้าหล่อเหลาของเขานั้นเป็นเอกลักษณ์ เหล่าจ้าวแห่งความมืดประทับใจมาก
“ช่างรูปหล่อนัก! เขาเหมือนกับภูติเลย! ไม่มีใครในทวีปเฉินหลงเทียบกับเขาได้เลย”
จ้าวแห่งความมืดคนหนึ่งอุทานออกมา
แม้ว่าที่เหลือจะไม่พยักหน้า พวกเขาก็ยอมรับในคำพูดนั้น รูปลักษณ์ของเขาไม่ใช่สิ่งที่จะมีได้จากคนในทวีปเฉินหลง
ดูเหมือนว่ายอดฝีมือจากจิวโจวผู้นี้จะทำให้พวกเขาตกใจ และด้วยพลังมหาศาล เหล่าจ้าวแห่งความมืดเริ่มขนลุก
ไป่ลั่วพูดอย่างนับถือ เขาประสานมือขอโทษ
“โปรดให้อภัยพวกเรา เราจะถอยเดี๋ยวนี้แหละ”
ซือหยูมองพวกเขาอย่างเยือกเย็น
“ข้าช่วยเจ้าก็เพราะว่าเราทั้งคู่ต่างมาจากทวีปเฉินหลง อย่าได้ใจให้มากนัก”
คนที่เหลือพยักหน้าแต่สีหน้าก็บิดเบี้ยวไป ตามมาด้วยความตกตะลึงล้วนๆ…
“อะไรนะ? สหาย…เจ้ามาจากทวีปเฉินหลงงั้นรึ?”
ไป่ลั่วตกใจมาก
พวกเขาเป็นหนึ่งในกลุ่มคนจากทวีปเฉินหลงไม่กี่คนเท่านั้นในลานประลองลับสวรรค์ พวกเขาจดจำยอดฝีมือทุกคนได้! แล้วบุคคลผู้น่าหวาดกลัวผู้นี้มาจากไหนกันเล่า?
ซือหยูตอนนี้จึงเห็นได้ว่าเหล่าจ้าวแห่งความมืดกำลังเข้าใจผิดว่าเขามาจากจิวโจว เพราะอย่างไรเขาก็ไม่เคยเผยใบหน้าในทวีปเฉินหลงมาก่อน
“หึหึ เดี๋ยวเดียวเจ้าก็ลืมข้าไปแล้วสินะ ปีก่อน เจ้ากับข้าก็มาจากอาณาจักรเดียวกัน”
ซือหยูยิ้มบางๆ
สิ่งที่เขาพูดถึงนั้นมีแค่เพียงอาณาจักรทมิฬเท่านั้น แต่คำพูดนั้นทำให้พวกจ้าวแห่งความมืดตกตะลึงยิ่งกว่าเดิม
ไป่ลั่วเบิกตากว้าง เขาร้องเสียงหลง
“จะ…เจ้ามาจากอาณาจักรทมิฬรึ? เป็นไปไม่ได้! ข้าเป็นหัวหน้าของเจ็ดจ้าวแห่งความมืด ข้าถามนามเจ้าจะได้หรือไม่?”
ภาพหลายต่อหลายคนแล่นผ่านสมองไป่ลั่ว แต่ก็ไม่มีใครเลยที่คล้ายกับชายหนุ่มตรงหน้า เด็กหนุ่มอันน่ากลัวเช่นนี้ควรจะต้องเป็นหนึ่งในจ้าวแห่งความมืดอยู่แล้วสิ
หรือว่าเขาจะเป็นจ้าวแห่งความมืดจากยุคก่อน? แต่ถ้าเป็นเช่นนั้น เขาก็ควรจะมีอายุเกินสามสิบปีไปแล้ว อายุของเขาในตอนนี้ไม่ตรงกัน!
“ชื่อของข้าน่ะรึ…หึหึ เจ้าลืมไปแล้วรึไง ไป่ลั่ว! ข้าคือรองเจ้าตำหนักที่ล้ำค่าลำดับสิบแห่งตำหนักรองตอนเหนือ หยินหยู! ถ้าข้าจำไม่ผิด ข้าก็เป็นที่ต้องการตัวจากพวกเจ้า”
นี่คือเจ้าตำหนักลำดับสิบหยินหยูตัวจริงเรนอะ?! พวกเขาแน่นิ่งไม่ไหวติง ดูเหมือนว่าพวกเขาจะลืมเด็กหนุ่มที่หลิงเสี่ยวเทียนปกป้องไปแล้ว
เพราะอย่างไรซือหยูในตอนนั้นก็อ่อนแอมาก เขาทำได้แค่เพียงเงยหน้ามองเจ็ดจ้าวแห่งความมืด พวกเขาไม่รู้มาก่อนเลย! แต่เมื่อพวกเขานึกย้อนกลับไป ในที่สุดพวกเขาก็จำได้!
“หยินหยู…นี่เจ้าเองเรอะ!!”
ไป่ลั่วถอนหายใจเข้ายาวราวกับถูกฟาดด้วยสายฟ้าล้านกำลัง เขามิอาจเชื่อสายตา
พวกเขาเริ่มที่จะลืมเลือนไปแล้วเพราะหยินหยูหายตัวไปนานมาก แต่ตอนนี้เขายืนอยู่ตรงหน้าพวกเขา และด้วยในสภาพที่ทรงอำนาจ!
ความตกตะลึงนั้นเกิดจากความต่างชั้นกัน พวกเขานั้นไม่ต่างกับดาวดาวลอยล่องอยู่ในจักรวาล พวกเขาลืมความบาดหมางทั้งหมดที่มีกับซือหยูไปแล้ว พวกเขาลืมแม้กระทั่งว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตราย
“ดูเหมือนเจ้าจะจำได้แล้วนะ…”
ซือหยูพูดอย่างเย็นชา
เหล่าจ้าวแห่งความมืดตกใจอย่างล้ำลึก มันเหนือความจริงไปมากราวกับความฝัน
คนคนนี้ที่พวกเขามองว่าทรงพลังและรูปงามจากจิวโจวกลับเป็นคนจากทวีปเฉินหลง! และเขายังเคยเป็นฝ่ายเดียวกัน! เขาคือยอดฝีมือทั่วๆไป ที่อ่อนแอกว่าพวกเขามากมายนัก!
ในตอนนี้ พวกเขามีความรู้สึกอันซับซ้อน กบฎแห่งอาณาจักรทมิฬผู้ที่เป็นผู้ร้ายถูกหมายตัว กลับก้าวข้ามระดับของพวกเขาทุกคนไปแล้ว!